MASON PATTAYA โรงแรมเปิดใหม่ใกล้พัทยา พูลวิลล่าทุกหลัง
___________________________________________
ความฝันของคุณคืออะไร?
ความฝันของกานต์คือการได้เป็นเจ้าของโรงแรมติดทะเลสักแห่ง ที่มีบริการเป็นเลิศ ตัวโรงแรมมีดีไซน์สวย ออกแบบเน้นการเล่นแสงเงา ใช้สีขาวดำเป็นหลัก มีความโมเดิร์น แต่เรียบง่าย ทำนอง “น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น” 555
ไม่น่าเชื่อว่า ผมเจอโรงแรมในฝันแล้วครับ … เพียงแต่มันไม่ใช่ของผม
“MASON” คือหนึ่งในโรงแรมที่ว่าครับ ยอมรับเลยว่าสวยมาก สถาปนิกออกแบบได้อย่างมีคอนเซปต์ที่ลึกล้ำ เน้นสีโทนดำ ขาว เทา
“MASON” A Uniquely Crafted Beachfront Experience เป็นโรงแรมล่าสุดที่ผมเพิ่งได้ไปเข้าพักมาครับ โรงแรมเพิ่งเปิดใหม่ อยู่ในช่วงซอฟท์ลอนซ์ จองผ่าน www.masonpattaya.com ได้เลยครับ ผมกดดูวันก่อนเห็นราคาโอเคเลยกดจองมา ข้อดีคือเข้าพักช่วงนี้ราคาจะได้ลดลงไปอีก 40% เหมือนผม เปิดใหม่ช่วงนี้ก็จะมีโปรโมชั่นบ่อยหน่อย ควรค่าแก่การมาพักผ่อนมากๆ ครับ
ผมเลือกพักแบบ Duplex Grand Pool Villa ห้องนอนจะอยู่ชั้นบน ชั้นล่างเป็นพื้นที่พักผ่อนและแน่นอนมีสระน้ำส่วนตัวด้วยครับ
จุดขายของที่นี่คือ “เป็นพูลวิลล่าทุกหลัง” ครับ ด้านหน้าติดหาดบางเสร่ เลยตัวเมืองพัทยาไปไม่ไกล เป็นย่านใหม่ที่มีโรงแรมรีสอร์ทสวยๆ เยอะ
ผมเลือกรูปนี้มาให้ดู เพราะอยากให้เห็นหัวใจของการดีไซน์ว่า นำเสนอออกมาอย่างเรียบง่าย แต่ยับยาก!!
เอ๊ย!! ไม่ใช่ เรียบง่าย แต่เส้นสายลายสี ดูดีและลงตัวมากครับ สะท้อนถึงหัวใจของโรงแรมที่เหมาะแก่การพักผ่อนได้เป็นอย่างดี มีความมินิมอลสุดๆ
จากล้อบบี้ ลงไปจะกลายเป็นอุโมงค์ถ้ำ เพื่อนำไปสู่โลกของการพักผ่อนที่แท้จริง ระหว่างทางเดินไปวิลล่า เราจะเจอจุดพักใจ เพื่อรับกลิ่นไอของทะเลและทิวพร้าว เหมาะสำหรับชวนแฟนมานั่งชมพระอาทิตย์ตกดินมากครับ โรแมนติกสุดๆ ส่วนโซนวิลล่าจะเน้นความเป็นส่วนตัว ด้วยรั้วต้นไม้สูง คล้ายเขาวงกต แต่เดินแล้วไม่งงหรอกครับ เดินง่าย เพราะแบ่งไว้เป็นโซนตามชื่อของหิน
เพราะ “MASON” ในภาษาอังกฤษ แปลว่า “ช่างแกะสลักหิน” วัสดุที่ใช้จึงเน้นหิน ไม้ ให้ความรู้สึกเข้าถึงธรรมชาติมากๆ ผสานเข้ากับสระน้ำในวิลล่าทุกหลัง และถ้าอยากจะไปเล่นน้ำทะเลก็เพียงแค่เดินลงไปไม่กี่ก้าว จึงอยากแนะนำให้ลองมาพักดูสัก 3 วัน 2 คืน กำลังดี ตามคอนเซปต์ Leisure Travel ของผม
วิ่งมาทางสัตหีบไม่นาน ก็ถึงบางเสร่แล้วครับ กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าโรงแรมมาได้เลย จะเจอเค้าท์เตอร์ต้อนรับสไตล์มินิมอล มีเท่านี้จริงๆ ครับ
ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอ
เมสันอยู่ไม่ไกลอ่างศิลา จึงเป็นแพชชั่นของการออกแบบที่เน้นหินเป็นหัวใจหลัก เพราะ MASON แปลว่าช่างแกะสลักหินครับ งานออกแบบจึงดูเป็นงานคราฟท์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว เสริมด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ และเพิ่มความเบาสบายด้วยการใช้กระจกโปร่งแสง ไม้จะตีซี่แนวยาวเพื่อนำสายตาไปสู่มุมมองแรกหลังจากที่มาเช็คอินคือวิวทะเลครับ มีเก้าอี้ที่ทำจากหินดีไซน์โค้งมน เพื่อช่วยลดทอนความแข็งกระด้างของโครงสร้างไม้ ถือว่าออกแบบมาได้โดนใจผมดีครับ นอกจากสีขาว ดำ เทา ตัดสลับกับสีน้ำตาลของไม้จริงมาช่วยเป็นตัวเบรคอารมณ์ที่แข็งกระด้างแล้ว ยังได้สีฟ้าของน้ำทะเลยามพลบค่ำ มาช่วยแต่งเติมให้โรงแรมแห่งนี้มีความงามมากขึ้นไปอีกครับ
ผมชอบการออกแบบของที่นี่มากจริงๆ ครับ เน้นการเล่นแสงเงา จากลายเส้นของไม้ที่จะเปลี่ยนไปในทุกวินาทีที่องศาแสงเปลี่ยน จึงเป็นเหมือนความนิ่งบนความเคลื่อนไหว เหมือนจิตใจของคนเราที่ต้องรู้จักหยุดนิ่งให้เป็น แม้สรรพสิ่งบนโลกจะเคลื่อนไปตลอดเวลาก็ตาม ที่สำคัญ ดีไซน์ของที่โรงแรมนี้ มีนิตยสารด้านการออกแบบหลายเล่มมาถ่ายไปลงเพื่อแนะนำเยอะเลยครับ
เมื่อเช็คอินเสร็จ ก็จะเดินเข้าวิลล่า ซึ่งจะต้องลงอุโมงค์ถ้ำนี้ก่อนครับ ตามคอนเซปท์เค้า เข้าใจคิดมากๆ ระหว่างนั้น (ภายในถ้ำ) เราจะเจอจุดนั่งพักรับลม พร้อมชมวิวทะเลไปพร้อมกัน เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่จะทำให้เราได้พักผ่อนริมทะเลอย่างเต็มที่ และมีบริการเครื่องดื่มจาก Beachside Bar ด้วยครับ ลมเย็นๆ ชวนแฟนมานั่งจิบคอคเทลสีสันสดใส ใกล้ๆ ทะเลก็ดีเหมือนกันนะครับ
ผมนำภาพมุมสูงจาก MASON มาให้ดูกันครับ จะเห็นหลังคาของถ้ำ (ซ้าย) ซึ่งจะเป็นสระน้ำที่มีน้ำตกไหลด้วยนะครับ ส่วนภาพด้านขวาจะเป็นหลังคาดาดฟ้าของวิลลา ที่ออกแบบให้เดินขึ้นจากด้านข้าง จากนั้นก็ลดระดับลงสู่ตัวบ้าน เป็นการเติมความรู้สึกแบบเดียวกับคอนเซปต์ถ้ำหินในตอนแรก ซึ่งดีไซน์แบบนี้จะเจอใน BEACHFRONT GRAND POOL VILLA และ BEACHSIDE SEAVIEW POOL VILLA ซึ่งเป็นการออกแบบที่เก๋มากครับ
ส่วน type ที่ผมเข้าพักจะเป็น DUPLEX GRAND POOL VILLA มีทั้งหมด 8 วิลล่าครับ ดีไซน์ให้มีความหรูหราทันสมัย ในลักษณะเหมือนบ้านสองชั้น ชั้นบนเป็นห้องนอน และมีห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่อยู่ที่ชั้นล่าง พร้อมเชื่อมต่อไปยังสระน้ำส่วนตัวบริเวณข้างบ้านครับ
ชอบมากกกกกกกกก ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านจริงๆ
ถือเป็นโรงแรมที่มีการออกแบบที่กินขาดจริงๆ ครับ ชอบความเรียบง่าย แต่หรูหราของดีไซน์ มีความกลมกล่อมและกลมกลืนกันไประหว่างไม้และปูนเปลือย ดูสิครับ ขนาดโคมไฟแขวนยังทำจากไม้ซี่เล็กเลย ดูลงตัวเข้ากันไปเสียหมด เลิฟเลยครับ
เมื่อเปิดประตูเข้าวิลล่ามาจะเหมือนชั้นลอยตรงกลาง หากจะไปห้องนั่งเล่นด้านล่างจะต้องลงบันได แต่หากจะไปห้องนอน ก็ขึ้นบันไดไปครับ ดีไซน์ด้านในสไลต์มินิมอลลอฟ์ท เก๋ด้วยปูนเปลือย เพิ่มสัมผัสแบบธรรมชาติเข้ามา โทนสีภายในเน้นเทาควันบุหรี่และสีดำ ตัดสลับกับสีน้ำตาลของไม้ เพื่อลดความดุดันของตัววิลล่า มีเวลคัมฟรุต และลูกชุบมาให้ทานด้วยครับ
อย่างที่เล่าไปในส่วนของบันไดชั้นพัก จะขึ้นหรือลง ก็เลือกเอา การเข้าพักที่ MASON เหมือนมาบ้านตัวอย่างมากกว่าครับ ทำเอาผมคิดอยากจะออกแบบบ้านตัวเองให้มีดีไซน์และฟังก์ชั่นประมาณนี้ ถูกใจจริงๆ
มุมนี้ลองถ่ายจากชั้นบนลงมา จะเห็นองศาที่ลาดเอียงและเล่นระดับ เพื่อไม่ให้เกิดความแข็งทื่อของเส้นสายจนเกินไป มีเอียงบ้าง ตรงบ้าง ก็เป็นธรรมดามนุษย์เรา ด้านในสุดเป็นตู้แขวนเสื้อผ้า พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน สำหรับการออกไปปิคนิกริมทะเล ไม่ว่าจะเป็น ร่ม หมวกสานปีกกว้าง รองเท้าแตะ ชุดคลุม ผ้าเช็ดตัวชายหาด และมีตะกร้าเล็กๆ ไว้สำหรับใส่ของไปนั่งเล่นริมหาด ส่วนตะกร้าใบใหญ่ด้านขวาของตู้เสื้อผ้า สำหรับใส่เสื้อผ้าที่ใส่แล้วของเราครับ ถัดไปมีตู้เซฟและโต๊ะเครื่องแป้ง ดีไซน์แบบเรียบๆ
ชอบกระเป๋าเดินทางทำจากหนังด้านบนจัง แม้จะเป็นพรอพแต่เก๋มาก ใช้งานได้ ทำเอากลับกรุงเทพเมื่อไรจะไปหาซื้อ
ห้องนอนด้านบนแบบเปิดโล่ง พร้อมโต๊ะทำงานและอุปกรณ์อำนวยความสะดวก การตกแต่งเน้นสีตามคอนเซปต์คือขาว ดำ เทาควันบุหรี่ ส่วนทีวีบริเวณปลายเตียง วางบนแท่นขาตั้งวาดภาพของจิตกร
ส่วนที่นอนนั้น …. นุ่มลื้มมมมมมม
มีภาพประดับผนังเป็นผลงานของคุณแอ๊ะ-ชาติฉกาจ ไวกวี ช่างภาพขวัญใจของผมอีกคน กับเทคนิคเฉพาะตัวคือ การอัดภาพลงฟิล์มกระจก เก๋มากครับ
วิวจากห้องนอนครับ วิลล่า type นี้จะยังมองเห็นทะเลนะครับหากขึ้นมาบนชั้น 2 นี้ แต่จะถูกตัดสลับกับทิวมะพร้าว เพื่อความเป็นส่วนตัว เนื่องจากวิลล่านี้จะสูงเด่นกว่าใครเพื่อน แสงแดดยามเช้าของที่นี่สวยดีครับ
จากภายในวิลล่า ก็ได้เวลามานั่งเอกเขนกที่ริมสระน้ำส่วนตัวภายในวิลล่า ซึ่งก็ต้องบอกว่า ร่มรื่นดีครับ บันไดสีดำที่เห็นด้านขวา คือบันไดทางลงที่เชื่อมต่อมาจากห้องน้ำด้านบนครับ (ห้องกระจกคืออ่างอาบน้ำ) การออกแบบที่เชื่อมต่อก็เพราะเวลาที่เราขึ้นมาจากวิลล่า จะได้ไม่ต้องเดินตัวเปียกเข้าไปยังห้องนั่งเล่น เพื่อวนไปยังห้องน้ำ แต่สามารถเข้าทางนี้ได้เลย จะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แถมวิลล่ายังไม่เลอะอีกต่างหาก เป็นความชาญฉลาดของการออกแบบครับ ที่นี่เป็นสระเกลือ มีปุ่มให้กดเป็นจากุซชี่ ข้อเสียคือจะกดได้แค่ 10 นาที จากนั้นก็จะตัด ต้องเดินขึ้นจากน้ำไปกดใหม่
แต่ไม่เป็นไร เราเน้นถ่ายรูป 5555
มาทะเลพร้อมพูลวิลล่า ผจญภัยแบบเอ้าท์ดอร์ ก็ต้องขอพกตัวช่วยมาด้วยครับ ผมติด La Mer กระปุกใหญ่มาด้วย เป็นตัวช่วยในการบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นอยู่เสมอ ส่วนรอยแดงที่เกิดจากการเผาไหม้ของไอแดด ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ The Concentrate เซรั่มเนื้อดีที่ทาปุ๊บ ผิวกลับมาเด้งปั๊บ!! ผมใช้ La Mer มาเกือบ 2 ปี สุขภาพผิวหน้าแข็งแรงดีขึ้นจนเห็นได้ชัดครับ แพงหน่อยแต่ยอมรับในคุณภาพจริงๆ
ขึ้นจากสระน้ำมาก็เข้าห้องน้ำได้เลยครับ เห็นไหม บอกแล้วว่าสะดวกมาก ส่วนของห้องน้ำมีหลายจุดที่ชอบ อย่างแรกเลยคือเรื่องความกว้างใหญ่ไพศาล ประมาณ สนามฟุตบอล (เว่อร์!!) แต่กว้างจริงๆ ยอมรับเลย สองคือเรื่องการออกแบบที่เข้ากันดีภายในวิลล่าทั้งหลัง กระจกบานกว้างซ่อนไฟไว้ด้านหลัง จะช่วยเพิ่มความกระจ่างเวลาที่เราส่องกระจกครับ ที่สำคัญคือช่องรับแสงด้านบน เป็นกระจกใส เพื่อส่องแสงจากธรรมชาติลงมาภายในห้องน้ำ เพื่อเพิ่มความโปร่งไม่อึดอัด แถมยังช่วยขจัดเชื้อโรคได้ดีจาก UV แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องร้อนนะครับ เพราะวิลล่ามีแอร์ 3 ตัว ห้องน้ำก็มีแอร์แยกต่างหาก รับรองว่า ปรับอุณหภูมิได้อย่างเย็นกาย สบายใจครับ
ชุดคลุมและ Amenity ในห้องน้ำ เป็นผลิตภัณฑ์ของทางโรงแรมเองครับ สบู่ แชมพู ครีมนวดและ โลชั่น มีความหอมนวลเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ดีไซน์ห้องน้ำได้สวยมากกกกกก วัสดุบุผนังที่ใช้เป็นกระเบื้องหินสีดำเทา เข้ากันดีกับสุขภัณฑ์สีขาวแบบลอยตัว ตอกย้ำความมินิมอลเข้าไปอี๊กกกกกก
นอกจากพูลวิลล่าทุกหลังแล้ว ในบ้านยังมีอ่างขนาดใหญ่ ใหญ่ชนิดที่ว่านั่งแช่น้ำกับแฟนได้สบายๆ ผมชอบห้องน้ำของที่นี้มาก อยากถามสถาปนิกว่าจะออกแบบให้กว้างไปไหน แต่เมื่อได้เข้ามาแล้ว ผ่อนคลายมากเลยนะ เป็นสถานที่ที่จะช่วยให้เราพักผ่อนได้อย่างสบายใจ มีความเป็นส่วนตัว จะจิบกาแฟ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงเบาๆ ก็เข้ากันดี
มาดูในส่วนของบาร์กันบ้างครับ บ่ายแก่ๆ ต้องมารับลมเย็นๆ กัน ให้ลมทะเลพัดพาความรักเข้ามา และพัดความคิดถึงส่งออกไป สบายใจเมื่อได้จิบเครื่องดื่มที่เป็น Signature ของทางโรงแรมครับ
บาร์เทนเดอร์ จาก KROK A Cafe Espresso Bar โชว์ลวดลายเชคอย่างเต็มที่ ก่อนจะบรรจงรินเครื่องดื่มที่มีชื่อว่า Turquoise Ocean บนแก้วทรงสูง มีสีฟ้าเทอควอยส์ ตัดกับสีเปลือกส้ม จิบแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นซาบซ่าดีครับ
Signature Cocktail อีกตัวคือ The Circle of the Sun เหมาะสำหรับจิบกันยามพระอาทิตย์ตกดินครับ จะสังเกตว่า มีการไล่เฉดของสีส้มเหมือนสีสันของพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า เรื่อยไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น เป็นอย่างนี้เรื่อยไปเป็นวัฏจักร (Circle)
อีกมุมรับลมใน KROK A Cafe Espresso Bar หันหน้าออกสู่ทะเลครับ
บรรยากาศที่ KROK A Cafe Espresso Bar ถูกออกแบบและจัดวางให้อยู่พื้นที่เดียวกับสระว่ายน้ำ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เนื่องจากแต่ละวิลล่าก็มีสระน้ำส่วนตัวกันอยู่แล้ว แต่หากมาว่ายน้ำบนสระส่วนกลาง ก็สามารถนั่งจิบเครื่องดื่มไปด้วยได้อย่างสบายใจ
ผมลองหยิบภาพมาทวิสต์คู่กัน เป็นมุมมองใหม่ที่พอจะทำให้มองเห็นความเป็นทะเลพัทยาในอีกแง่มุม เหมือนที่ MASON ได้ทำให้พัทยา บางเสร่ เป็นชายหาดและทะเลที่น่ามาเที่ยวครับ
ZILLA Street Bistro & Bar เป็นห้องอาหารหลักของโรงแรมครับ ทุกมื้อทานกันที่นี่ได้ หรือหากจะสั่ง room service ไปทานกันในวิลล่าก็มีให้บริการครับ ห้องอาหารมีทั้งโซนอินดอร์ เย็นสบายและให้บริการด้านนอก สำหรับรับลมธรรมชาติครับ
ดินเนอร์ทุกมื้อ ผมทานที่นี่ ไม่ต้องออกไปทานที่ไหน สบายที่สุดละ ตามสไตล์ Leisure Travel ท่องเที่ยวพักผ่อน เน้นรับประสบการณ์ภายในวิลล่าอย่างเต็มที่
อาหารที่ ZILLA จะเป็นฟิวชั่นครับ มีทั้งอาหารไทย อาหารเอเชีย และอาหารฝรั่ง สั่งได้จากเมนูเลย กานต์ คัดจานเด็ดๆ ที่ทานแล้วชอบมาฝากกัน ไม่ว่าจะเป็น พล่าส้มโอกุ้งสด เปรี้ยวๆ ฉ่ำๆ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม เรื่องความสดของวัตถุดิบไม่ต้องพูดถึง หอมซอสไข่แดงดีครับ ต้มยำทะเลน้ำข้นก็อร่อย เรื่องวัตถุดิบผมไม่ค่อยห่วง แต่บางทีอาจจะต้องย้ำเชฟหน่อยว่า ถ้าเป็นคนไทยอาจจะขอรสจัดจ้านกว่านี้อีก สะเต๊ะไก่ก็อร่อยดีครับ เนื้อนุ่ม และหอมกลิ่นสัปปะรด ฯลฯ เอาเท่านี้ก่อน รีวิวไปก็หิวไป
อิ่มอร่อยจากมื้อดินเนอร์ ก็ได้เวลากลับวิลล่า ขอเก็บรูปตอนกลางคืนไว้สักหน่อย ก็สวยไปอีกแบบ ส่วนตัวกานต์ชอบความรู้สึกและมีความสุขกับการเที่ยวแบบนี้นะ เพราะคิดว่าเหมาะสำหรับคนที่ชอบการพักผ่อนแบบจริงจัง หลังจากเหน็ดเหนื่อยในการทำงาน โรงแรม รีสอร์ทหรือวิลล่า มีไว้สำหรับใช้ชีวิตในอีกแบบที่นอกเหนือไปจากชีวิตประจำวันของเรา ผมชอบพักในโรงแรมแบบไม่ต้องออกไปเที่ยวไหน อาจจะคนละสไตล์กับใครหลายคนที่มีโรงแรมไว้สำหรับเข้ามานอนตอนกลางคืนอย่างเดียว ซึ่งโรงแรมลักษณะนี้อาจจะไม่คุ้มค่าครับ
ตอนเช้าถูกปลุกด้วยแสงแดดอ่อนๆ เนื่องจากตอนกลางคืนผมไม่ได้ปิดม่านครับ เพราะอยากนอนมองดูความงามของทะเลกลางคืน ท่ามกลางแสงดาวแสงจันทร์ ที่ตกกระทบลงมาในทะเล ผมว่ามันเป็น felling ที่เราหาได้ยากในชีวิตประจำวันของคนทำงานนะ แต่เอาเข้าจริงในตอนเช้า เราก็ต้องอัพเดทข่าวสารผ่าน Good Morning News อยู่ดี
งัวเงียๆ มาชงกาแฟดื่มกันดีกว่า ที่นี่ใช้เครื่องชงของ Nespresso ครับ พร้อมกล่องที่ดีไซน์มาสำหรับโรงแรมโดยเฉพาะ มีบริการชาจาก TWG TWG Tea Official Page นอกจากนี้ยังมี Snack และ Mini Bar ที่ทานได้ตลอดเวลา ไม่คิดเงินเพิ่มนะครับ โรงแรมเตรียมเครื่องดื่มให้ แช่ไว้ในตู้เย็นเล็กด้านล่างครับ
ก่อนออกไปทานอาหารเช้าของโรงแรม ก็แช่น้ำเพิ่มความสดชื่นกันหน่อย ที่จริงแล้วโรงแรมมีกิจกรรมสำหรับแขกด้วยนะครับ มีให้ทำตลอดทั้งวันเลย อย่างยามเช้าก็เป็นโยคะรับอรุณ แต่ผมไม่ได้ไปหรอก ชอบนอนพักผ่อนแช่น้ำแบบเป็นส่วนตัวดีกว่า ยังติดใจอ่างน้ำของโรงแรมไม่หาย เข้าใจว่าเป็นดีไซน์พิเศษ เพราะอ่างมีขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานโรงแรมทั่วๆ ไป ผมเทียบไซส์มาให้ดูแล้วครับ
อ่างใหญ่อาจจะใช้เวลานานสักหน่อยกว่าจะเต็ม ดังนั้น เปิดไว้รอก่อนเลยครับ ทางโรงแรมจัดเตรียม Bath Crystal พร้อมใยบวบมาไว้ให้ สำหรับใครที่อยากจะขัดผิวแบบส่วนตัว หรือจะไปเสริมความงามที่ MASON SPA ก็ได้ครับ
ทานอาหารเช้ากันดีกว่า ในเช้าวันที่ไป ทางโรงแรมไม่ได้ตั้งไลน์บุฟเฟต์นะครับ เป็น a la carte
แต่!!!!
เป็น A la Carte ที่อลังการงานสร้างมาก สามารถสั่งได้ทุกอย่างที่มีในเมนู ซึ่งมีเยอะมากกกกกกกกกก และหลากหลายประเภท ที่สำคัญ สั่งเพิ่มได้มากกว่า 1 อย่างนะครับ หากทานแล้วติดใจ ขอเบิ้ลได้ทันที ผมก็สั่งมาลองทานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ดาว ไส้กรอก พร้อม side dish ซุปฟักทองพร้อมขนมปัง ซุปผัก ปลานึ่ง เกี๊ยว ผักโขม รวมไปถึงเป็ดอบซอสส้ม ก็สั่งได้
ไม่อั้น!! ครับ
ยอมรับเลยว่า อาหารเช้าคือที่สุดของที่สุด เหมาะสำหรับวิลล่าที่จ่ายมาหลักหมื่นครับ ชอบในความไม่กั้ก สั่งได้ต่อเนื่องไม่อั้น แต่หากทานแล้วติดใจ ต้องสั่งไว้รอก่อนเลยครับ เพราะอาหารทำทีละจาน ใช้เวลาค่อนข้างนานหากแขกลงพร้อมกันเยอะๆ
ก่อนกลับ แวะไป MASON SPA ครับ เป็นประสบการณ์ที่ดีและถือเป็นการให้รางวัลตัวเองด้วยการทำสปาหลังจากที่เราตรากตรำทำงานมาตลอดหลายสัปดาห์ครับ จุดเด่นของเมสันสปา ก็เห็นจะเป็นการผสมผสานเทคนิคการนวดแบบตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกันเพื่อสร้างการบำบัดที่ดีที่สุด รวมถึงการปรนนิบัติเรือนร่างและใบหน้าที่หลากหลายโดยใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งแบบ Natural ให้ความรู้สึกสบายเป็นธรรมชาติ
Signature คือการนวดด้วยหินซึ่งมีชื่อว่า การนวด “MASON ZILA” ด้วยหินที่มีคุณสมบัติพิเศษจากอ่างศิลา ซึ่งเป็นแหล่งหินชื่อดังของประเทศไทยและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างโรงแรมแห่งนี้ด้วย ไม่ต้องเป็นแขกของโรงแรมก็มาลองใช้บริการได้นะครับ แจ้งเจ้าหน้าที่แผนกต้อนรับได้เลย ส่วนของสปาอยู่อาคารเดียวกันนี้เลยครับ
โดยสรุป ประสบการณ์จากการเข้าพักใน MASON PATTAYA ต้องบอกว่า “ประทับใจ” ในระดับดีเยี่ยมครับ ไม่ผิดหวังที่เลือกมาพักผ่อนที่นี่ ด้วยบรรยากาศที่แตกต่างจากความวุ่นวายของพัทยาที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไป ที่บางเสร่นี้มีความสงบกว่ามากครับ แถมโรงแรมติดชายหาดติดทะเล สามารถมาเดินพักกายพักใจได้ ส่วนเรื่องการออกแบบไม่ต้องพูดถึง สมแล้วกับที่เป็น Design Hotel เส้นสายลายสีคือดีงามมากๆ ต้องยกให้เป็นโรงแรมในฝันของกานต์เลยครับ
ชีวิตที่เรียบง่าย เป็นความใฝ่ฝันของใครหลายคน แต่บริบทของชีวิตที่ยุ่งยาก ทำให้เราต้องลำบากใจในการขับเคลื่อนชีวิตไปตามกระแสนั้น ผมว่าเป็นเรื่องดีหากจะแบ่งเสี้ยวเวลาของชีวิตที่มี มาหาความสุขแบบเรียบง่ายตามสไตล์ของแต่ละคนให้เจอ … แล้วใช้เวลาดื่มด่ำกับมันให้เต็มที่ เหมือนที่ผมหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ที่ “MASON” พัทยา
ผมหยุดแค่เวลานะครับ ยังไม่ได้หยุดความฝัน แต่ถึงตอนนี้อาจจะต้องฝันให้มากขึ้นไปอีกนิด เพื่อให้แตกต่าง
เพราะ “MASON” ทำฝันของผมเป็นจริงไปแล้วเกือบหมด
MASON PATTAYA
285 Moo 3 | Sukhumvit Road | Na Jomtien
Sattahip | Chonburi | 20250 | Thailand
Tel:
+66 (0) 38 194 699
+66 (0) 2 409 2699
Fax:
+66 (0) 38 194 688