ASHTON SILOM

“𝙸 𝚕𝚎𝚊𝚛𝚗𝚎𝚍 𝚠𝚑𝚊𝚝 𝚊 𝙱𝚒𝚛𝚔𝚒𝚗 𝚋𝚊𝚐 𝚒𝚜 𝚏𝚛𝚘𝚖 𝚝𝚑𝚎 𝚙𝚛𝚒𝚌𝚎 𝚝𝚊𝚐. 𝚈𝚘𝚞’𝚕𝚕 𝚗𝚎𝚟𝚎𝚛 𝚏𝚘𝚛𝚐𝚎𝚝 𝚠𝚑𝚊𝚝 𝚒𝚝 𝚒𝚜 𝚘𝚗𝚌𝚎 𝚢𝚘𝚞’𝚟𝚎 𝚙𝚊𝚒𝚍 𝚏𝚘𝚛 𝚘𝚗𝚎.”

-𝙰𝚜𝚑𝚝𝚘𝚗 𝙺𝚞𝚝𝚌𝚑𝚎𝚛 นักแสดงชื่อดังชาวอเมริกัน ที่ผันตัวเองมาเป็นนักลงทุน พูดอยู่บ่อยครั้งถึงการลงทุนครับ

_

กานต์กำลังจะเล่าต่อจากแอชตันว่า สินทรัพย์อีกประเภทที่ผู้คนนิยมลงทุน นั่นก็คือ “อสังหาริมทรัพย์” ครับ ไม่ว่าจะเป็นอยู่เองหรือซื้อเก็บไว้ถ้าลองได้เจอที่ถูกใจ ถูกเวลา ย่อมมากับคำว่า ถูกต้องที่สุด

_

ASHTON SILOM เป็นคอนโดมิเนียมที่มากกว่าคำว่า Limited Edition นั่นคือ The Collectibles บนคุณค่าของคำว่าที่สุดของที่สุด

_

เริ่มจากโลเคชั่นก่อน ดีเยี่ยมแบบไม่ต้องพูดต่อ เพราะจบลงตั้งแต่ตรงคำว่า #คอนโดบนถนนสีลม แล้วครับ สีลมเป็นถนนที่ได้ชื่อว่าที่ดินแพงที่สุดอันดับต้นๆ ของไทย เป็น CBD ที่ไม่ค่อยมีคอนโดใหม่ เนื่องจากผู้พัฒนาต่างไม่สู้เรื่องราคา

ลึกๆ แล้ว สีลมกับ ASHTON จากอนันดา มีคอนเซปต์ที่เหมือนกันคือ The Pioneer ที่มาพร้อมกับคำว่า Create Your Own History ต่างเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์ด้วยกันทั้งคู่

_

สีลมสร้างประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ทั้งถนน รถราง รถไฟฟ้า สวนสาธารณะ อาคารสำนักงาน ธนาคาร จนได้ชื่อว่าเป็น “Wallstreet of Thailand”

_

ขณะที่ โครงการ ASHTON SILOM ก็เข้ามาเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ด้วยการเป็นคอนโด High Rise แห่งแรกบนถนนสีลมในรอบ 15 ปี บนทำเลดีที่สุด

_

ผมชื่นชมที่อนันดากล้าที่จะออกแบบบนแนวคิด “New Sculpture Building” โดยนำนวัตกรรมใหม่อย่าง “Vertical Interlocking Concept” มาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัย ทุกห้องได้ความเป็น Corner Unit มีความเป็นส่วนตัวสูง ตั้งแต่สวนและทางเข้าอาคาร พื้นที่ส่วนกลางและภายในได้พื้นที่ใช้สอยอย่างเต็มที่ Facade ส่วนใหญ่เป็นกระจก ซึ่งดูเหมือนจะเป็น Signature ของ ASHTON ไปเสียแล้วครับ ด้วยฝีมือของ 3 ประสานระดับเทพของงานออกแบบในเมืองไทยได้แก่ A49, PIA และ TROP

_

รีวิวนี้กานต์จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์และความเป็นที่สุดของห้องชุดในโครงการ ASHTON SILOM พร้อมกับพาไปชม “Quadruple Facilities” พื้นที่ส่วนกลางซึ่งสร้างความเซอร์ไพรส์มากเพราะจัดหนักจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นคอนโดที่ลงลึกในทุกรายละเอียดของไลฟ์สไตล์ที่หรูหราแบบ Ultra Luxury ให้มารวมไว้ในที่เดียว เพื่อให้ได้ชื่อว่า The Collectibles ที่แท้จริงครับ

_

ใครสนใจ แนะนำให้ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ https://anan.ly/3tzquuV

รับส่วนลดเพิ่มเพียงใช้ CODE : 7DAYS17 เมื่อเยี่ยมชมสํานักงานขายภายใน 7 วัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-316-2222

#AshtonSilom#ASHTON#Ananda#AnandaDevelopment

#KANT#KantJournal#Luxury#Design#Lifestyle

โครงการ ASHTON SILOM เดินทางสะดวกมากครับ จะใช้ทางด่วนสีลมก็ง่าย หรือโดยสารรถไฟฟ้าก็ได้ เพราะอยู่ห่างจาก BTS สถานีช่องนนทรีเพียง 350 เมตรเท่านั้น

I’m definitely a real estate collector. I love to try on new things to invite something different. I find, with every new stage of my life, my self-image shifts with new duties and responsibilities, and so does my lifestyle.

ASHTON SILOM มีทั้งหมด 428 ยูนิต ออกแบบให้แบ่งอาคารออกเป็น 2 ฝั่ง โดยจะเชื่อมต่อกันที่ชั้นส่วนกลาง 10 และ 34 คั่นกลางระหว่างอาคารด้วยช่อง Atrium มีผังทางเดินแบบ Single Loaded Corridor ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า

“ผมชอบชีวิตที่เป็นอิสระแบบนี้จังเลยครับ”

ด้านหน้าทางเข้าจะเป็นสวน “Alfresco Living Plaza” ทำหน้าที่เป็นรั้วธรรมชาติกั้นตัวอาคารกับถนน ทางผู้ออกแบบ Landscape คือ TROP ได้นำเอาแนวคิด “Movements” มาใช้แก้ไขข้อจำกัดด้านพื้นที่และการใช้สอย โดยสร้างสะพานขึ้นมาทับซ้อนพื้นที่สีเขียว และเติมน้ำตกเข้าไปอีกเลเยอร์ทำให้ดูมีชีวิตชีวาและน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ

ประตูบานใหญ่ถูกออกแบบให้เป็นแนวเฉียงเพื่อเบี่ยงความสนใจ ใช้สีดำด้านและกระจกเงาเข้มเพื่อพรางตา ให้ผู้ที่ผ่านไปมาไม่สามารถมองเข้ามาในอาคาร ทว่า เมื่อมองจากด้านในเราสามารถเห็นความเคลื่อนไหวภายนอกได้ตามปกติ #วิถีผู้นำที่แท้จริง

ผมชอบงาน Instalation Art บนผนังและฝ้า ศิลปินนำผ้าที่ถักทอด้วยเส้นใยทองเหลืองและโลหะ โดยนำเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ การกัดกรดบนผืนทองเหลืองเข้ามาใช้ ทำให้เกิดลวดลายบนผ้าอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นงานคราฟท์มากๆ ครับ เข้ากับการตกแต่งของ Waiting Lounge ที่คุมโทนสีน้ำตาล ทอง ดำ ได้เป็นอย่างดี 

ภายในตกแต่งอย่างเรียบหรูในแบบ Objets’ D’Art Lobby ที่มาพร้อมกับคอนเซปต์หยุดเวลา (Time Pause) ราวกับทั้งโลกหยุดเคลื่อนไหวเมื่อเราก้าวเข้ามาใน Lobby ของ ASHTON SILOM

กานต์จะพามาชมห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนกันก่อนนะครับ ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบคือ Flat และ Stack เป็นการออกแบบโดยใช้เทคนิค Vertical Interlocking Concept ใช้แผ่นพื้นต่างระดับนำมาสลับไขว้กันไปมาในแต่ละชั้น ลองจินตนาการตาม ให้เป็นภาพตัดด้านข้างของอาคาร เราจะเห็นว่ามีแต่ละชั้นจะมีพื้นที่ Interlock กันอยู่ดูสลับกันไปมา เป็นรูปตัว L ซึ่งตรงนี้จะส่งผลต่อพื้นที่ภายในห้องให้เกิดฟังก์ชั่นพิเศษที่เราเรียกว่า Stack Floor นั่นเองครับ

โดยผมจะขอเร่ิมรีวิวจาก 2 Bedroom Stack กันก่อนนะครับ เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะพบกับ Corridor ภายในห้องที่กว้างประมาณ 1 เมตร พื้นเป็นแบบเล่นระดับภายใน ก่อนจะเป็นห้องน้ำด้านหน้าแยกส่วนเปียกแห้งพร้อมตกแต่งมาให้เรียบร้อย

เดินเข้ามาอีกนิดจะเป็นทางแยก ตรงกลางเป็นห้องนอนเล็ก ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่แต่ถ้าเลี้ยวขวาเข้ามาด้านใน จะพบกับชุดครัวสีขาวๆ ดูสะอาดตา มาพร้อมกับเคาน์เตอร์สีเดียวกัน ซึ่งโครงการขายแบบ Fully Fitted ติดตั้งชุดเคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้าและที่ดูดควัน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจาก Kohlor, ฉากกั้นอาบน้ำ และแอร์แบบฝังฝ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว

พอเป็นพื้นต่างระดับภายใน ทางโครงการจึงออกแบบและติดตั้งราวกันตกให้ด้วยกระจกนิรภัย ได้ทั้งความสวยและโปร่งใสทำให้ห้องดูโล่งขึ้น มองออกไปจากครัวจะเป็นมุมที่แปลกตาขึ้นด้วย Layer ที่ต่างกัน เท่ดีครับ

2 Bedroom Stack จะเป็นห้องที่มีการเล่นระดับของพื้นภายในแบบ Double Stack นั่นคือ พื้นที่ภายในห้องจะมีการเล่นระดับสูงต่ำ มีบันไดภายในห้องเป็นลูกเล่น ห้องแลดูสูงโปร่งและโอ่โถง ด้วยฝ้าที่ยกระดับขึ้นไปอีกขั้น Floor to Ceiling ในบางจุดของภายในห้องจะสูงถึง 3.60 เมตรเลยทีเดียว ให้ความรู้สึก Ultar Luxury สุดๆ

ลงจากบันไดมาเล็กน้อยจะเป็น Living Area ที่มีความโอ่โถงมาก ดีไซน์เนอร์ออกแบบและตกแต่งภายในห้องตัวอย่างให้ดูวินเทจเล็กน้อย คุมโทนด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาล เหลือง ทองตัดกับผ้าม่านสีเทาเข้ม ดูเข้ากันดี

บริเวณนี้จะมีโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับครัวด้านบน ถัดมาดูจะเป็นมุมสุดโปรดของผม เป็นโต๊ะทำงานที่หันหน้าเข้าหาทีวีพร้อมกับชุดโซฟา ด้านซ้ายเป็นม่านที่ปิดบานกระจกเอาไว้ ด้านหลังจะเป็นตู้โชว์เก็บของขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยจานกระเบื้องและเครื่องลายคราม ซึ่งเหมาะมากที่จะให้มุมนี้เป็นมุมทำงาน อ่านหนังสือ และทำกิจกรรมร่วมกันภายใน ความเก๋คือการเขียนจดหมายบนแผ่นกระดาษด้วยปากกาขนนกพร้อมแว่นขยาย ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่ใน Mystery Land

ข้อดีที่เห็นได้ชัดของการออกแบบฟังก์ชั่นภายในที่ดันให้ Service Area อยู่โซนด้านหน้าประตู เพื่อที่จะได้ให้ทุกห้องไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น หรือห้องนอนใหญ่ได้เปิดรับวิวจากผนังกระจกและหน้าต่างด้านนอก เปิดรับแสงรับวิวได้มากกว่า เป็นการออกแบบที่ผมว่าสร้างสรรค์และลงตัวดีมากครับ

จากห้องนั่งเล่น เดินย้อนขึ้นบันไดกลับมาจะผ่านครัว เพื่อจะเข้าไปยังโซนพักผ่อนกันบ้าง ห้องแรกที่จะต้องผ่านคือห้องนอนเล็กที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายสไตล์ Urban มีเตียงเดี่ยวพร้อมหัวเตียงที่เป็นผนังกระจกบานใหญ่รับวิวด้านนอกได้เต็มที่ สามารถติดตั้งม่านทรงสูงเพื่อเปิดปิดได้ พื้นที่ข้างเตียงเหลือค่อนข้างเยอะครับ สามารถจัดฟังก์ชั่นอื่นเพิ่มได้ เหมือนภายในห้องตัวอย่างที่จัดวางโต๊ะเขียนหนังสือ พร้อมกับตู้เสื้อผ้า ตู้เก็บของและชั้นโชว์บริเวณปลายเตียง หรือใครอยากอัพไซส์ของเตียงเป็นขนาด 5 ฟุตก็ทำได้สบายๆ

แน่นอนครับว่า ถ้าเป็นไลฟ์สไตล์แบบผม คงปรับห้องนี้เป็นห้องทำงานส่วนตัว หรือกำลังคิดว่าจะทำเป็นห้องดูหนังแทนดี เพราะไซส์ที่กำลังพอเหมาะ เสียงออกมาคงเซอร์ราวด์ดี ประกอบกับระยะห่างจากโซฟากับจอทีวีผมว่ากำลังพอดีเลยนะ อาจจะตกแต่งห้องให้ดูมืดกว่านี้อีกนิด ลงตัวเลยครับ

ถัดจากห้องนอนเล็กเข้ามาด้านในจะเจอกับพื้นที่ Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำในตัว

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งพร้อมกับเพิ่มอ่างอาบน้ำแบบ Sexy Bath เพื่อชมวิวด้านนอก อาจจะดูเขินๆ หน่อยนะครับ หากห้องไหนเปิดม่านออกไปแล้วเจออาคารสำนักงานด้านข้าง แต่ไม่เป็นไร เราสามารถปิดม่านได้ แต่อยากให้จินตนาการเผื่อถึงตอนกลางคืน เราสามารถอาบน้ำพร้อมกับชมแสงดาวให้เงาจันทร์คอยอาบชโลมผิวของเรา เป็นโมเมนต์ที่ผมคิดว่าวิเศษมากครับ

ส่วนด้านขวามือจะโถงทางเดินเพื่อเลี้ยวไปยังส่วนของ Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ทางเข้าจะมีชั้นวางของแบบซ่อนผนัง เก๋มาก ถ้าอยากจะเปิดก็เพียงดึงออกมา ช่วยประหยัดพื้นที่ได้มาก นอกจากนี้ ตัวห้องยังโดดเด่นด้วยบานหน้าต่างแบบเข้ามุมทำให้ห้องดูกว้างขึ้น สามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่และเห็นวิวกรุงเทพฯ มุมสูงได้เต็มตา แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถดึงม่านมาปิดได้ ภายในห้องเราสามารถวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ และยังเหลือพื้นที่รอบเตียงด้วยครับ

ห้องตัวอย่างอีกแบบ 2 Bedroom Flat จะเป็นห้องที่ไม่มีขั้นบันไดเหมือนกับ Stack ภายในห้องตัวอย่างตกแต่งให้เห็นฟังก์ชั่นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามใจ โดยเฉพาะห้องนอนทั้ง 2 ห้องที่ปรับเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ห้องดูหนัง ห้องรับประทานอาหาร หรือห้องรับรองแขกคนสำคัญก็ได้

อย่างที่บอกไปว่า ทุกห้องของโครงการจะเน้นวิวภายในผ่านกระจกบานใหญ่ภายนอก ทำให้ได้วิวที่สวยแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง พร้อมกระจกเข้ามุมที่เป็นเอกลักษณ์

ขณะที่ไฮไลท์ของห้องนี้ คือ Living Room ที่ดูแกรนด์มาก เพราะเปิดโล่งกว้างด้วยผนังกระจกเต็มบานแบบเข้ามุม สามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้ถึง 2 ทิศทางด้วยกัน พร้อมกับระเบียงเล็กๆ เป็นกิมมิคในการพักอาศัย

ด้านในมีหนึ่งห้องที่เป็น Corner Room เช่นกันครับ สามารถปรับฟังก์ชั่นได้ตามใจชอบ

ผมชอบห้องนี้ ตรงที่มีความเป็นส่วนตัว เพราะเดินเข้าด้านในสุดของห้อง เพื่อที่จะได้วิวแบบชิดติดผนังกระจกบานกว้างๆ จริง เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอนหรือห้องที่ต้องการความ privacy

ตรงกลางห้องชุดจะมีอีกอีกหนึ่งห้องที่เหมาะสำหรับทำเป็นห้องทำงาน ถ้าเราต้องการใช้แค่ห้องนอนเดียว เพราะห้องนี้มีประตูกระจกบานใหญ่ เพื่อเปิดรับแสงและวิวจากด้านนอกในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น เพื่อความเป็นส่วนตัวครับ

มาดูห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอนกันบ้าง ซึ่งก็มีความพิเศษในการออกแบบไม่แพ้กับห้อง type อื่นๆ ครับ ห้องตัวอย่างขนาด 48.5 ตารางเมตร ถือว่าใหญ่กว่าห้อง 1 ห้องนอนทั่วไปมาก เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบส่วนโถงทางเดินยาวผ่านครัวที่ติดตั้งมาให้แล้วแบบ Fully Fitted ถัดไปจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งติดกับ Living Area ส่วนอีกด้านจะเป็นมุมแต่งตัวที่มีตู้ติดตั้งอยู่เรียงรายไปเต็มผนัง

ห้องนี้ยังคงคุมโทนการออกแบบที่ดู Modern Luxury ใช้โทนสีเหลือง ทอง แต่เพิ่มความโดดเด่นด้วยโซฟากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มบริเวณปลายเตียง ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับ Living Area แบบ Full Height สูงจากพื้นจรดฝ้า ดูเหมือนว่าจะเป็นมุมที่ผมชอบที่สุด โดยเฉพาะผนังหินอ่อนลวดลายแปลกตา ผมว่ามีส่วนช่วยให้ห้องนี้ดูเด่นขึ้นมาก

ห้องนอนตัวอย่างติดฉากกั้นไว้แล้วทำเป็นประตูบานเลื่อนเก๋ดีครับ เป็นการแบ่งสัดส่วนเตียงนอนกับมุมนั่งเล่นออกจากกันได้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว

อีกหนึ่งไฮไลท์อันคงไว้ซึ่งคอนเซปต์คือการเปิดพื้นที่รอบห้องให้กับวิวจากกระจกแบบพาโนรามิค เรียกได้ว่าเราได้เห็นวิวกรุงเทพฯ แทบจะในทุกมุมของห้องเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่เปิดออกไปเป็นระเบียง จัดวางชุดเก้าอี้นั่งเล่นรับลมได้สบายๆ พอเข้ามาด้านในห้องนอนจะมีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับนั่งทำงานอ่านหนังสืออยู่ริมกระจกเข้ามุมเกือบเต็มบาน ช่วยให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่เปิดโล่งโดยรอบ

ขณะที่ไฮไลท์ของห้องขนาด 1 Bedroom คือการออกแบบให้มีห้องน้ำอยู่ตรงกลางห้อง!! คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ ห้องน้ำเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากลางห้อง เราสามารถเดินรอบห้องน้ำได้สบายๆ แบบ 360 องศา สถาปนิกวางฟังก์ชั่นให้พื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำให้เป็น Walk-in Closet เหมือนกับเป็นห้องย่อยที่แยกออกมาจากห้องนอนอีกที เราอาจจะออกแบบโดยกั้นพื้นที่ปิดเป็นรูปตัว I (ไอ) หรือตัว L (แอล) หรือจะเปิดโดยรอบแบบห้องตัวอย่างก็ได้ ซึ่งดูเหมือนว่านี่จะเป็นห้องแต่งตัวในฝันของใครหลายๆ คน

ต้องยกนิ้วให้ในความใจกล้าของสถาปนิกและบริษีัท อนันดาที่ทำผังห้องออกมาได้ฉีกทุกกรอบ แหกทุกกฎ ซึ่งทำให้ห้องดูสวยแปลกตาและดันให้ห้องน้ำซึ่งน่าจะเป็นพื้นที่อับของห้องให้กลายเป็นพระเอกได้ โดยเฉพาะอ่างอาบน้ำที่ติดกับเตียงนอน อุปกรณ์ในห้องน้ำติดตั้งมาครบทั้งอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์, Hand Shower, Rain Shower ผมว่ามันดูมีเสน่ห์มากกว่า Sexy Bath ห้องแบบ อื่นๆ อีกนะเนี่ย เอาจริงๆ แต่ถ้ามีแขกมาที่ห้อง ก็สามารถติดตั้งม่านหรือมูลี่เพิ่มเพื่อความเป็นส่วนตัวปิดได้ตามต้องการ แค่นั้น จบจริงๆ

โดยภาพรวมของห้องนอนนี้จึงดูลงตัวครบทุกฟังก์ชั่นและการใช้สอย ตลอดจนวิวจากบานกระจกโดยรอบ ที่ดูโดดเด่น และ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ในห้องแบบ 1 Bedroom หาได้ยากมาก

ผมประทับใจห้องนี้มากสร้างสรรค์ไอเดียได้บรรเจิด เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ชอบอาศัยอยู่คนเดียวและอยากมีอิสระในห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัว

“A great book should leave you with many experiences, and slightly exhausted at the end. You live several lives while reading.”

― William Styron, Conversations with William Styron

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 34 มาดู Facilities ของทางโครงการกันบ้างครับ ชั้นนี้จะมีฟิตเนส ซาวน่า สตรีม และเป็นชั้นเดียวกับสระว่ายน้ำรูปตัว U ขนาดใหญ่รายล้อมอาคาร ซึ่งน่าเสียดายที่สระว่ายน้ำปิดทำความสะอาดในวันที่ไปรีวิวเลยไม่ได้ถ่ายภาพมาฝากกันครับ

แต่ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำหรือฟิตเนส ก็ยังคงคอนเซปต์เดียวกันคือหันหน้าออกไปชมวิวกรุงเทพฯ ด้านนอกแบบพาโนรามิค

ที่พิเศษกว่าทั่วไปคือเป็นห้องออกกำลังกายที่มีขนาดใหญ่และแมชชีนครบครัน ทั้ง Cardio และ Body Weight เป็นเครื่องออกกำลังกายของ Life Fitness ทั้งหมด ซึ่งเป็นแบรนด์ดังระดับโลกเลยครับ

ผมว่ามาตรฐานของฟิตเนสที่นี่ถือว่าดีมาก เป็นการออกแบบเพื่อตอบสนอง Urban Lifestyle ของผู้อยู่อาศัยที่ นอกจากนี้ยังมีห้อง Yoga Room หรือสามารถใช้เป็นห้อง Private Fitness ก็ได้ วิ่งลู่ไปชมวิวไป ได้ฟีลดีมาก หรือจะดูทีวีไปด้วยขณะออกกำลังกายก็ได้เช่นกันครับ

เดินขึ้นมาอีกนิดจะเป็นชั้น 34 M หรือ ชั้นลอยของชั้น 34 เป็นห้อง Library ที่มีขนาดใหญ่มากกินพื้นที่ไปเกือบครึ่งชั้น ครั้งแรกที่แม่บ้านเปิดประตูมาให้ ผมสตั้นท์ไปประมาณ 3 วินาที ด้วยความที่ห้องกว้าง มีมุมสวยๆ ให้เลือกนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือได้หลากหลาย เรียกได้ว่า ถ้าได้อยู่ที่นี่ ห้องสมุดส่วนกลางคงจะเป็นพื้นที่โปรดของผมอย่างแน่นอนครับ

ห้องสมุดถูกแบ่งออกคร่าวๆ เป็น 2 ฝั่ง นอกจากมุมสบายๆ นั่งโซฟา อ่านหนังสือ คุยกันเบาๆ แล้ว ยังมีโต๊ะแชร์ที่เปิดให้ใช้งานร่วมกัน เพื่ออ่านหนังสือหรือจะจัดมีทติ้งย่อยๆ ก็ได้ ในบรรยากาศที่จริงจังกว่าพื้นที่ส่วนแรก แต่ก็ยังได้เบรกอารมณ์ด้วยวิวกรุงเทพผ่านกระจกบานใหญ่ที่เปิดกว้างตลอดแนวยาวของห้องสมุดนี้ครับ

จากห้องสมุด ถัดมาอีกห้องจะเป็น Theatre Lounge หรือห้องดูหนังครับ เป็นอีกห้องที่ผมชอบมาก ดูหรูหราและออกแบบมาโดยเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยมาก จริงๆ แล้วเราสามารถเดินเข้ามาใช้งานเลยก็ได้ แต่ก็อาจจะต้องดูหนังร่วมกับสมาชิกท่านอื่น แต่หากใครต้องการดูหนังให้ได้ความเป็นส่วนตัว ตรงส่วนนี้เราสามารถบุ๊คกับทางนิติบุคคลได้ล่วงหน้า เข้าใช้บริการได้ 3 ชั่วโมงต่อการจองหนึ่งครั้ง

ที่ชั้น 34 M ยังมีอีกหนึ่งห้องส่วนกลางที่ผมชอบมากคือ Business Lounge ครับ วิวดี บรรยากาศดี เป็นพื้นที่รับรองให้เราได้นั่งคุยงาน เสวนา เจรจาธุรกิจ นั่งชิลล์ ชมการแข่งขันฟุตบอลหรือเล่นพูลกัน หรือจะหากิจกรรมอย่างอื่นมาทำก็ได้ เพิ่มอารมณ์ความรู้สึกของการอยู่อาศัยในแบบ Ultra Luxury ให้กับคนกลุ่มนี้

หากใครต้องการความเป็นส่วนตัวทำกิจกรรมกับกลุ่มเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวก็สามารถแจ้งวัตถุประสงค์การใช้งานและจองได้ที่นิติบุคคล โดยจะสามารถใช้งานได้ 2 ชั่วโมงต่อ 1 ครั้งการจองครับ

Social Club ชั้น 48 ตกแต่งสวยมากเหมือนนั่งอยู่ในบาร์กลาง New York

ผมว่า ASHTON SILOM ได้เติมแนวคิดใหม่เข้ามาในการออกแบบที่อยู่อาศัยที่ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการสร้าง Common Space พื้นที่ใช้งานร่วมกันของคนในคอนโด เห็นได้จากการดีไซน์ให้มี Lounge คอนเซปต์แตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และไม่จำเป็นต้องออกไปจากคอนโดเพื่อไปคาเฟ่ ดูหนังหรือนั่งชิลล์ที่ไหน เพราะ ASHTON SILOM มีให้ครบทุกความต้องการแล้ว

Botanical Lounge นั่งรับลมสบายๆ ด้านนอกพร้อมกับต้นไม้ที่รายล้อมอาคารในหลายๆ จุด

เคาน์เตอร์ Reception สีทอง บริเวณด้านหน้าโครงการ ออกแบบรูปทรงคล้ายที่ผ้ากำลังปลิว ทิ้งร่องรอยความอ่อนช้อยงดงามและสื่อสารความคราฟท์ของ ASHTON SILOM ได้อย่างลงตัว ด้วยแนวคิดในการออกแบบและสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยที่เป็นที่สุด ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสีลมในรอบสิบกว่าปี ผมว่านี่เป็นโครงการ Freehold ที่น่าสนใจ อยากให้เข้ามาชมกัน

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร https://anan.ly/3tzquuV
รับส่วนลดเพิ่มเพียงใช้ CODE : 7DAYS17 เมื่อเยี่ยมชมสํานักงานขายภายใน 7 วัน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-316-2222

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน