Amanpuri

#อย่าเพิ่งตาย‼️ ถ้าคุณยังไม่ได้ไปนอนโรงแรมนี้

Amanpuri โรงแรมอมันแห่งแรกของโลกอยู่ที่ภูเก็ต

เปิดภาพเด็ดวิลล่า 5 ห้องนอนที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

_____________________________________

คำว่า #Timeless น่าจะเหมาะที่สุดกับ AMANPURI เป็น Original Resort ของเครือ AMAN เมื่อ 33 ปีที่แล้ว จุดเริ่มต้นอยู่ที่ภูเก็ต มีทีเด็ดคืองานออกแบบที่กลมกลืนกับพื้นที่ อิงแอบกับธรรมชาติ วัฒนธรรมและประเพณี

Ed Tuttle สถาปนิก ออกแบบให้ AMANPURI มีความเป็นโมเดิร์นไทย ด้วยการยกเรือนไม้สมัยอยุธยาแบบบ้านเป็นหลัง มาตั้งไว้ที่แหลมส่วนตัวของหาดสุรินทร์ ภูเก็ต ทำให้โลเคชั่นก็เป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดที่ยอดเยี่ยมของ AMAN ทั่วโลก

แต่อย่าลืมว่า AMANPURI สร้างมา 33 ปีแล้วนะครับ สมัยก่อนยังไม่มีที่พักในภูเก็ตสไตล์นี้เลย หาดสุรินทร์ในเวลานั้นคือสวยงามสุด แค่คิดจะสร้างที่พักเป็นวิลล่าหรูอยู่กลางสวนมะพร้าว เอาไว้ให้เหล่ามหาเศรษฐีได้มานอนเล่นเป็นบ้านพักตากอากาศกัน เป็นสถานที่สังสรรค์กันในหมู่เพื่อนฝูง คนก็คิดเอาว่า Adrian Zecha ผู้ก่อตั้ง AMAN ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เลย แต่เชื่อมั้ย ในเวลานั้น งานออกแบบของ AMANPURI เป็นดีไซน์ที่ล้ำสมัย ทว่าเต็มไปด้วยเรียบง่ายไร้กาลเวลา สมกับชื่อของ AMAN ที่แปลว่าความสงบ และ AMANPURI ก็แปลว่า PLACE OF PEACE สถานที่แห่งความสงบ

AMAN จึงเปิดตัวโรงแรมแห่งแรกคือ AMANPURI เมืองไทยจึงเปรียบเป็นเหมือนบ้านของ AMAN ที่ทำให้เหล่า AmanJunkie ซึ่งเป็นแสลงใช้เรียกกลุ่มคนที่รักและเป็นแฟนของแบรนด์นี้ต้องมาพัก เชื่อมั้ย!! ที่นี่จะปิดรีโนเวททุกปี เป็นประจำในเดือนมิถุนายน ทำให้โรงแรมยังคงใหม่ตลอดเวลา ไม่โทรมเลยครับ

ที่ AMANPURI จะแบ่งเป็น Pavilions กับ Villas แทรกตัวอยู่กลางดงมะพร้าว วาง Lay Out ให้แยกจากกันเพื่อความเป็นส่วนตัว Pavilions จะเป็นบ้านพักที่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนตัว Villas จะเริ่มที่ 3 ห้องนอนไปจนถึง 9 ห้องนอน

3 วัน 2 คืน กับวิลล่าแบบ 5 ห้องนอน Ocean View ของผมที่ AMANPURI มีแต่วินาทีแห่งความสุขครับ ในวิลล่าคือทันสมัยมาก ทุกอย่างสั่งได้จาก iPad ถ้าในนั้นไม่มีก็ยังมีบัทเลอร์ประจำวิลล่าอีก 3 ท่าน คอยให้บริการ ดูแลดีมากปานกับรู้จักรู้ใจกันมานานหลายสิบปี พี่อ้อม หรือ ป้าอ้อมแห่ง AMANPURI แม้จะอายุมาก แต่ยังเชี่ยวชาญด้าน IT เข้ามาส่อง IG เฟซบุ๊คคุณกานต์ก่อนเข้าพัก ทำการบ้านเพื่อทำความรู้จัก ว่าแขกเป็นใคร ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร จะได้จัดให้ถูกใจ พี่อ้อมเลยเสิร์ฟน้ำมะพร้าวกับ อเมริกาโน่เย็นไม่หวานให้ทั้งวัน … คุณกานต์ ชอบมาก จนแทบไม่อยากออกไปไหนเลยครับ

แต่ก็ต้องออกไปเพราะหมายตา Platform กลางทะเลเอาไว้ ซึ่งต้องนั่งเรือหรือพายคายัคไป เป็นจุดที่ถ่ายรูปสวยมาก โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดิน โรงแรมยังมี Water sport ให้เข้าร่วมเยอะและหลากหลายมาก ซึ่งมีทั้งเเบบฟรีและจ่ายเงินเพิ่ม ตอนขับรถผ่าน Kids club ที่นี่พนักงานบอกว่า เรามีกล้องโกโปรให้ยืมพร้อมกับห้องตัดต่อวีดีโอสำหรับเด็กด้วย เจ๋งป่ะละ มีขนมครก Afternoon Tea ฟรีทุก 4 โมงเย็น

ส่วนสาย Healthy ก็มีบริการทั้ง AMAN Spa และฟิตเนส ผมไปเรียนต่อยมวยมาด้วยครับ สนุกมาก จากนี้ไปให้เรียกผมว่า “พยัคฆ์กานต์ ศิษย์เจ้าพ่อตากสิน” 555

อีกเรื่องที่โดดเด่นเป็น Policy คือการที่ AMAN ได้รังสรรค์นิยามคำว่า Ultra Luxury ใหม่ ที่ไม่ได้เน้นเรื่อง “มูลค่า” แต่กลับมอบ “คุณค่า” อันสำคัญ และ “ประสบการณ์ที่โดดเด่นน่าประทับใจ” ให้กับผู้เข้าพัก ภายใต้ความเป็นส่วนตัวสูงสุด น่าอิจฉาพนักงานของที่นี่ได้เจอคนดัง เซเลประดับโลกมาแล้วนับไม่ถ้วน (ภายใต้ความตื่นเต้นดีใจถ้าได้เจอ Beyonce แต่คงต้องเก็บอาการเอาไว้อย่างหนักหน่วง 555)

ทุกครั้งที่เข้าวิลล่า พี่อ้อม ออมและศักดิ์ จะมารอต้อนรับหน้าประตู สักพักจะนำน้ำและผ้าเย็นมาให้ ก่อนจะถามว่ารับอะไรเพิ่มเติมดี เช่นเดียวกับทุกจุดในโรงแรม เมื่อเราไปนั่งปั๊บ พนักงานจะเดินมาเสิร์ฟน้ำและผ้าเย็นดับร้อนทุกครั้ง โดยไม่ต้องร้องขอ เป็น Hospitality ที่เหนือกว่าคำว่า Service มากครับ

AMAN เป็นโรงแรมที่มั่นหน้า มั่นโหนก มั่นใจในแบรนด์ของตัวเองและ royalty ของ AmanJunkie ทำให้ไม่มีขายใน OTA เลยสักเจ้า ทุกคนที่จะเข้าพักต้องจองตรงกับเวปไซต์โรงแรมเท่านั้น!! มันจึงเป็นความ Exclusive ในแบบฉบับของ AMAN จนยากที่ใครหรือโรงแรมไหนจะเลียนแบบได้ ถ้าจองในเวปให้เปลี่ยน location เป็นไทย จะได้ราคาพิเศษ เช่น วิลล่า 5 ห้องนอนที่ผมเข้าพัก ถ้าเป็นเรทปกติจะอยู่ที่ประมาณ 9,199 USD หรือประมาณ 290,000 บาทต่อคืน แต่ถ้าเป็น Thai Resident Rate จะได้ราคาพิเศษเพียงแสนต้นๆ ต่อคืนเท่านั้น ส่วน Pavilion ราคาเริ่มต้น 12,500 บาท++ โทรจองตรงได้ที่ 076-324-333 ครับ

นี่คือแบรนด์ Hospitality ที่ดีที่สุดในโลกและ AMANPURI เป็นอีกหนึ่งโรงแรมใน Bucket List ของผมและใครอีกหลายคน ที่อยากไปนอนพักผ่อนให้ได้ (ก่อนตาย)ในชีวิตนี้

อ่านรีวิวแบบละเอียดๆ ต่อในแคปชั่นของแต่ละรูปกันได้เลยครับ

#luxurytravel#leisuretravel#hotellifestyle

#aman#amanpuri#amanjunkies

#ท่องเที่ยวพักผ่อน#ชอบนอนโรงแรมสวย

Aman’s flagship property นี่คือปฐมบทรีสอร์ตแห่งแรกของเครือ AMAN ที่ก่อตั้งโดยคุณปู่ Adrian Zecha มหาเศรษฐีชาวอินโดนีเซีย ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการโรงแรมเป็นเวลานาน ก่อนจะขายให้กับกลุ่มทุนรัสเซีย ที่มีโจทย์ยากคือการคงอัตลักษณ์ของ AMAN ให้ทันยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา ทว่ายังคงความเรียบหรูเอาไว้

ซึ่ง AMANPURI ดูจะท้าทายกว่าใครในความเป็นพี่ใหญ่สุดจากทั้งหมด 32 แห่งทั่วโลก แต่ดูเหมือนว่าที่นี่จะแก้โจทย์ได้ดี โดยเฉพาะในช่วงโควิดแบบนี้ กลับมีอัตราการเข้าพักจากแขกคนไทย สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ถามว่าทำไมถึงเป็นโจทย์ยาก?

ตอบว่า เพราะ Property มีอายุมาก แต่ไม่เก่าหรือโทรมเพราะปิดรีโนเวทใหญ่ทุกปีในเดือนมิถุนายน ส่วนเรื่องดีไซน์อาจจะไม่ตอบโจทย์คนไทยในช่วงเวลานี้ เพราะมีความเป็นเรือนไทยสมัยอยุธยา คนไทยอาจจะไม่อิน แต่ต่างชาติซึ่งเป็น target หลัก จะชอบมาก ดังนั้นเรื่องการนำเสนออัตลักษณ์ให้โดนใจคนทุกกลุ่มจะเป็นเรื่องยากที่สุด

แต่หากใครเป็นแฟนของ AMAN หรือ Amanjunkies จะเข้าใจในแก่นของรีสอร์ตได้ดี

ยอมใจในการออกแบบของ Ed Tuttle สถาปนิกชาวสหรัฐ ที่ใช้เวลาในการเก็บข้อมูลด้วยการเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆในประเทศไทยอยู่หลายเดือน เพื่อศึกษาสถาปัตยกรรมไทย เสน่ห์และอัตลักษณ์ ก่อนจะนำมาประยุกต์ ออกแบบให้มีความร่วมสมัยและลงตัวเข้ากับพื้นที่

กอปรกับทำเลที่มีความเป็นส่วนตัว มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไป แม้จะกินพื้นที่ 160 กว่าไร่ แต่ก็ทำให้กลายเป็นรีสอร์ตปิดได้โดยง่าย (ก่อนหน้านี้ก็ไม่รับแขกนอกอยู่แล้ว)

ด้านหนึ่งอยู่ติดหาดพันซี หาดสุรินทร์ อีกด้านจะเป็นฝั่งแหลมสนและบางเทา เราจะสัมผัสความงามของเกาะภูเก็ตได้เกือบ 360 องศาเมื่อมาพักที่นี่ ภายใต้ Pavilions และ Villas ท่ีกระจายตัวกันออกไปในดงมะพร้าว

Platform กลางทะเล ที่หลายคนเทใจให้ว่า “อยากได้ช็อตนี้” เมื่อมาพักที่ AMANPURI เพราะมีความ Unique มาก

ใครมีแฟนชวนมาสวีทที่นี่ หรือจะขอแต่งงานกลางทะเลก็เก๋ดีนะครับผมว่า

ทริปนี้ กานต์พักที่โซนวิลล่า ครับ ถามว่าต่างจาก Pavillion อย่างไร

วิลล่าทั้ง 47 หลังจะมีเจ้าของหมดครับ มีขนาดใหญ่ตั้งแต่ 3 ห้องนอนไปจนถึง 9 ห้องนอน ราคาต่อคืนตั้งแต่หลักหมื่นยันคืนละล้าน!!

วิลล่าทุกหลังจะมีบัทเลอร์คอยดูแลให้บริการ อย่างวิลลาของผมเป็นแบบ 5 ห้องนอน Ocean View มีคนดูแลทั้งหมด 3 ครับ คือพี่อ้อม น้องออมและศักดิ์ ส่วน Pavilion จะเป็นบ้านที่มีห้องนอนและมุมนั่งเล่นภายใน และจะไม่มีบัทเลอร์ครับ

จากภาพมุมสูงของวิลล่า จะประกอบด้วย ด้านบนสุดของภาพเป็นศาลาสำหรับรับประทานอาหารและพักผ่อน ส่วนบ้านเล็กๆ ด้านข้างทั้ง 4 ห้องจะเป็นห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวครับ ตรงกลางเป็นสระว่ายน้ำในวิลล่า ส่วนด้านหน้าตรงกลางหลังใหญ่จะเป็น Living Room สำหรับทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งเป็นวิวทะเล

ส่วนห้องนอนอีกห้องจะอยู่ชั้นล่าง ฝั่งซ้ายของภาพครับ เป็นวิลล่าที่มีลิฟต์บริการให้ด้วยพร้อมชายหาดส่วนตัว

Living Room หลังใหญ่มาก เราจะเช็คอินกันที่นี่ครับ แค่ห้องนี้ก็มีขนาดใหญ่มาก ประกอบด้วย 2 ส่วนคือมุมนั่งเล่น ขนาด 12 ที่นั่ง+ และมุมทานอาหารแบบโต๊ะกลม เผื่ออยากทานให้ห้องปรับอากาศ เพราะต้องยอมรับว่าภูเก็ตค่อนข้างร้อน ความเก๋คือเป็นแอร์ฝังพื้น ไม่มีภาพเครื่องปรับอากาศให้เกะกะสายตา ได้อารมณ์เรือนไทยโบราณที่เย็นสบายมาก

ผมชอบมานั่งเล่นที่ห้องนี้

บานเฟี้ยมโดยรอบเปิดได้สำหรับรับลมนะครับ เผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาสัมผัสธรรมชาติแบบเรียลๆ มองไปเบื้องหน้าจะเป็นวิวทะเล ส่วนอีกด้านจะเป็นวิวสระว่ายน้ำในวิลล่าครับ

ห้องนอน มีด้วยกัน 5 ห้อง ผมถ่ายมาให้ชมเฉพาะห้องตัวเองละกันนะครับ เพราะห้องนี้วิวดีที่สุด แต่ขนาดเท่าๆ กัน

ภายในห้องนอนจะแบ่งฟังก์ชั่นออกเป็นสัดส่วนได้ดีทั้งเปิดประตูเข้าไปจะพบเตียงนอนขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง ส่วนปลายเป็นโต๊ะสำหรับพักผ่อนนั่งเล่น มองออกไปจะเห็นวิวทะเลที่ไม่มีอะไรบังสายตาเลยครับ เรียกได้ว่าตื่นเช้ามาก็วิวนี้เลย

ส่วนด้านข้างซ้ายขวาจะเป็นห้องแต่งตัว มีมินิบาร์ มุมทำงานอยู่ด้วยกันบริเวณหัวเตียง ด้านในสุดจะเป็นห้องสุขา และห้องอาบน้ำ คั่นกลางด้วยอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ที่จัดเตรียม Amenities ไว้ให้พร้อมสรรพ นับว่าเป็นเรือนไทยอยุธยาที่โมเดิร์นมาก

ภายในห้องจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมสรรพ สั่งการจาก iPad ทำให้สะดวกมาก ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า เครื่องปรับอากาศ ทีวี นาฬิกาปลุก ที่เป็นระบบอิเล็คโทรนิคทุกอย่างสามารถควบคุมด้วย iPad และยังใช้สั่ง Room Service ได้อีกด้วย

ด้านนอกห้องนอนมีระเบียงเล็กๆ พร้อมจัดวางเก้าอี้นั่งเอาไว้ให้รับลมชมวิวทะเล ตอนเย็นๆ ห้องนี้จะเห็นพระอาทิตย์ตกดิน โรแมนติกมากครับ

ผมชอบภาพนี้จัง เป็นความเรียบง่ายที่ลงตัว

มาดูพื้นที่ด้านนอกห้องนอนภายในวิลล่ากันบ้างครับ คอร์ดตรงกลางจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่าสระกลางของบางโรงแรมเสียอีกครับ) รายล้อมด้วย Day Bed นั่งอาบแดดริมสระสบายๆ สไตล์ฝรั่ง บรรยากาศดีมาก เนื่องจากเป็นส่วนที่ยกพื้นสูงขึ้นมาประมาณชั้น 3 จากชายหาด ทำให้ได้รับลมเย็นทั้งวัน ท่ามกลางต้นมะพร้าวน้อยใหญ่ที่โยกไหวราวกับขับกล่อมเราไว้ที่วิลล่าตลอดเวลา

ลงมาชั้นล่างบ้าง ส่วนนี้จะมี Living อยู่ตรงกลาง นั่งเม้าท์มอยคุยกันในบรรยากาศแบบเรียบง่ายด้วยสัจจะวัสดุอย่างหินและไม้ที่นำมาประดับตกแต่ง

ด้านซ้ายจะเป็นห้องนอน 5 ส่วนด้านขวาจะเป็นห้องรับประทานอาหาร (อีกห้อง) มีขนาดใหญ่มาก มีบาร์และโต๊ะพูลตรงกลางสำหรับจัดสังสรรค์กันภายในวิลล่ามากกว่า ถัดไปเป็นห้องออกกำลังกายขนาดย่อม

เรียกได้ว่าครบจบทุกสิ่งในวิลล่าเดียว

ด้านหน้าทางลงหาดจะมีจากุซซี่ให้แช่รับลมสบายๆ ได้บรรยากาศดีมาก แวดล้อมด้วยธรรมชาติท่ีแท้จริง เหมาะสำหรับวันพักผ่อนสบายๆ

ได้เครื่องดื่มเย็นๆ เปิดเพลงแจ๊สคลอเบาๆ เคล้าเสียงคลื่นจากชายหาดส่วนตัวในวิลล่า AMANPURI ก็เนรมิตทำให้วันธรรมดาๆ กลายเป็นวันที่พิเศษได้

ลงไปชายหาดส่วนตัวของวิลล่าบ้าง หน้าหาดกว้าง แต่ไม่ยาวมาก อาจจะเล่นน้ำไม่สะดวกนักเพราะมีโขดหินบัง แต่ดีที่ได้ความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ข้องเกี่ยวกับใครเลย แถมยังได้ทิศตะวันตกที่บรรยากาศดีมาก อยากนั่งๆ นอนๆ ริมทะเลตรงหน้าวิลล่าตัวเองแบบนี้ทั้งวัน

นี่อมัน หรือสวรรค์ครับเนี่ย!!!

ตอนค่ำ เราทานดินเนอร์กันในวิลล่า จากแผนเดิมที่จะออกไปทานที่ร้านอาหารไทยในรีสอร์ตชื่อว่า “บัวบก” เหตุที่ทานในวิลล่าเพราะอดใจไม่ไหวในบรรยากาศที่จัดเรียงเทียนไว้โดยรอบ

เดินขึ้นมาจากหาดแล้วเห็นภาพนี้ที่พี่อ้อมตกแต่งให้ มันสวยงามประทับใจสุดๆ สีฟ้าช่วงทไวไลท์ ตัดกับสีส้มของแสงเทียนจนกลายเป็น Teal & Orange ไปโดยปริยาย

ต้องบอกพี่อ้อมไปเลยว่า ขอเปลี่ยนมาทาน In villa แทน ซึ่งก็ไม่มีอิดออดครับ แทบจะเรียกได้ว่า เสกได้ทุกอย่างตามความต้องการของแขกผู้เข้าพัก

ระหว่างรอสั่งอาหารเราก็มาแช่น้ำในวิลล่ากันเพลินๆ ปล่อยกายปล่อยใจให้เต็มที่

บางทีการนั่งนิ่งๆ ได้อยู่กับตัวเอง ไม่ไหวติงไปกับสิ่งใด ก็เป็นความสุขที่เราสร้างได้ง่ายๆ ในทันทีครับ

เซอร์ไพรส์มากคือเชฟมาเสิร์ฟเองถึงในวิลล่า พร้อมกับอาหารไทยและอาหารใต้แบบจัดเต็มถึงใจ ตามที่ออร์เดอร์ไปทั้งกุ้งแม่น้ำย่างน้ำจิ้มคือเด็ด เผ็ดสไตล์ไทยแท้แบบไม่ต้องเกรงใจฝรั่งตาน้ำข้าวกันแล้ว

เส้นหมี่แกงปูคือนิพพาน เครื่องแกงจัดจ้านครบรส จัดจานมาสวยงาม ชอบการเสิร์ฟมาในกะลามะพร้าวมาก

สั่งคอหมูย่าง เพื่อมาทอนรสชาติเผ็ดลงหน่อย จิ้มไปคำนึง อ่าว!! อร่อยอีกละ ลำบากพี่อ้อมต้องไปหาข้าวเหนียวมาให้อี๊กกกกก

ก่อนจะนอนก็มีอะไรกระจุ๊กกระจิ๊กมากำนัลตลอดเวลา ทั้งเครื่องดื่มก่อนนอน มีขนมเอย มีผลไม้เอย บางคืนก็เป็นกบไสไม้วางไว้บนเตียง มีหมวกที่หยิบติดมาใส่แล้วให้เป็นที่ระลึก ก่อนเข้าพักก็มีสาส์นมาต้อนรับ พร้อมการ์ดวางไว้ ตอนเช็คเอ้าท์กลับไปก็มีของที่ระลึกให้อีก

สปอยล์สุดๆ ทริปหน้าจะเป็นที่ไหนไปเสียได้ ก็ต้องมาอีกมะ

บรรยากาศของแสงเช้าคือดีย์ มีความหลับเต็มตื่น ห้องนี้ดีตรงที่พระอาทิตย์ไม่แยงตาเข้ามา แต่จะเพิ่มแสงธรรมชาติค่อยๆ ปลุกเรา ผมไม่ได้ปิดม่าน เพราะอยากให้ตื่นพร้อมตะวันฉาย

พอบัทเลอร์เห็นว่าตื่นแล้ว ออกมายืนนอกห้องแล้วก็ชงกาแฟร้อนมาให้ตามสูตร ตามมาด้วยน้ำส้มสด พร้อมกับเอ่ยถาม หากต้องการอะไรเพิ่มเติมก็แจ้งได้เลย

เข็มวินาทีเลื่อนผ่านไป ผมพบว่า ความสุขไม่ได้ลดลงเลย เรามีเวลาส่วนตัวมากขึ้นที่จะปรนเปรอตัวเอง เช้านี้ออกกำลังกายว่ายน้ำเบาๆ ในวิลล่า ก่อนจะทานอาหารเช้า

มีเมนูเด็ดรออยู่ รีเควสเชฟไว้ตั้งแต่เมื่อคืนละว่าอยากทาน

นั่นคือขนมจีนแกงใต้ชุดใหญ่ ทั้งพุงปลา น้ำยา และน้ำพริกพร้อมเครื่องเคียง เชฟจัดเต็มเช่นเคยครับ

เหมือนพี่อ้อมจะรู้ใจ อัดกาแฟมาให้ตลอดเช้า ราวกับกลัวคุณกานต์ไม่ตื่น 555 ก็จริงนะ ที่นอนนุ่มแน่นหลับสบายมาก อยากนอนนานๆ เหมือนกัน แต่อีกใจก็อยากตื่นมาทักทายตะวันยามเช้า

เดาว่าพี่อ้อมคงนับแหละว่าวันๆ คุณกานต์น่าจะดื่มกาแฟวันละกี่แก้ว

มีใครจะร่วมทายไหมครับ

ส่วนเช้าของอีกวัน เราไปทานกันที่ห้องอาหารของโรงแรมครับ

ผมนึกสนุก ปรับ Mood & Tone ของภาพนี้ให้มีความวินเทจนิดๆ อยากให้ได้ฟีลของ AMANPURI เมื่อราว 30 ปีที่แล้ว คงเก๋เบอร์นี้

อาหารเช้าทานที่ห้องอาหารบัวบกครับ ชื่อเพราะมากฟังแล้วสื่อถึงความเป็นไทยได้ดี เป็นอาคารเรือนไทยหลังใหญ่ ตั้งอยู่ใกล้กับสระน้ำ ซึ่งผมว่าแสงตอนเช้าๆ ส่องแล้วดูละมุนดี ช่วยเสริมให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้นไปอีกทวี

ยอมใจในความวิจิตรของงานแกะสลักจริงๆ ครับ หาดูได้ยากมาก ช่างแกะสลักผลไม้อยู่กับโรงแรมมานาน เป็น Thai Craft ที่คลาสสิคดี

ไลน์บุฟเฟต์ที่ห้องอาหารบัวบกไม่ใหญ่นัก จัดวางอาหารร้อน เบเกอรี่ เครื่องดื่ม ให้เราเลือกบริการตัวเองได้เต็มที่ หรือจะเรียกสั่งจากพนักงานก็ได้ครับ

“One should not attend even the end of the world without a good breakfast.”

― Robert A. Heinlein, Friday

อาหารเช้าของที่นี่ถือว่ายอดเยี่ยมครับ เมนูอาจจะไม่มากแต่หากว่าทุกจานล้วนมีเรื่องราว ซึ่งพนักงานจะคอยเชียร์อัพตลอดว่า จานไหนอร่อยและน่าสนใจอย่างไร

ส่วนมากที่สั่งมาจะเป็นแนว Healthy มีอาหาร Local ปนๆ มาบ้างเพราะ เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าอร่อย เช่น “ข้าวมันไก่ของเราอร่อยมากครับ”

“หมี่สะปำก็น่าสนใจนะครับ รับไหมครับ”

“เฝอก็อยากให้ลองครับผม”

“กาแฟคงเย็นหมดแล้ว ผมทำแก้วใหม่มาให้ครับ”

OMG เอาไปเลย 10 10 10 ไม่หัก แนะนำว่า ถ้าตื่นสายหน่อยสามารถรวบมื้อเป็น Brunch ได้เลยครับ เพราะเมนูจัดหนักมาก ผมชอบโบลว์ โยเกิร์ตที่หอมมะพร้าวมากๆ ทานกับผลไม้สดและกราโนล่า เข้ากันได้ดี ส่วน Avocado toast with poached egg ก็อยากแนะนำให้สั่งกันครับ

ผมชอบรูปนี้ จำได้ว่าถ่ายตอนมาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารบัวบกครับ

ผมว่าเข้ากันได้ดีกับความ Classy ของ AMANPURI มีความโดดเด่น เฉิดฉายแม้ว่าแสงจะส่องและเปลี่ยนทิศไปทางใดก็ตาม แต่บัวดอกงามก็จะชูคอรอต้อนรับเราอยู่เสมอ

บรรยากาศบริเวณโดยรอบห้องอาหารบัวบกและ Arva ซึ่งเป็นห้องอาหารอิตาเลี่ยน ส่วนด้านล่างมีบาร์ให้นั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ พร้อมกิจกรรมให้เราแปลงร่างเป็นบาร์เทนเดอร์ได้ด้วย

บันได 88 ขั้น บริเวณทางขึ้นลงจากห้องอาหารไปหน้าหาด เป็นอีกมุม Signature ที่คนมาถ่ายรูปกันเยอะมากครับ

เราก็ไม่ควรพลาดอ่ะเนอะ

จากภาพมุมสูงจะเห็นพื้นที่ร้อยหกสิบกว่าไร่ของ AMANPURI ที่รายล้อมไปด้วย Pavillion และ Villa ต่างๆ มากมาย ที่แทรกตัวอยู่ในต้นมะพร้าว ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน

ด้านขวาจะเป็นหาดส่วนตัวของโรงแรมที่ทอดยาวออกไปจนถึงโรงแรมเดอะสุรินทร์ ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันกับ AMANPURI ไปแล้ว

ส่วนด้านซ้ายจะเป็นวิลล่า หลังเล็กหลังใหญ่ ไล่เรียงสลับกันไป

ทายถูกไหมครับว่าวิลล่าของผมอยู่ตรงไหน

หน้าหาดพันซีของ AMANPURI ค่อนข้างกว้างและยาวต่อเนื่องไปจนถึงเดอะสุรินทร์ คั่นไว้ด้วยศูนย์กีฬาทางน้ำของโรงแรม ที่คอยให้บริการ โดยมีพนักงานดูแล

เก้าอี้ชายหาดถูกนำมาตั้งไว้แต่เช้า พร้อมร่มสีเหลือง ราวกับคุมโทนให้มี 3 สีคือ ฟ้า เหลือง เขียว

เป็นอีกจุดหนึ่งในโรงแรมที่เหมาะแก่การมานั่งพักผ่อน ทำกิจกรรมกลางแจ้งสนุกๆ กัน

อย่างที่บอก กิจกรรมทางน้ำมีให้เลือกเยอะมาก ซึ่งถ้าเป็นกิจกรรม Non-motor จะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม เช่น คายัค แพดเดิลบอร์ด หรือจะไปที่แพลตฟอร์มกลางน้ำ

ส่วน Fliteboard eFoil จะมีลักษณะเป็นบอร์ดขนาดใหญ่ นั่งหรือยืนได้สบาย ถ้าเป็นมือใหม่พนักงานจะแนะนำให้เรานั่งก่อนให้คุ้นชิน ด้านใต้จะมีใบพัด เพื่อช่วยยกตัวเราและบอร์ดให้ขึ้นสะเทินน้ำ โดยอาศัยการบังคับความเร็วจาก remote control ที่เราถือไว้ในมือ ซึ่งถ้าเร่งเครื่องก็จะลอยได้กันเลยทีเดียว เมื่อชำนาญแล้วค่อยอัพเกรดเป็นท่ายืนซึ่งก็จะสนุกไปอีก

ฟังมายืดยาว … ถามว่าได้เล่นไหม …

เปล่าเลย!!

วัยใสๆ ไม้ใกล้ฝั่ง แบบเราต้องนั่งเรือถีบเบาๆ สบายๆ ไม่ร้อน เหมาะแก่การพักผ่อนการทะเล ถีบไปเรื่อยๆ สนุกดีครับ ยิ่งถ้าติดเครื่องดื่มเย็นๆ มาด้วยล่ะก้อ … เป็นการปิคนิคกลางทะเลดีๆ นี่เอง

ส่วนตัวชอบมากครับ

อีกมุมที่ชอบก็คือเจ้า Platform กลางทะเล เหมือนทุ่นขนาดใหญ่พร้อมเดย์เบดวางไว้ 2 ตัว เหมาะแก่การมาสวีทกลางทะเลชมพระอาทิตย์ตกดินกันสองต่อสอง

ตัวนี้ถ้าไม่มีแขกจองมาทำ Private Sunset Cocktail Moment เราก็สามารถพายเรือคายัค หรือแพดเดิลบอร์ด หรือให้เรือของโรงแรมขับมาส่งได้ อยู่ไม่ไกลจากฝั่งนักและไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ

ส่วนใครที่เป็นสายลุย ไม่ต้องคุยให้เสียเวลา เพราะว่ากิจกรรมช่วงสายและบ่ายของทุกวันที่ AMANPURI คือแน่นมากครับ

ผมจองเรียนต่อยมวยเอาไว้ มาดพอได้ไหมครับ ต่อยก็ไม่ค่อยจะเป็นหรอก เน้นแอคติ้งไว้ก่อน

มีเทรนเนอร์คอยสอนครับ สนุกมาก ได้ทักษะการต่อยมวยมาด้วย

🥊คู่มวยเด็ดเจ็ดสี อาทิตย์นี้ พับกบ‼️
พยัคฆ์กานต์ ลูกเจ้าพ่อตากสิน
vs
นายเอก ศิษย์อมันปุรี

#อย่าหือกับพี่เดี๋ยวมีก้านคอ

ส่วนช่วงบ่ายแก่ๆ ผมจองสปาเอาไว้ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมภายในรีสอร์ตที่ฮอตฮิตมาก แนะนำให้จองสปาตั้งแต่มาเช็คอินเลยครับ จองเนิ่นๆ เพราะเต็มตลอด

ด้วยความที่ AMANPURI เป็น Flagship Property ของ AMAN ที่นี่จึงมีความพิเศษตรงที่มี Holistic Wellness Center เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เพื่อคอยให้คำแนะนำและจัดโปรแกรมดูแลสุขภาพกายและใจ จัดให้ทั้งเรื่องอาหารการกิน กายภาพบำบัด และสปาก็เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่น่าสนใจ หากใครมองหาความผ่อนคลาย

AMAN Spa จะมีไลน์สกินเเคร์เป็นของตัวเอง ใช้กันทั่วโลก ทั้ง facial เเละ body มีจุดเด่นคือส่วนผสมที่เน้นมาจากธรรมชาติเป็นหลัก พร้อมกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์

น้อง Therapist ครั้งนี้เป็นผู้ชาย นำ Aroma Oil มาให้เลือกพร้อมกับโปรแกรมที่ต้องการ ผมอยากเน้น Deep Tissue Massage โดยเฉพาะขาและเท้า ขอเน้นๆ ซึ่งก็ได้นำ้หนักมือดี ลงตรงจุด แอบคิดไปเองว่า ผู้ชายจะ Pressure ดีกว่า แต่ไม่หรอกน่า อาจจะเป็นเทคนิคส่วนบุคคล แต่โดนเส้นได้ดี ติดตรงไหนก็รีดออกได้หมด พร้อมกับให้คำแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดี

อีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตยามบ่าย จะเป็นขนมครก Afternoon Tea บริเวณศาลาฝั่งตรงข้ามห้องอาหารบัวบก มีขนมครกและขนมไทยให้บริการ แคะควักกันสดๆ มีหลายหน้าเหมือนกันครับ

บริการพร้อมเครื่องดื่มมีน้ำผลไม้ น้ำดื่ม ชา สั่งมาทานริมสระกลางก็ได้ครับ ส่วนตัวผมชอบสาคู รสชาติดี แป้งบางไส้อร่อย

จากนั้น ก็มีกิจกรรมที่บาร์ชื่อว่า The Lounge เย็นนี้เราจะลองหัดผสมเครื่องดื่มแบบบาร์เทนเนอร์เขาบ้าง ผมสังเกตว่าเมนูเครื่องดื่มของที่นี่ นอกจากจะมีตัวที่เป็นสากลแล้ว ยังมี Craft Cocktail ที่ครีเอทขึ้นมาใหม่ ที่ผสานเอารสชาติแบบโมเดิร์นผสมความคลาสสิคของเบสเครื่องดื่มหลายๆ ตัว สอดแทรกด้วยไซรัปแบบโฮมเมด มี Bitters ที่หมักเอง มีน้ำผลไม้ ตลอดจนสมุนไพรและเครื่องเทศในท้องถิ่น มาเขย่ากันจนกลายเป็นเมนูเครื่องดื่มอันเป็นเอกลักษณ์ของ AMANPURI

เครื่องดื่มที่ผมลองทำจะเป็นตัวที่ดื่มง่ายเหมาะกับอากาศร้อน นอนเล่นหน้าหาด เป็น Gin & Tonic ที่ทวิสต์สูตรชื่อว่า Mare Sour โดยจะใช้ Gin Mare จากสเปนที่หอมโอลีฟ ไทม์และโรสแมรี่ เสิร์ฟพร้อมกับ Tonic สไตล์เมดิเตอร์เรเนี่ยน ออกเค็มนิดๆ รีเฟรชชิ่งหน่อยๆ เหมาะสำหรับดื่มช่วงเวลาเย็นๆ ที่บริเวณริมทะเลแบบนี้

ส่วนอีกตัวคือ Rum Old Fashioned ลองสั่งมาเพราะว่า ผมชอบพรีเซนต์เทชั่น ที่มีการอบควันเทียนมาให้หอม เหมาะสำหรับเป็นเครื่องดื่มก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร เวลาดื่มให้กัดช็อคโกแลตก่อนแล้วตามด้วย Cocktail จะออกหวานนิดๆ Medium Body มีความทานง่าย 

“It is not in the stars to hold our destiny but in ourselves.”

– William Shakespeare

คืนนี้เรามีดินเนอร์มื้อพิเศษรออยู่ที่ Arva ครับ เป็นอาหารอิตาเลี่ยน รสเลิศ น่าเสียดายที่ผมทันได้จองโต๊ะมุม Signature ที่ Zecha’s Point เอาไว้เพราะมีแขกท่านอื่นจองไว้ก่อนแล้ว จะเป็นโต๊ะตั้งตรงจุดที่คุณปู่ Adrian Zecha ชอบมานั่งเวลามาที่ AMANPURI

เป็นจุดขายให้กับ Aman Junkies แหละ

พนักงานเชิญเราไปที่โต๊ะใกล้ๆ Zecha’s Point ระหว่างที่กำลังไล่ดูเมนู พนักงานก็นำขนมปัง Smoked Sourdough Focaccia ซึ่งเป็น Signature ของห้องอาหาร เป็นสูตรที่เชฟ Luca Mascolo คิดค้นและอบขึ้นมาเอง โดยได้แรงบันดาลใจมาจากขนมปังในวัยเด็กที่ได้ช่วยคุณพ่ออบขนมปังบนเตาตอนที่อยู่อิตาลี

โดยเชฟ Luca เล่าว่า ได้หมักแป้งเป็นเวลา 48 ชั่วโมง และเลี้ยงยีสต์ขึ้นมาเองเพื่อใช้ปรุงขนมปังตัวนี้ ทำให้ได้แป้งที่มี Texture ที่ซับซ้อนมาก ผิวด้านนอกจะกรอบนิดๆ มีออริกาโน่และโรสแมรี่ และมีกลิ่นหอมของไม้ฮิกคอรี เวลาที่เปิดฝาขึ้นมา

เนื้อขนมปังข้างในนุ่มมาก เนื้อสัมผัสจะหนืดนิดๆ พอให้เคี้ยวได้สนุกขึ้น เสิร์ฟคู่กับน้ำมันมะกอกของ AMAN ที่ Infused ออกรสเปรี้ยวนิดหน่อย อร่อยเข้ากันดีมาก 

เชฟ Luca Mascolo เป็นผู้ดูแลห้องอาหาร Arva ครับ เป็นเชฟรุ่นใหม่ที่เก่งมาก มีประสบการณ์หลากหลายจากโรงแรมในเครือ Aman หลายประเทศ ตัวไหนที่เชฟแนะนำว่าเด็ดผมก็ลองสั่งมาทาน

เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อน ลองสั่ง Milanede E Rafano Mela เป็นข้าวเกรียบที่มีเอสพูม่านุ่มๆ และมีแอปเปิ้ลคาร์เวียร์ออนท๊อปมา ทานคำเดียวหมด รู้เรื่อง

จานต่อมาเป็น บีทรูทหมักกับซอสส้ม ท๊อปด้วยใบไม้ทานได้และถั่ว เคลือบด้วยผิวส้ม หวานหอม สดชื่น เป็นตัวเปิดรสชาติได้ดีในดินเนอร์มื้อนี้

Granchio Barbabietola สลัดปูที่ชุ่มฉ่ำ สดชื่นมาก ใช้ปูจากอ่าวพังงา มาผสมกับไข่ปูมันปู ผสมน้ำบีทรูทและประดับด้วย โฟมที่คล้ายกับฟองคลื่นบนชายหาดทำจากนมอัลมอน์ด มี Beetroot Chips รูปทรงคล้ายปะการัง น่ารักดี

Tortelli Astice Crescione ไส้เป็นลอปสเตอร์จากแคนาดา มีชีสและซอส Watercress หรือสลัดน้ำจากสวนของโรงแรม ราดด้วย Lobster Bisque สุดเข้มข้น

ส่วนอีกจานที่ชอบก็จะเป็น Risotto Di Zucca ข้าวรีซอตโต้เสิร์ฟมาในฟักทองทั้งลูก ได้ความหวานจากธรรมชาติของฟักทองและหอมมันจากข้า ทานอร่อยมากราวกับเป็นของหวาน

ส่วน Chef Recommended อีกจานจะเป็นจานที่ดังมากใครมาก็ต้องสั่งคือ เนื้อลูกวัวชุบแป้งข้าวโพดทอดด้วยเนย ด้านนอกตัวแป้งทอดได้กรอบดีมาก ส่วน Steak ทำมาสุกกำลังดี มีความนุ่มและหวานจากของเนื้อลูกวัวจากฮอล์แลนด์ ซึ่งเป็นฟาร์มที่ดีที่สุดในยุโรป ราดด้วยซอสแอปเปิ้ล

“เนื้อลูกวัวมีความกรอบนอก นุ่มใน หวานกำลังดี เหมือนผมเลย” เชฟ Luca เป็นคนตลก

ส่วน Moscardini Alla Luciana เป็นหนวดปลาหมึกยักษ์ที่เชฟนำไปซูวีในอุณหภูมิ 64 องศา เป็นเวลา 1 วันจนเนื้อนุ่มแล้วนำไปกริลล์จนหอม

ก่อนจะปิดท้ายดินเนอร์ด้วย Petit Four เป็นช็อคโกแล็ต แอพริคอท และราสเบอรี่เจลลี่ และมี Homemade Limoncello เป็นเครื่องดื่มที่คนอิตาลี่นิยมดื่มกัน ทำจาจาก วอดก้า เลม่อน วานิลลา และกระวาน สูตรของเชฟ Luca หมักเอง จะไม่ค่อยหวานเหมือนที่อื่น ทำให้ดื่มง่าย เป็น Digestifs and After Dinner ช่วยย่อยอาหารได้ดีครับ

#โดยสรุป AMANPURI เป็นรีสอร์ตที่อยากแนะนำหากใครต้องการมาสัมผัสตำนานของภูเก็ตและเป็นรีสอร์ตเด็ดระดับโลก ต้นกำเนินของเครือ AMAN ด้วยดีไซน์ที่อาจจะไม่ว๊าว ทำเลที่อาจจะธรรมดาไปมาก หากเทียบกับชายหาดอื่นในภูเก็ต แต่ความเด็ดคือสุดยอดของบริการระดับ Ultra Luxury Hospitality ที่ยากจะหาใครเทียบได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนี้ราคาลงมาเยอะมาก จนยั่วใจ อดไม่ได้ที่จะต้องไปพักที่นี่สักครั้งในชีวิต

• AMANPURI Closer to Home•

• ห้อง Pavillion อัพเกรดไป Garden Pavilion ราคา 12,500++ บาท ต่อคืน

• ห้อง Garden Pavillion อัพเกรดไป Garden Pool Pavilion ราคา 15,000++ บาท ต่อคืน

• ห้อง Partial Ocean Pavilion อัพเกรดไป Partial Ocean Pool Pavillion ราคา 16,500++ บาท ต่อคืน

• ห้อง Ocean Pavilion อัพเกรดไป Ocean Pool Pavillion ราคา 18,500++ บาท ต่อคืน

ได้รับสิทธิประโยชน์ ดังนี้

• เช็คอินล่วงหน้าตั้งแต่เวลา 08.00 น. และเช็คเอ้าท์ได้จนถึงเวลา 20.00 น. (ขึ้นอยู่กับห้องว่าง ณ ขณะนั้น)
• สิทธิอัพเกรดห้องพัก
• เครื่องดื่มต้อนรับ ณ เวลาเช็คอิน
• อาหารเช้า ณ พาวิลเลียนส่วนตัว หรือห้องอาหารบัวบก สําหรับสองท่าน
• ชุดนํ้าชาและขนมครกยามบ่าย
• มินิบาร์ ยกเว้นที่มีแอลกอฮอล์
• บริการรถรับส่งสนามบินไป – กลับจาก AMANPURI เมื่อสำรองห้อง Partial Ocean Pavilion เป็นต้นไป
• บริการเตียงเสริมฟรีสําหรับเด็กอายุไม่เกิน 12 ปี
• บริการอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมทางน้ำ (สำหรับเครื่องเล่นชนิดที่ไม่มีเครื่องยนต์)
• สำหรับการเข้าพักคืนวันอาทิตย์ – พฤหัสบดีในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจะได้รับ Holistic Massage 60 นาทีสำหรับสองท่านเมื่อเข้าพัก 2 คืนเป็นต้นไป จำนวน 1 ครั้ง

สอบถามและสำรองการเข้าพักได้ที่
โทร. 076-324333
Mail: amanpurires@aman.com
Line: https://lin.ee/pF61H5U

จองและเข้าพักได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 64

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน