noble TERRA Rama 9–Ekamai

“𝐍𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐭𝐡𝐞 𝐚𝐫𝐭 𝐨𝐟 𝐆𝐨𝐝.” เราได้ยินวลีนี้เป็นครั้งแรกจากบทกวีของ Dante Alighieri ศิลปินชาวอิตาลี ที่พลอยชวนให้นึกถึงการอยู่อาศัยในบ้านหรูหลังใหญ่ดีไซน์สวย ทำเลใจกลางเมืองท่ามกลางธรรมชาติและต้นไม้น้อยใหญ่

.

ในยุคที่เมืองเติบโตอย่างรวดเร็ว พื้นที่สีเขียวและความสงบกลายเป็นสิ่งหายาก หนึ่งในโครงการที่อยากแนะนำคือ noble TERRA Rama 9–Ekamai (โนเบิล เทอร์รา พระราม 9-เอกมัย) บ้านหรูระดับ Super Luxury 3 ชั้น ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ไม่เพียงแต่หรูหราและทันสมัย แต่ยังให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดธรรมชาติท่ามกลางความสะดวกสบายของเมืองใหญ่ noble TERRA Rama 9–Ekamai จึงเป็นโครงการที่นิยามความหมายของ “Urban Nature Living” อย่างแท้จริง

.

ไอเดียการออกแบบโครงการ เราเรียกว่าเป็น “Oneness with Nature” หรือ การออกแบบที่เชื่อมโยงธรรมชาติ คือการออกแบบที่เชื่อมโยงผู้คนและที่อยู่อาศัยให้เข้ากับธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ (Well-being) ของผู้อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ผ่านการเข้าถึงธรรมชาติ เน้นการไหลเวียนของอากาศ และพื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ทำให้บ้านแต่ละหลังไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็น “พื้นที่แห่งความสงบ” ท่ามกลางความเร่งรีบของเมือง

.

เราเคยเขียนรีวิวถึงโครงการ noble AQUA ไปแล้วซึ่งเปรียบเหมือนตัวแทนแห่งสายน้ำ ส่วน noble TERRA มีที่มาจากผืนดินซึ่งจะมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน เราเรียกภาพรวมของโครงการว่า be different, be noble ที่สำคัญเป็นการตีความการอยู่อาศัยที่หรูหราท่ามกลางธรรมชาติ บนทำเลพระราม 9 ที่ถือเป็น Rare Location สามารถเชื่อมต่อไปยังทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิทได้อย่างรวดเร็ว

.

Rare Design เป็นการนำเสนองานออกแบบที่คำนึงถึงการเชื่อมโยงระหว่างผู้อยู่อาศัยกับธรรมชาติในทุกมิติเพื่อแก้ Pain Point เรื่องการอยู่อาศัยใจกลางเมืองแต่กลับห่างไกลธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่การจัดวางบ้านที่เอื้อให้ทุกยูนิตได้รับแสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม มีต้นไม้ในทุกจุดของบ้าน ตลอดจนการออกแบบพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่แทรกซึมอยู่ในทุกมุมของโครงการ

.

บ้านตัวอย่างที่กานต์พามาชมเป็นแบบบ้าน FOLIUM เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม. ไฮไลท์คือโถงต้นไม้กลางบ้าน (Triple-Volume Connecting Tree Court) ที่ดึงธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายใน ด้วยต้นไม้ใหญ่ที่บริเวณคอร์ทกลางบ้านแบบ Indoor ชั้นบนมี Outdoor Terrace ระเบียงกึ่ง Outdoor ที่สามารถใกล้ชิดกับธรรมชาติยิ่งขึ้น เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อกายและใจของผู้อยู่อาศัยเพื่อให้เกิด Rare Experience นั่นคือ ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่างนั่นเอง

.

กานต์จะพาไปชมบรรยากาศของโครงการ บ้านตัวอย่างพร้อมพื้นที่ส่วนกลางของ noble TERRA พระราม 9–เอกมัย ติดตามต่อด้านในได้เลยครับ

.

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-251-9955 หรือ Line @noblerarity

คลิก https://lin.ee/rLxCiZR

noble TERRA พระราม 9-เอกมัย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับ Super Luxury ตั้งอยู่บนที่ดิน 8 ไร่ มีบ้านให้เลือก 4 ดีไซน์สร้างบนที่ดินขนาด 50-88 ตารางวา ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในทำเลย่านพระราม 9 ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เดินทางสะดวกสบายและมียูนิตไม่มากเพียง 29 ครอบครัวจึงให้ความเป็นส่วนตัวสูง โดยบ้านในแต่ละซอยก็จะมีเพื่อนบ้านเพียง 2–6 ยูนิตเท่านั้น
โครงการออกแบบโดยใช้ดีไซน์คอนเซปต์แปลกใหม่ที่เราไม่ค่อยได้พบเห็นกันบ่อยนักโดยเฉพาะความเป็นบ้านใจกลางเมืองแบบนี้ มีความ Unique ตามสไตล์ noble ที่ดูแล้วไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนโดยการดึงเอาธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการอยู่อาศัย ทำให้เรามีพื้นที่สีเขียวได้ในทุกจุดของบ้านทั้งภายในและภายนอก
ส่วนการออกแบบบรรยากาศภายในโครงการคือ Urban with the Nature จริงๆ ครับ เรียกได้ว่าทำเลคือ Rare Location อย่างแท้จริง เพราะอยู่ใจกลางเมืองสุดๆ เพราะทางโครงการได้นำข้อจำกัดของการพัฒนาบ้านเดี่ยวในเมืองซึ่งแน่นอนว่า ปัจจุบันที่ดินผืนใหญ่เริ่มหาได้ยาก และที่ดินทำเลดีๆ มีราคาสูงขึ้นทุกวัน ดังนั้นทำให้การที่จะมีพื้นที่สวนภายในบ้านจึงเป็นไปได้ยาก การออกแบบจึงเน้นแก้โจทย์นี้เพื่อพัฒนางานดีไซน์และการอยู่อาศัยให้ได้สัมผัสกับธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
โครงการตั้งอยู่ในทำเลพระราม 9 เข้าซอยประดิษฐ์มนูธรรม 1 มาเล็กน้อยราวๆ 300 เมตร มีร้าน Golden Place อยู่ใกล้ๆ และห่างจากจุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษฉลองรัชเพียง 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น เชื่อมต่อกับทำเลใกล้เคียงได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเลียบด่วนรามอินทรา ลาดพร้าว อโศก ทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิทและรามคำแหง
โครงการยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงานเพราะตั้งอยู่ใกล้กับแยกพระราม 9 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง CBD ที่สำคัญของกรุงเทพ เพียง 10 นาที ถึงย่านทาวน์อินทาวน์ เชื่อมต่อชีวิตในบ้านสู่สถานที่ทำงานและไลฟ์สไตล์ได้อย่างง่ายดาย อยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีลาดพร้าว และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาผ่านถนนพระราม 9 เป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ

อีกทั้งยังแวดล้อมด้วยสถานที่สำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ที่อยู่ใกล้ๆ ถัดออกไปมีโรงพยาบาลปิยะเวท, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพระราม 9 และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เอาจริงๆ noble TERRA พระราม 9-เอกมัย น่าจะเป็นโครงการที่อยู่ใกล้หมอและหมอควรมาซื้ออยู่มากๆ เลยครับ นอกจากจะเดินทางสะดวกเข้าโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็วลดความเครียดจากการเดินทางได้แล้ว พื้นที่สีเขียวยังช่วยฮีลใจในเวลาที่กลับมาถึงบ้านแล้วพบว่า นี่คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด
ที่น่าสนใจคือมีโรงเรียนนานาชาติ ที่อยู่ใกล้เคียง noble TERRA พระราม 9-เอกมัย เยอะมาก โครงการนี้จึงเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาโรงเรียนใกล้บ้านให้กับเด็กๆ ไม่ต้องเดินทางไกล เด็กๆ ก็ไม่เหนื่อยจากการนั่งรถ ทำให้สุขภาพกายและใจของลูกเราดีขึ้นได้ในทุกวัน

ในวันที่เข้าไปถ่ายรีวิว เราได้เห็นภาพเด็กน้อยจาก Regent’s International School Bangkok เดินเข้าประตูโครงการมาเพราะว่าอยู่ติดกับโรงเรียนเลยครับ นับว่าสะดวกมาก นอกจากนี้ยังมี Singapore International School Bangkok (SISB) ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กิโลเมตร Saint Dominic School KIS International School, Shrewsbury International School Bangkok City Campus และ St.Andrews International School Bangkok เป็นต้น
ด้านหน้าโครงการมีซุ้มประตูขนาดใหญ่ที่ออกแบบให้เป็นทางเข้าและ Clubhouse ของโครงการไปในตัว เป็นงานออกแบบที่เราชอบมากเพราะสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผนังด้านนอกจะดีไซน์เป็นแบบทึบทั้งหมดทำให้เป็นโครงการมีความเป็นส่วนตัว การรักษาความปลอดภัยเป็นแบบ Double Security Gate มีซุ้มประตู 2 ชั้น และออฟฟิศของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รั้วรอบโครงการสูง 2.5 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1.5 เมตรและติดตั้งกล้อง CCTV ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยในการอยู่อาศัยมากขึ้น
พื้นที่ส่วนกลางแบ่งออกเป็น 2 จุด เริ่มจากด้านหน้าเป็น Clubhouse ที่เป็นฟังก์ชันหลัก สำหรับใช้รับรองแขกได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปภายใน Residential Area จะได้ไม่รบกวนลูกบ้านท่านอื่นและให้ความปลอดภัย ส่วนด้านในเป็นพื้นที่สวนที่เป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านใช้งานร่วมกัน
ส่วนตัวเราชอบการออกแบบทางเข้าของ Clubhouse มากให้ความรู้สึกลึกลับนิดๆ เหมือนเรากำลังก้าวข้ามจากความวุ่นวายของโลกภายนอก เข้าไปสู่ประตูของดินแดนแห่งการพักผ่อนในวันสบายๆ เพราะเบื้องหน้าจะเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ดีไซน์สวยมากเล่นกับแสงและเงาของแดดที่ตกกระทบทำให้ในทุกช่วงเวลาเราจะมองเห็นสระว่ายน้ำในความสวยที่แตกต่างกันออกไป ช่วยเติมเต็มอารมณ์ในวันเบื่อหน่ายให้สดชื่นขึ้นได้และให้ความเป็นส่วนตัวสูงเลยครับ
สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือขนาด 4×16 เมตร มีแยกฟังก์ชันของสระว่ายน้ำสำหรับเด็กและ Jacuzzi ออกไปแต่อยู่ติดกัน พร้อมกับม่านน้ำตกขนาดใหญ่ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ทำให้บรรยากาศของสระว่ายน้ำดูสดชื่นจากเติมเต็มเสียงน้ำตกกระทบให้ความรู้สึกสบายเย็นใจ ราวกับได้พักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของรีสอร์ตหรูโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกไปไหนก็สามารถสัมผัสกับธรรมชาติได้ง่ายๆ ที่บ้านของเราเอง
ด้านในยังจัดวางชุดที่นั่งสำหรับพักผ่อนใช้เวลาร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัวในวันหยุดสบายๆ ได้อีกด้วยครับ
เดินขึ้นไปชมชั้นบนกันบ้าง โถงบันไดมีขนาดใหญ่ เปิดช่องแสงธรรมชาติเอาไว้ทำให้พื้นที่รับรองของ Clubhouse ค่อนข้างโปร่งรู้สึกสบายๆ ชั้นบนเราจะพบกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่เรียกว่า Welcome Lounge ซึ่งเป็นทั้งพื้นที่นั่งพักผ่อนและพื้นที่สำหรับรับรองแขกไปในตัว
นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีชุดโซฟาที่นั่งดีไซน์ฟรีฟอร์มและหลากหลายจัดวางกระจายกันออกไปในหลายจุดเพื่อรองรับทุกการใช้งานของทุกคนได้อย่างพอเพียง
ส่วนอีกด้านเป็น Co – Kitchen Space ออกแบบให้มีเคาน์เตอร์สำหรับจัดเตรียมอาหารว่างง่ายๆ ชงกาแฟหรือจิบชายามบ่าย จัดวางเก้าอี้สตูลบาร์ทรงสูงเอาไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในคาเฟ่บาร์เก๋ๆ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกไปไหนไกลๆ ก็เอนจอยได้ครับ ส่วนประตูระเบียงสามารถเปิดออกไปเพื่อเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำและสวนภายนอกได้ ตลอดจนสมาชิกที่กำลังพักผ่อนว่ายน้ำอย่างสบายใจก็ช่วยให้เรา Connect กันได้
ออกแบบให้มีบันไดขึ้นไปอีกชั้นเพื่อไปสู่ Business Lounge เราสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำงาน อ่านหนังสือหรือรับรองแขกที่มาพบปะพูดคุยเจรจาธุรกิจได้
ด้านในมีห้องแยกออกไปเป็น Exclusive Fitness Center ที่มีขนาดใหญ่ มีความโปร่งโอ่โถงด้วยกระจกใสและกระจกเงารอบทิศทาง มาพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆจาก Technogym ให้ใช้งานครบครันจัดวางเอาไว้โดยรอบ
ที่เราชอบคือการออกแบบให้เครื่องออกกำลังกายแบบคาดิโออยู่ริมผนังกระจกใส ช่วยให้เราวิ่งออกกำลังกายไปพร้อมกับการชมวิวสระว่ายน้ำและมีต้นไม้สีเขียวช่วยฮีลใจ
ใครอยากจะไปสัมผัสธรรมชาติก็สามารถไปเล่นโยคะที่ Sensory Garden ซึ้่งเป็นสวนสำหรับพักผ่อนของลูกบ้านที่อยู่ด้านในได้เช่นกัน
จาก Clubhouse เราพาไปชมบ้านตัวอย่างกันบ้างครับ การออกแบบจะใช้คอนเซ็ปต์ Oneness with Nature ซึ่งจะประกอบไปด้วย 3 คอนเซ็ปต์หลัก
Self Sufficient: การอยู่อาศัยที่พึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืน noble TERRA ได้ปฏิวัติแนวคิดการออกแบบบ้านด้วยหลักการที่มุ่งเน้นการพึ่งพาธรรมชาติและลดการใช้พลังงาน โดดเด่นด้วย Sky Roof นวัตกรรมการออกแบบที่เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างชาญฉลาด ทำให้บ้านสว่างสดใสตลอดวันโดยแทบไม่ต้องพึ่งพาแสงไฟฟ้า ระบบ Air Quality System จาก SCG ที่ติดตั้งมาพร้อมกับตัวบ้าน ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ตลอด 24 ชั่วโมง ภายในบ้านยังได้ติดตั้งสัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic & Shock Sensor / กล้อง CCTV / IP Camera และระบบ Home Automation ให้แล้วทุกหลัง
Connecting: สานสัมพันธ์ครอบครัวผ่านพื้นที่แห่งธรรมชาติ
ไฮไลท์สำคัญของการออกแบบบ้านคือ Triple-Volume Connecting Tree Court โถงสูง 11 เมตรที่เชื่อมต่อทุกชั้นของบ้านเข้าด้วยกัน สร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการอยู่อาศัยที่ผสานความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติและผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางบ้าน โดยบ้านแต่ละแบบจะได้รับต้นไม้ที่แตกต่างกันออกไป (สามารถหามาปลูกใหม่เองในภายหลังได้นะครับ) มีพื้นที่สำหรับเปิดรับแสงธรรมชาติและสายลมอ่อนๆ ที่พัดผ่านตลอดวัน พื้นที่นี้ไม่เพียงแต่สร้างความร่มรื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเชื่อมต่อที่ทำให้สมาชิกในครอบครัวสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของกันและกันได้แม้จะอยู่คนละชั้น สร้างความอบอุ่นและความใกล้ชิดในครอบครัวผ่านการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตร่วมกัน
Grounding: สัมผัสความสงบในทุกอณูของการอยู่อาศัย

noble TERRA ได้รับการถ่ายทอดผ่านการออกแบบที่มุ่งสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตเมืองและธรรมชาติ ทุกมุมของบ้านถูกเชื่อมโยงด้วยพื้นที่สีเขียวที่ไหลต่อเนื่องตลอดทั้งบ้าน พร้อม Outdoor Terrace ระเบียงกึ่งกลางแจ้งที่เปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น การออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวและความสงบ ทำให้บ้านกลายเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนอย่างแท้จริง เสมือนเป็นรีสอร์ทส่วนตัวที่ช่วยชาร์จพลังชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยทุกครั้งที่ก้าวเข้าบ้าน ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองใหญ่

noble TERRA จึงไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยการออกแบบที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ยั่งยืนและสมดุล พร้อมมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือกว่าให้กับทุกครอบครัว
ด้วยความที่โครงการมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีจำนวนเพียง 29 ยูนิตและมีบ้านในแต่ละซอยเพียง 2-6 หลังเท่านั้น จัดวางผังโดยคำนึงทิศทางลมและแดด บรรยากาศจึงค่อนข้างโปร่งสบายและให้ความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังนำสายไฟลงดินทั้งโครงการ จึงไม่มีสิ่งใดมาบดบังทัศนียภาพและธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่นของทั้งโครงการ
แบบบ้านมีด้วยกัน 4 แบบ ประกอบด้วย

-RADIX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินมาตรฐาน 50.1 – 74.1 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 382 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

-POLLINIS บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 57.1 – 79 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 409 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

-CORTEX บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 62.7 – 87.8 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 457 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

-FOLIUM บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 74.2 – 74.9 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 498 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว

FOLIUM จะเป็นแบบบ้านที่เราพามาชมกันในรีวิวนี้ครับ 
โครงสร้างของบ้านเป็นระบบ Conventional หรือผนังก่ออิฐมวลเบา จึงทำให้มีความแข็งแรงและสามารถต่อเติมได้ง่าย ประตูรั้วบ้านจะเป็น Aluminium แบบรางเลื่อน 3 ตอน ติดตั้งระบบอัตโนมัติควบคุมด้วยรีโมทคอนโทรล หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 5 คัน รวมถึงมีพื้นที่จอดรถคันที่มีขนาดใหญ่อย่างอัลพาร์ท H1 หรือรถตู้ พื้นลานจอดลงเสาเข็มมาให้ลึกเท่ากับตัวบ้าน ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Porcelian ขนาด 60 x 60 นอกจากนี้ โครงการยังได้จัดเตรียม Junction ของ EV Charger เป็นระบบไฟ 3 Phase 50/150 เอาไว้ให้ด้วย รองรับสำหรับใครที่ใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นครับ ติดกันมีตู้เก็บของสำหรับจัดเก็บอุปกรณ์ขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องนำไปไว้ในตัวบ้านเช่น ถุงกอล์ฟ จักรยานพับได้ เป็นต้น 
ประตูบ้านเข้าได้ทั้งจากลานจอดรถซึ่งเป็นประตูกระจกใสบานใหญ่สามารถเปิดแล้วตรงเข้าสู่พื้นที่รับประทานอาหารได้เลย ด้านในสุดมีทางเข้าสำหรับแม่บ้านเป็น Back of House ทำให้ไม่รบกวนการพักอาศัยและใช้พื้นที่ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น 
ส่วนประตูหลักเข้าบ้านจะเป็นบานไม้สักขนาดใหญ่ ติดตั้ง Digital Doorlock เอาไว้ให้แล้ว เมื่อเปิดประตูจะพบกับ Foyer ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการพักผ่อนที่ยิ่งใหญ่ภายในบ้าน ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่กลับมาถึงบ้าน จากนั้นเราจะพบกับ Common Area ขนาดใหญ่ใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นและรับแขกไปในตัว บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาบุผ้าขนาดใหญ่สีเทาควันเอาไว้ให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับวิวจากผนังกระจกใสที่อยู่รายรอบทั้ง 3 ด้าน ช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาในบ้านได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟซึ่งก็เป็นไปตามหลัก Self Sufficient รวมทั้งสามารถเปิดรับลม และเพิ่มการถ่ายเทอากาศได้จากทุกมุมของบ้าน รวมถึงติดตั้ง ระบบ Air Quality System จาก SCG มาเพื่อช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านให้ได้มากยิ่งขึ้น 
แนวคิดการออกแบบบ้านจากภายในสู่ภายนอกและเชื่อมต่อกับธรรมชาติในทุกอณู ทำให้เกิดความพอดีและดีพอในการอยู่อาศัย ถือเป็นแนวคิดที่สะท้อนถึงความใส่ใจคุณภาพชีวิตและสร้างอัตลักษณ์ที่แตกต่าง 
ด้านนอกบ้านยังสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำกิจกรรมส่วนตัวได้ ไม่ว่าจะเป็นลานสำหรับนั่งสมาธิ โยคะ มีพื้นที่ว่างด้านข้างสำหรับติดตั้งน้ำพุ ทำบ่อเลี้ยงปลาคราฟ ปลูกต้นไม้ หรือจะใช้เป็นพื้นที่บ้านของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยก็ได้เช่นกัน ทำให้เราเกิดความรู้สึกผูกพันและเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติรอบตัว อีกทั้งยังสังเกตว่า การออกแบบที่ดียังสามารถเชื่อมโยงผู้คนทั้งภายในและภายนอกบ้านเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย 
ถัดมาเป็น Dining Area พื้นที่ของครัวและส่วนรับประทานอาหาร เชื่อมต่อกับ Inner Court กลางบ้าน เป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกทุกคนใช้งานร่วมกัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การลงรายละเอียดในแทบทุกจุดที่คำนึงถึงการพักอาศัยได้ในชีวิตจริง คัดสรรวัสดุที่มีความสวยงามและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพื่อความคงทนและยั่งยืน คำนวนถึงสภาวะต่างๆ ทั้งทิศทางของแดด สภาพภูมิอากาศ ความชื้น ทั้งยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในทุกจุดรับสายตาและพื้นที่เปิดโล่งมากมาย ให้เรารู้สึกอยากอยู่บ้านและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่โปร่ง สบาย เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ 
บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารเอาไว้ ส่วนด้านในเป็น Island ที่จัดวางแบบเรียบง่าย สำหรับจัดเตรียมอาหารและนั่งจิบกาแฟยามเช้าก่อนออกไปทำงานได้ 
เรา สามารถติดตั้งเตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานได้แบบบ้านตัวอย่าง พร้อมเคาน์เตอร์ด้านหลังและตู้เก็บของที่ปิดบิลด์อินไว้กับผนังเป็นหนึ่งเดียวกันจนแทบดูไม่ออก ส่วนครัวไทยจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในแยกส่วนปิดมิดชิด เพื่อป้องกันปัญหากลิ่นเข้าบ้านได้และเชื่อมต่อกับ Maid Area เพื่อความสะดวกในการทำงานของแม่บ้านและให้ความเป็นส่วนตัว 
ด้านในสุดถัดจากโถงบันไดจะเป็นพื้นที่การใช้งานทั้งในส่วนของห้องน้ำแบบ Powder Room ที่มีมีช่องหน้าต่างระบายอากาศและติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้ในห้องน้ำ ติดกันจะเป็นส่วนของ Laundry โครงการได้เว้นพื้นที่สำหรับให้เรา Built-in ตู้และชั้นวางของ เพื่อให้เราสามารถออกแบบฟังก์ชันได้เองตามต้องการ โดยมีการเตรียมท่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้แล้ว ใกล้ๆ มีลิฟต์ส่วนตัวภายในบ้านของ Hitachi ติดตั้งมาให้แล้วเช่นกัน ดังนั้น จึงสะดวกมากหากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็ไม่จำเป็นต้องกั้นห้องชั้นล่างแต่อย่างใด เพราะการขึ้นลงด้วยลิฟต์สะดวกมากครับ อีกทั้งยังออกแบบให้ลิฟต์เชื่อมต่อกับประตูลานจอดรถทำให้สามารถกดลิฟต์ขึ้นห้องนอนชั้นบนได้ในทันที 
นอกจากลิฟต์แล้วยังมีบันไดที่เชื่อมต่อการใช้งานทุกชั้นภายในบ้านเข้าด้วยกัน บันไดเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ประสานสีน้ำตาลเข้ม ติดตั้งไฟส่องสว่างระหว่างทางเดินเอาไว้ให้เพื่อความปลอดภัย 
โถงบันไดจะค่อนข้างสว่างเนื่องจากเชื่อมต่อช่อง Void ตรงกลางบ้านแบบ Triple Volume รับแสงจาก Sky Roof ที่อยู่ด้านบนสุด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจ 
โครงการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่ภายในบ้านโครงการจะปลูกเป็นไม้มงคลให้ ซึ่งบ้านแต่ละ Type จะได้ต้นไม้ที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ โครงการได้จัดเตรียมท่องานระบบน้ำ/ไฟ เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ส่วนการสังเคราะห์แสงจากแดดจะรับผ่าน Sky Roof ครับ

เมื่อวันเวลาผ่านไปต้นไม้ต้นนี้ก็จะค่อยๆ โตและสูงขึ้นผ่านชั้น 2 มาจนถึงชั้น 3 ทำให้เราได้ใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับธรรมชาติและยังเชื่อมต่อทุกความสัมพันธ์ของสมาชิกภายในบ้านอีกด้วยเนื่องจากจะมองเห็นกันและกันอยู่ในแทบทุกจุดของบ้านนั่นเองครับ 
บรรยากาศชั้นบนของบ้าน ชวนนึกไปถึงประโยคที่ Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกผู้บุกเบิกวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่พูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “God is in the Details” กลายเป็นแนวคิดหลักให้กับสถาปนิกทั่วโลกในเวลาต่อมา เพราะงานออกแบบของเขาเต็มไปด้วยรายละเอียดและความพิถีพิถัน ทว่านำเสนองานออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุด noble TERRA ก็เช่นกันครับ ทำให้เราได้สัมผัสถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นแตกต่างจากบ้านทั่วไป 
แปลนบ้านเป็นแบบ Open Plan ที่มีลูกเล่นในการออกแบบเยอะมาก อยากเช่นมุมนั่งเล่นชั้นบนก็ปรับแบบจากพื้นที่ห้องนอนตามบ้านมาตรฐานมาเป็น Family Area แทน ใช้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับสมาชิกในครอบครัว สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เราสามารถนำไปเป็นไอเดียได้ออกแบบบ้านตัวเองได้นะครับ เรียกได้ว่าทุกจุดผ่านกระบวนการคิดเชิงสถาปัตย์มาหมดแล้ว ภายในออกแบบสวย จัดวางฟังก์ชันได้ดี มีลิฟต์ภายในบ้าน ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้าง มี Facade Tree พื้นที่สำหรับปลูกต้นไม้ ด้วยความที่ผนังรอบบ้านโดยมากเป็นกระจกใส ช่วยทำให้เปิดรับแสงสว่างเข้ามาภายในบ้านได้อย่างเต็มที่ มองเห็นวิวต้นไม้และสวนภายนอกที่เชื่อมต่อความรู้สึกเข้าหากันเวลาที่นั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน 
ดังนั้นชั้น 2 ของบ้านตัวอย่างจะมี 3 ห้องนอน เริ่มจากห้องแรกอยู่ทางด้านขวาของบ้านใกล้กับ Family Area ห้องนี้ออกแบบให้มีเตียงนอนสีเทาควันบุหรี่ สีน้ำตาลและสีครีม หัวเตียงกรุด้วยไม้แบบเรียบง่ายเพื่อให้สัมผัสถึึงความเป็นธรรมชาติ พร้อมโคมไฟส่องสว่างตั้งไว้ที่บริเวณหัวเตียง กานต์ว่าการออกแบบตกแต่งภายในเข้ากันได้ดีไปทั้งหมด สอดรับกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีที่ออกแบบไว้ให้รู้สึกเปิดโล่ง ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปเพื่อรดน้ำต้นไม้หรือยืนรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนได้ครับ 
บ้านที่นี่ออกแบบห้องนอนให้เป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ซึ่งออกแบบและตกแต่งอย่างเรียบง่ายเช่นกัน 
ห้องนอนต่อมาจะอยู่อีกฝั่ง ด้านหน้าประตูเมื่อเปิดเข้าไปจะพบกับเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่หลบมุมเข้าไปด้านซ่้ายเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว หัวนอนบุนวมสีเดียวกับเตียงนอน ผนังด้านหน้าบ้านเป็นกระจก Full Height เข้ามุม ห้องจึงโปร่งด้วยผนังกระจกใสบานใหญ่ เปิดมุมมองสู่ภายนอกได้กว้างกว่า มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ที่คอยชูช่อรอโบกมือทักทายเราอยู่ในตอนเช้า 
ทั้งยังเปิดช่องแสงธรรมชาติด้านหน้าบ้านส่องผ่านเข้ามาสู่เตียงนอนได้ทันที ช่วยในการประหยัดพลังงาน สามารถเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายอากาศได้ ห้องนี้จึงดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ตามหลัก Natural Ventilation ส่วนปลายเตียงเป็นโต๊ะทำงานวางยาวขนานไปเป็นมุมพักผ่อน พร้อมเก้าอี้สำหรับทำงาน ด้านในสุดเป็นพื้นที่แต่งตัวและห้องน้ำในตัว 
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าห้องนอนทุกห้องมีขนาดใหญ่จนไม่อยากจัดลำดับ ทั้งนี้เพื่อให้เอื้อต่อการพักอาศัยและใช้งานได้จริง เน้นการพักอาศัยที่อยู่สบาย ไม่อึดอัด โดยใช้หลักของการออกแบบเข้ามามีส่วนช่วย อย่างเช่นห้องนี้ที่ตกแต่งภายในห้องสไตล์มินิมอล เน้นความขาวคลีนที่ตกแต่งแบบคุมโทนได้ดี โดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size ได้สบายเลยครับ พร้อมกับมีพื้นที่นั่งทำงานที่แยกออกไปจากหัวเตียง 
ด้วยการเลือกใช้โทนสีเทา สีน้ำตาล สีขาวและขอบสีดำ ประกอบกับวัสดุส่วนใหญ่เป็นไม้ให้ความรู้สึกถึงการพักอาศัยที่สบายใจได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรู ทว่า นี่คือบรรยากาศของบ้านในกรุงเทพมหานครที่ชักชวนให้เราหลีกหนีความวุ่นวายมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งเต็มไปด้วยความเงียบสงบและให้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก 
เมื่อเดินไปบนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ Multi – Purposed ที่ให้ฟีลลิ่งค่อนข้างโปร่งโล่งสบาย มีประตูกระจกเปิดออกไปด้านนอกซึ่งเป็นระเบียงขนาดใหญ่ จัดวางชุดโซฟาที่นั่งเอาไว้สำหรับพักผ่อนแบบส่วนตัว พูดคุยกันในบรรยากาศของครอบครัว นั่งเล่นรับลมชมวิว อ่านหนังสือหรือว่าจิบกาแฟยามเช้า เราสามารถปลูกไม้กระถางเพิ่มได้

การออกแบบมีความเป็น Flexible Layouts คือเราสามารถปรับฟังก์ชันภายในได้ด้วยตัวเองให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ หรือหากต้องการความเป็นส่วนตัวของเจ้าบ้าน สามารถออกแบบให้เป็นพื้นที่ชั้นปิดเพื่อให้เป็นลักษณะของ Penthouse ได้เลยครับ ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดของชั้น 3 ได้อย่างเป็นส่วนตัว 
ขณะที่บ้านตัวอย่างออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น สามารถจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด นั่งอ่านนิตยสารที่เปิดค้างเอาไว้หรือฟังเพลงเบาๆ ให้สบายใจในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากๆ ได้เลยครับ 
ด้านในเป็น Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่มาก สถาปนิกออกแบบให้ห้องนอนหลักเป็นมากกว่าห้องนอนทั่วไป จะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง เมื่อเดินเข้าประตูไปจะไม่สามารถมองเห็นพื้นที่พักผ่อนได้ในทันที เตียงนอนถูกจัดเหลื่อมไว้บริเวณประตูทางเข้าโดยหลบเข้าไปด้านในเล็กน้อย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยครับเพราะมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบเลย 
หัวเตียงตกแต่งด้วยไม้ในสไตล์ที่มีกลิ่นอายโมเดิร์นวินเทจด้วยการเลือกใช้ดีไซน์ของเตียง โต๊ะหัวเตียง โคมไฟและการจับคู่สีและวัสดุที่ทำออกมาได้น่าสนใจ ห่้องนอนมีระยะห่างมากพอที่จะติดตั้งทีวีจอใหญ่บริเวณปลายเตียง สามารถติดตั้ง Cabinet สำหรับวางทีวีขนาดใหญ่ สำหรับนั่งดูได้จากปลายเตียง แต่ถ้าจะแนะนำให้แขวนทีวีติดผนังจะดูเรียบกว่าช่วยให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น ให้เรานอนชมซีรีย์เรื่องโปรดจาก Netflix บนเตียงเลยได้สบายๆ เลยครับ รอบห้องเปิดช่องแสงขนาดใหญ่ด้วยผนังกระจกแบบเข้ามุมทำให้ห้องนอนดูกว้างและโปร่งโล่ง อยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ปลายตียงอีกด้านออกแบบให้เป็นมุมโต๊ะทำงาน มีเก้าอี้สำหรับนั่งเซ็นต์เอกสาร ตอบอีเมลล์ เอาไว้เคลียร์งานเล็กๆ น้อยๆ ช่วงก่อนนอนหรือตื่นตอนเช้าได้ 
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวติดตั้งตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ขนานไปกับผนัง สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้เยอะมาก แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่งซึ่งสะดวกสำหรับการใช้งานของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง 
คั่นกลางด้วยห้องน้ำที่ติดตั้งอ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกส่วนของ Shower ส่วนเปียกแห้งและมีอ่างอาบน้ำในตัว ซึ่งข้อดีก็คือเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วสามารถแต่งตัวจบในโซนได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก 
#สรุป noble TERRA พระราม 9-เอกมัย เหมาะสำหรับใครที่มองหาบ้านเดี่ยว 3 ชั้น มีงานดีไซน์ที่สวยเป็นเอกลักษณ์ ท่ามกลางโลเคชั่นของพระราม 9 ถือเป็นที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางได้ง่ายและสะดวก เพราะต้องบอกเลยว่านับวันเราจะหาโครงการบ้านทำเลใจกลางเมืองที่เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันได้ยากเต็มที

โครงการนี้กานต์ว่าสามารถตอบโจทย์สำหรับ Urbanista มากๆ เลยครับ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 02-251-9955 หรือ Line @noblerarity
คลิก https://lin.ee/rLxCiZR 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน