กานต์ขับรถไปเที่ยวกาญฯ แบบกรีนๆ
ชวนกันไปแคมป์ปิ้งริมน้ำ วิว UNSEEN
มองเห็นทาง #รถไฟสายมรณะ จากอีกฝั่งของแม่น้ำแคว
ช่วงนี้ที่ #กาญจนบุรี กำลังอากาศเย็นสบาย เช้าๆ มีไอหมอก ฝนบ้างในบางเวลา แต่โดยรวมคือน่าไปเที่ยวมาก ขับรถก็ง่ายใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ก็ถึงครับ
ทริปนี้ เวลามีน้อย เน้นเที่ยวตามใจเพื่อน มีทั้งสายเที่ยวแนวประวัติศาสตร์ สายธรรมชาติสีเขียว สายนั่งริมน้ำแคมป์ปิ้ง กานต์ชอบตอนที่เราไปนั่งผิงไฟ (จากเตาต้มกาแฟ) อากาศเย็นสบาย ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย กว่า 3 ชั่วโมง เพื่อที่จะรอดูรถไฟวิ่งไปน้ำตก จาก #ฝั่งตรงข้ามของถ้ำกระแซ ซึ่งใช้เวลาวิ่งผ่านไปแค่ราว 3 นาที แต่เป็นวินาทีที่มีความสุขมาก
เราได้มาค้นพบว่า #จุดที่เราแคมป์ปิ้งกันนั้นมันเป็นทำเลที่ดีมาก คือที่บ้านริมแคว แพริมน้ำ วิวดีสุดๆ เอาไปเลยเต็ม 10 ไม่หัก!!
อีกจุดที่น่าสนใจคือ #ร้านกาแฟบารมี ที่จะมองเห็นรถไฟวิ่งผ่านอยู่ด้านล่าง เป็นมุมถ่ายรูปที่ใครไปเที่ยวกาญจน์ ต้องไม่พลาดครับ ส่วน #โรงงานกระดาษ ก็ยังคงเท่อยู่ใจกลางเมือง
นอกจากนี้ยังได้ขับรถ MINI Countryman ไปเที่ยวเขื่อนศรีนครินทร์ วิ่งออกนอกเมืองทำความเร็วได้สบายๆ ไปชมวิวสวยๆ เหนือเขื่อน ก่อนจะมาเข้าพักค้างคืนกันที่แพริมน้ำสุดฮอตที่ยอดจองเต็มเกือบทุกคืนอย่าง X2 River Kwai Resort
อ่อ!! ก่อนขับรถกลับเข้ากรุง อยากชวนไปทาน #ข้าวเกรียบปากหม้อสุดแนวของแม่ยี่สุ่น ที่อำเภอท่ามะกา มาทำสถิติแข่งกันขำๆ ผมทานได้ 20 รอบ ก็คือเท่ากับ 100 ตัว อร่อยมาก จากนั้นแวะเก็บภาพ #วัดถ้ำเสือ ช่วงเย็นๆ ก่อนที่จะขับรถ MINI สุดเท่ยิ่งยาวกลับเข้ากรุงเทพฯ เป็นการส่งท้ายทริปเบาๆ ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา
เอาล่ะ!! ไปชมภาพและอ่านคำบรรยายที่กานต์เก็บตกจากทริปกาญจนบุรี มาฝากกันเช่นเคยครับ
#MINICOUNTRYMAN#MINITH#KANCHANABURI
—
กาญจนบุรี ทริปสั้นๆ ที่กานต์กับเพื่อนๆ เราขับรถกันจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง เป็นการเดินทางที่สนุกเพราะได้รถคู่ใจอย่าง MINI Country Man มาเป็นเพื่อนร่วมทาง
เตรียมของมาตั้งแคมป์ริมแม่น้ำแควกันเพียบเลยครับ
เมืองกาญจน์ช่วงนี้ เป็นทริปที่หลายๆ คนชอบ บ้างก็ขับรถ บางครอบครัวก็นั่งรถไฟมา อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ได้อีกบรรยากาศครับ
ภาพนี้ถ่ายจากร้านกาแฟบารมีครับ จุดเช็คอินสุดฮิต
ทริปนี้เราขนอุปกรณ์การตั้งแคมป์กันมาเยอะเลยครับ แทบไม่อยากเชื่อว่า รถยนต์ MINI จะไม่มินิอย่างที่คิด เพราะจุของได้เยอะมาก ไหนจะผมกับเพื่อนๆ อีก ทำความเร็วได้สนุกถูกใจเราเป็นอย่างมากครับ
ช่วงก่อน เมืองกาญจน์มีฝนหลงฤดู ทำเอาเขียวชะอุ่มไปตามๆ กัน เป็นอีกบรรยากาศที่สดชื่นมาก ที่หาได้ยากในเมืองหลวง
ชอบรถ MINI ภาพนี้ ดูกลืมกลืนกับโทนสีดีมากๆ ครับ
เที่ยวเมืองกาญจน์ ถ้ามีเวลาไม่มากนัก แนะนำให้ออกกันแต่เช้า จะได้เข้าไปเที่ยวและมีเวลาเช็คอินเข้าที่พักนานหน่อย
เมืองกาญจน์เป็นเมืองที่กานต์ชอบมาก มาบ่อยถึงขั้นอยากเรียกเป็น “กานต์นะจ๊ะบุรี” รักจังหวัดนี้มาก มาทีไรก็สดชื่น เขียวสบายตา ยิ่งมาช่วงหน้าหนาว อากาศจะเย็นสบายเป็นพิเศษ
ที่เห็นคือหมอกนะครับ ไม่ใช่ควัน ถึงแม้ว่ามันจะดูคล้ายกันมากก็ตามที
บางทีก็อยากจะรู้ อยากจะถามดู ว่าเธอเป็นดั่งหมอกหรือควัน ถึงกับเปิดเพลงนี้คลอไปด้วย เมื่อดูภาพนี้
เอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองกาญจน์ ก็คือล่องแพไปตามแม่น้ำแควน้อย แต่ทริปนี้เราก็มีไปนอนพักกันบนแพลอยน้ำครับ
มาถึงกาญจน์แต่เช้า แวะเดินเล่นที่ถ้ำกระแซ เก็บบรรยากาศกันก่อนครับ
แวะถ่ายรูปบนทางรถไฟสายประวัติศาสตร์กันสักหน่อย หยิบกล้องขึ้นมา ก่อนจะเล็งไปยังฝั่งตรงกันข้าม เพราะเป็นจุดหมายต่อไปที่เราจะไปแคมป์ปิ้งเบาๆ กันที่นั่น
ขับรถยนต์ MINI ข้ามสะพานและผ่านช่วงจุดที่ต้นไม้เขียวๆ ครึ้มๆ ดูสดชื่นมากครับ
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็มาถึงอีกฝั่งของแม่น้ำแคว ที่เรามองมาจากบนทางรถไฟเมื่อสักครู่
จุดนี้คือ บ้านริมแควแพริมน้ำ รีสอร์ท เป็นจุดกางเต้นท์ริมน้ำที่วิวดีมาก เราจอดรถ MINI เอาไว้ริมน้ำเลยครับ ก่อนจะเปิดท้ายรถช่วยกันเอาของลง
ครั้งแรกที่เพื่อนเห็นผมเตรียมของและเตรียมพร๊อพมา ถึงกับอุทานว่า “จะย้ายบ้านไปอยู่กาญจน์เหรอ?” เพราะเล่นขนมาทุกอย่าง จนแทบไม่อยากเชื่อว่า ท้ายรถ MINI จะพอใส่ แต่ก็ได้อยู่นะ จุของได้สบายๆ
หีบสมบัติที่ขนมาจากกรุงเทพฯ เต็มไปด้วยของกิน 555 กะจะเอามานั่งตั้งแคมป์กันนานๆ ทั้งวัน
สายๆ แบบนี้ ต้องต้มกาแฟดื่มกันสักหน่อย บรรยากาศดีมาก ชอบหม้อต้มจาก MOKA POT แบรนด์ดังจากอิตาลี ผมซื้อรุ่นที่ใช้กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งสามารถใช้กับแก๊สได้ด้วยเป็น 2 in 1
ส่วนเมล็ดกาแฟมาจากเอธิโอเปียครับ กลิ่นดีมาก
เพื่อนผมคนนี้เก่งเรื่องสุมไฟ เอ๊ยย!! ติดไฟตั้งเตา ดังนั้น หน้าที่นี้ต้องเป็นของเขา
Coffee with a friend is like capturing happiness in a cup.
รถไฟไทยดีเลย์ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง มาช้านิดหน่อย (ราวชั่วโมงนึง ไม่ว่ากัน) เราก็นั่งจิบกาแฟคุยกันไป เมื่อรถไฟมาเรามีเวลาไม่ถึง 3 นาที ในการเก็บภาพทั้งหมดมาฝากกัน
แวะเที่ยวช่องเขาขาด ชมร่องรอยประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่แสนสงบ ภายในมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติไปยังช่องเขาขาด ซึ่งเป็นสวนหนึ่งของทางรถไฟสายมรณะ ที่เชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำการเจาะภูเขาหินด้วยมือเปล่า เพื่อสร้างทางรถไฟ มีเรื่องราวและความทรงจำมากมายเกิดขึ้นที่นี่ ปัจจุบันยังมีร่องรอยของทางรถไฟปรากฏให้เห็นอยู่
บรรยากาศยามบ่ายแก่ๆ ที่ช่องเขาขาด คือดีมาก
พอได้เวลา เราขับรถกลับมาเช็คอินที่พักของเราคือที่ X2 River Kwai Resort แพริมน้ำสุดเท่ ที่ฮอตที่สุดในเวลานี้
ห้องพักคือวิวดี ผมเขียนรีวิวฉบับเต็มเอาไว้แล้ว เข้าไปอ่านได้ที่ http://bit.ly/37pluAp
มีแจกวอยเชอร์ที่พักสำหรับแฟนตัวยงของผมด้วยนะครับ
ชอบรูปนี้มาก นานๆ จะเห็นสระว่ายน้ำที่เป็น Infinite Pool กับแม่น้ำ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นทะเล
เชื่อมกันเป็นหนึ่งเดียวจนแทบแยกกันไม่ออก
เช้าๆ กับบนดาดฟ้าของแพริมน้ำดีไซน์สุดติ่ง ผมชอบที่นี่มาก ก็ดูวิวด้านหลังสิ ธรรมชาติ ผู้คน ท้องฟ้าและสายน้ำอยู่ร่วมกันอย่างลงตัว
อ่านรีวิว X2 River Kwai Resort ได้ที่ http://bit.ly/37pluAp
ไม่ไกลจากรีสอร์ต มีร้านกาแฟซึ่งดูภายนอกออกแนวธรรมดา แต่ว่าพอได้เวลาจะว๊าวมาก คือเวลาที่รถไฟวิ่งผ่านครับ จะเห็นวิวประมาณนี้เลย
คิดดู ขนาดฝนลงเม็ด เรายังไม่อยากจะลุก อยากดูภาพนี้ให้เต็มตา เพราะว่ากว่ารถไฟจะมา ก็รอนานอยู่นะ 555
ผมชอบสีสันและบรรยากาศของภาพนี้จัง มันดูย้อนแย้งแต่กลับลงตัว
ด้านล่างเป็นทางรถไฟ ลงมาถ่ายรูปเล่นได้ แต่เช็คเวลาหน่อยก็ดีครับ ให้เลือกตอนที่รถไฟวิ่งผ่านไปแล้วจะดีกว่า เพราะกว่าอีกขบวนถัดไปจะวิ่งมา ก็มีเวลาอยู่พอสมควร
ไปต่อกันที่เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ผมชอบมาที่นี่ เพราะนอกจากมีความสวยงามแล้ว ร้านอาหารของที่นี่ยังอร่อยอีกด้วย
สามารถอยู่ที่เขื่อนได้จนถึงช่วงเย็นๆ เลยครับ บรรยากาศดีมาก
อีกวัน ก่อนกลับ เราขับรถซอกแซกเที่ยวเล่นในตัวเมืองกาญจน์กัน
ไปแวะถ่ายรูปที่ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี เป็นอาคารร้างกลางเมือง มีสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลศิลปะแบบโมเดิร์น ยุคแรกของประเทศไทย สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 สวยมาก
โรงงานกระดาษตั้งมาก่อนรถยนต์ MINI คันแรกของโลกไม่กี่ปี
ความเก๋ที่หลายคนไม่ค่อยรู้ก็คือ โรงงานกระดาษแห่งนี้ ถือเป็นตำนานปล่องไฟสัญลักษณ์ของเมืองกาญจน์ เพราะสมัยก่อนที่การเดินทางยังไม่ค่อยดี ยังไม่มีกูเกิ้ลแมพ การที่จะรู้ว่าเราเดินทางมาถึงเมืองกาญจน์แล้วก็คือให้สังเกตปล่องไฟของโรงงานกระดาษเพราะตั้งสูงตระหง่านใจกลางเมือง
แม้จะได้รับการอนุรักษ์ ดูแลและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของเมืองกาญจน์ แต่ปัจจุบันโรงงานกระดาษ ยังไม่เปิดให้ชมด้านใน ทำได้เพียงมองดูจากภายนอกอาคารเท่านั้นครับ
มีอีกหนึ่งไฮไลท์อันซีน ที่อยากแนะนำ คืออำเภอท่ามะกา มีข้าวเกรียบปากหม้อแม่ยี่สุ่น ที่อร่อยมาก ออกโทรทัศน์มาแล้วหลายรายการ มีแฟนประจำมารอคิวทานกันไม่ขาดสาย
ที่ร้านมีเพียง 5 ที่นั่ง ถ้าคนเยอะอาจจะต้องรอคิวหน่อย เสิร์ฟเวียนไปกัน คล้ายกับเก้าอี้ดนตรี
พี่นุ้ย คนทำข้าวเกรียบ คุยเก่งมาก คอยเชียร์ให้เราทานตลอด ปากพูดไป มือแกก็แคะข้าวเกรียบมาปาดให้เราเป็นรอบๆ รอบละ 5 ตัว มีด้วยกัน 5 ไส้ คือ กุยช่าย ผักกาดดอง เต้าหู้ หน่อไม้และไส้หวาน เป็นไชโป้วกับถั่วงอก ทานกับน้ำจิ้ม 3 รส เปรี้ยว หวาน เค็ม ถ้าอยากได้เผ็ดให้ตักพริกใส่ มีผักสดชามใหญ่ให้ทานไม่อั้นครับ
ในราคาตัวละ 2 บาทเท่านั้น!! ผมทานไปทั้งหมด 20 รอบ เท่ากับ 100 ตัว เอ๊งงงงงง
ใครผ่านมาแถวท่าเรือ แนะนำร้านนี้เลยครับ อยู่แสงชูโต 17 จอดรถหน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามาได้
ก่อนกลับกรุงเทพฯ จะผ่านวัดถ้ำเสือ แวะเก็บภาพกันสักเล็กน้อย
กาญจนบุรี กับรถยนต์ MINI Country Man คู่ใจ เป็นทริปที่สนุกมากครับ ในการเดินทางทุกครั้ง นอกจากเรื่องราวระหว่างทางที่ก็สำคัญไม่แพ้จุดหมายปลายทางแล้ว
การได้เพื่อนร่วมทางดีๆ ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ทริปนี้สนุกและมีความสุขมากยิ่งขึ้นครับ
