Narinsiri – Krungthep Kreetha

“𝐓𝐡𝐞 𝐠𝐫𝐞𝐚𝐭𝐞𝐬𝐭 𝐥𝐞𝐠𝐚𝐜𝐲 𝐰𝐞 𝐜𝐚𝐧 𝐥𝐞𝐚𝐯𝐞 𝐨𝐮𝐫 𝐜𝐡𝐢𝐥𝐝𝐫𝐞𝐧 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐦𝐚𝐭𝐞𝐫𝐢𝐚𝐥 𝐰𝐞𝐚𝐥𝐭𝐡, 𝐛𝐮𝐭 𝐚 𝐰𝐞𝐚𝐥𝐭𝐡 𝐨𝐟 𝐬𝐡𝐚𝐫𝐞𝐝 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭𝐬 𝐚𝐧𝐝 𝐩𝐞𝐚𝐜𝐞𝐟𝐮𝐥 𝐦𝐞𝐦𝐨𝐫𝐢𝐞𝐬.”

.

คำพูดของ Jim Rohn ผุดขึ้นมาในความคิด ขณะที่เห็นภาพคุณพ่อกำลังเล่นฟุตบอลกับลูกชายในสวนกว้างของ “ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา” Private Luxury Residence จากแสนสิริที่ให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของการพักอาศัย” ไปพร้อมกับ “ลักซ์ชัวรี”

.

เราเคยคิดว่าคำว่า “บ้านลักซ์ชัวรี” หมายถึงขนาดของบ้านที่ใหญ่โตเท่านั้น แต่ที่นี่ทำให้ต้องคิดใหม่ ความลักซ์ชัวรีของณริณสิริไม่ได้อยู่ที่ราคาหรือคุณภาพการก่อสร้างแต่เพียงอย่างเดียว ทว่า เหนือสิ่งอื่นใดต้องเพิ่มเรื่อง “การให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต” เข้าไปด้วย

.

เพียงเลี้ยวรถเข้ามาจากถนนกรุงเทพกรีฑา แล้วขับตรงเข้าไป ความวุ่นวายของเมืองก็เหมือนหายไปเป็นปลิดทิ้ง แทนที่ด้วยแมกไม้เขียวขจีที่โอบล้อมไปทั่วทั้งโครงการ

.

นั่นคือความประทับใจแรกที่ได้เห็น เนื่องจากบ้านที่นี่สร้างบนขนาดที่ดินใหญ่ที่สุดในโครงการอย่างพิถีพิถัน ออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้ชีวิตของทุกคนในทุกครอบครัว สามารถใช้งานได้จริง มีทั้งสนามเด็กเล่น ลานกิจกรรม สระว่ายน้ำ และพื้นที่พักผ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่ ผลงานกับดีไซน์แบบ Georgian Revival ที่สะท้อนรสนิยมอันเหนือระดับของผู้อยู่อาศัย ในบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและเงียบสงบ เหมาะแก่การใช้ชีวิตที่สงบและสง่างาม

.

ณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา จึงเป็น Private Luxury 2 ชั้น ในสไตล์ Gergian Revival ที่ออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของครอบครัวได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ตั้งแต่การได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณค่า ไปจนถึงการได้เตรียมความสุขและความทรงจำดี ๆ ให้กับคนที่คุณรักในทุกช่วงเวลา

.

สำหรับลูกชาย บ้านหลังนี้คือพื้นที่ที่เพิ่มความสนุกและจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าที่กว้างขวาง หรือพื้นที่ที่สร้างกิจกรรมที่น่าจดจำ สำหรับเด็ก ๆ ส่วนตัวบ้านก็ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตีโจทย์สไตล์ Georgian Revival ได้อย่างอิ่มฟู มีชานหน้าบ้านสร้างมิติ มีเสารับก่อนพบกับประตู Timber Door และเพิ่มความโอ่โถง ด้วยโถงบ้านขนาดใหญ่กลางบ้าน บริหารการจัดวางฟังก์ชันที่เน้นการใช้งานจริง Living Area เชื่อมต่อกับสวนขนาดบ้านกลางธรรมชาติ ทำให้เหมือนอยู่ต่างประเทศที่เงียบสงบ และอยู่ไม่ไกลจากแหล่งความสะดวกทุกอย่าง

.

อีกทั้ง ทำเลกรุงเทพกรีฑา ก็ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้ดีเยี่ยม เข้าออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ และ รามคำแหง 68 อยู่กลางสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้ง Brighton College Bangkok และ Wellington International School ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Community Mall และเหล่าโรงพยาบาลชั้นนำ อีกทั้งยังใกล้ทางด่วนศรีรัช ทำให้กรุงเทพกรีฑาเป็นทำเลที่ดีที่สุด และด้วยรากฐานของโครงการที่ออกแบบใหญ่ ช่วยสร้างความสมบูรณ์แบบให้การใช้ชีวิต

.

Narinsiri Krungthep Kreetha

900 M to Brighton College

Starts 45 – 100 MB*

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ https://siri.ly/e2o6JCC

หรือโทร 1685

#NarinsiriKrungthepKreetha#KrungthepKreetha

#Sansiri#YouAreMadeForLife

“Grandeur Garden Serenity” เป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของหลายคนในยุคนี้ที่มองหาความสุขในทันทีที่ใช้ชีวิต เราสามารถสัมผัสพลังนั้นได้ตั้งแต่โครงการณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา
แบบบ้านดีไซน์ใหม่ในแบบสไตล์ Georgian Revival นำเสนอความสง่างามเหนือกาลเวลา ที่มาพร้อมการออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่กับการใช้งานภายในบ้านและไลฟ์สไตล์ได้อย่างสมดุลกับแต่ละวันตามความต้องการอย่างมีคุณภาพ
ณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 22 ไร่ ไพรเวทสุดๆ ด้วยการสร้างบ้านเพียง 36 ยูนิต มาพร้อมกับขนาดที่ดินใหญ่ให้ความรู้สึกโปร่ง ผ่อนคลาย เติมเต็มสมาธิแรงบันดาลใจ ซึ่งเราจะได้พบบรรยากาศแบบนี้ในทุกวันที่นี่
Vincent van Gogh ศิลปินชื่อดังของโลกเคยบอกว่า
“In the nature, there is no color that is not beautiful”
ในธรรมชาติไม่มีสีใดที่ไม่งดงาม

ณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา จึงเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ Georgian Revival ได้รับแรงบันดาลใจจากยุคที่รุ่งเรืองที่สุด เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ประณีตจนกลมกลืนกับธรรมชาติ พร้อมทั้งผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์ที่ดีที่เหมาะสมกับความต้องการในปัจจุบัน
ด้วยความที่แสนสิริมีแนวคิด Green Living Designed Home ทำให้บ้านทุกหลังจึงมาพร้อมพลังงานสะอาด ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งนวัตกรรมที่ทำให้บ้านเย็น แผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือเครื่อง EV Charger ที่ถูกติดตั้งในบ้านทุกหลังหรือแม้แต่ส่วนกลางของโครงการที่ใช้ไฟจาก Solar Cell เป็นหลัก เสาไฟฟ้าถูกนำลงดินทั้งโครงการไม่มีรอยบนผิวถนนเพื่อคงทัศนียภาพการอยู่อาศัย ทุกอย่างผ่านกระบวนการคิดมาอย่างละเอียดและใส่ใจ
ณรินสิริ กรุงเทพกรีฑา ตั้งอยู่บนทำเลทองย่านศรีนครินทร์-ร่มเกล้า หรือที่เราเรียกว่ากรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนออกต่างจังหวัดไปทางมอเตอร์เวย์ก็ได้ หรือจะเข้าฝั่งพระราม 9 เอกมัย ทองหล่อ สุขุมวิท โดยใช้ทางด่วนพระราม 9-ศรีนครินทร์ก็สะดวกมาก

ย่านนี้ถือว่าสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสถานศึกษาชั้นนำตั้งแต่ Brighton College Bangkok ไปจนถึงโรงเรียนชั้นนำ Wellington International School และ Mandarin International School สำหรับครอบครัวที่มองหาทางเลือกที่สะดวกมากในการตอบโจทย์ความต้องการในทุกวัย

ทั้งยังรายล้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหาร Community Mall อย่าง Market Place และ The Park Avenue ฯลฯ ขับรถออกไปอีกนิดจะเจอโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และโรงพยาบาลกรุงเทพ ทั้งหมดนี้ ที่ช่วยสร้างความอุ่นใจและความสะดวกสบาย หรือหากใครที่มองหาที่อยู่ใกล้สนามกอล์ฟ ก็ถือว่าตอบโจทย์ทุกมิติ ทำเลที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยจริง ๆ
โครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา อยู่ถัดจากถนนหลักเข้ามาด้านในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวสูงสุด เป็น Private Community ที่จำกัดเพียง 36 ยูนิตเท่านั้น การรักษาความปลอดภัยจะเน้นความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยสูงที่เรียกว่า LIV-24 ซึ่งเป็นมาตรฐานของแสนสิริ
ประตูรั้วโครงการแบบ Double Gate ใช้ระบบ LPR (License Plate Recognition) ส่วนการเข้า-ออกของผู้มาติดต่อเป็นระบบ VMS System บันทึกภาพผู้มาติดต่อ รวดเร็ว และแม่นยำเพื่อสร้างความอุ่นใจ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง มีระบบกล้อง CCTV โดยรอบ 32 จุด รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรเสริมด้วยระแนงที่สูงไปอีกเท่าตัว
บรรยากาศของโครงการเน้นเรื่องพื้นที่สีเขียว ด้วยวงเวียนต้นไม้บริเวณด้านหน้าทางเข้า ติดกันด้านในมี Main Park ขนาดใหญ่ มาพร้อมกับ Clubhouse สระว่ายน้ำ มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับนั่งพักผ่อน พื้นที่นั่งใต้ต้นไม้และสนามเด็กเล่น ด้านใน Clubhouse มีฟิตเนสและ Lobby Lounge เพื่อให้เราได้นั่งพักผ่อนในพื้นที่ส่วนตัว ใครที่มีแขกมาแต่ว่าไม่สะดวกเชิญเข้าบ้าน หรือต้องการความเป็นส่วนตัว ก็สามารถให้มาพบปะกันที่ Clubhouse แทนได้
ด้านหน้าโครงการมีระยะ Set-Back จากถนนหลักเข้ามาพอประมาณ ทำให้เปิดพื้นที่สีเขียวด้านหน้าได้อย่างโดดเด่น
ทันทีที่เข้าไปภายในโครงการ เราจะได้สัมผัสถึงความเงียบสงบ ด้วยการออกแบบให้มีแนวต้นไม้น้อยใหญ่คอยทำหน้าที่เป็นบัฟเฟอร์กั้นเสียงรบกวนจากภายนอก ราวกับได้พักผ่อนอย่างเงียบสงบอยู่ในรีสอร์ตหรูท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติ ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ สร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ร่มรื่นมาก
จาก Main Gate มายัง Clubhouse ด้านหน้า ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ข้อดีก็คือเราสามารถนัดหมายแขกเพื่อพบปะพูดคุยธุระได้ที่นี่โดยไม่จำเป็นต้องเชิญเข้าไปในบ้าน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก
Clubhouse ของโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา ดีไซน์สวยมาก ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สะท้อนถึงความพิถีพิถันในการออกแบบและความใส่ใจในรายละเอียดของโครงการนี้ ด้วยแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมสไตล์ Georgian Revival

Clubhouse จึงไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่ส่วนกลางเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนประตูสู่โลกแห่งความหรูหราและความคลาสสิกที่ยังคงร่วมสมัยเติมเต็มคุณภาพชีวิตให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ภาพรวมของ Clubhouse เป็นงานออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เน้นความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ทำให้ได้ฟีลลิ่งของ Organic Architecture มากขึ้น ด้านหน้า Clubhouse จะเป็นสวนขนาดใหญ่ ปลูกต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้โปร่ง ต้นสน พุ่มไม้ ไม้ดอก ไม้ยืนต้นฟอร์มเด่นสลับกันไปเพื่อให้เกิดร่มเงาและร่มรื่น ปลูกเอาไว้จนเต็มพื้นที่ดูแล้วได้ฟีลเหมือนอยู่เมืองนอก เป็นการนำเอาศิลปะจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรม ยิ่งช่วงนี้หน้าหนาวจะมีลมเย็นพัดมาสัมผัสเบาๆ ทำให้เรารู้สึกเย็นกายสบายใจ เป็นฟีลลิ่งดีๆ ที่ได้ใช้ชีวิตใจกลางกรุงท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวของต้นไม้ สีฟ้าจากสายน้ำและสีสันของธรรมชาตินานา

ทัศนียภาพรอบโครงการมีความสวยงามเพราะดำเนินการเอาสายไฟฟ้าในโครงการลงใต้ดินทั้งหมด จากภาพมุมสูงจะเห็นว่า พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดใหญ่กว่า 2 ไร่ ให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียวมีสนามหญ้าที่กว้าง ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นทันที รองรับทุกการทำกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว เราสามารถพาน้องหมาน้องแมวมาเดินเล่นบริเวณสวนได้ หรือจะมาทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างคุณพ่อกับเด็กๆ ก็สนุกสนานดีเหมือนกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่บริเวณ Clubhouse รู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคทองของสถาปัตยกรรมอังกฤษซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมสไตล์จอร์เจียนช่วงรัชสมัยพระเจ้าจอร์จ

ทางเข้าอาคาร Clubhouse โดดเด่นด้วยเสาโรมันและซุ้มโค้งทรง Arch ที่ประดับตกแต่งอย่างวิจิตร สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ หน้าต่างกระจกใสที่ฉลุกรอบคล้ายลวดลายยอดมงกุฏ ไม่เพียงแต่เพิ่มความหรูหราสวยงามให้กับตัวอาคารแต่ยังช่วยเปิดรับแสงจากธรรมชาติได้อย่างดี ส่วนหลังคาทรงปั้นหยาที่มีหน้าต่างบานเล็กประดับอยู่ด้านบนทำให้อาคารดูมีความคลาสสิกมากยิ่งขึ้น
การออกแบบ Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ ณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์พื้นที่ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังตอบสนองรสนิยมการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว ผสมผสานความหรูหราของสถาปัตยกรรม Georgian Revival เข้ากับความสะดวกสบายของการอยู่อาศัย ส่งผลให้ Clubhouse กลายเป็นจุดศูนย์รวมของคอมมูนิตี้ของผู้คนในระดับเดียวกันที่เปี่ยมไปด้วยรสนิยมอันเลอค่า มีเสน่ห์และน่าหลงใหล เป็นการมอบประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับให้กับทุกครอบครัว
โครงการได้ออกแบบอาคารให้มีความโอ่โถง หรูหราและสง่างาม ความสมมาตรของอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ของ Georgian Revival ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน เรื่อยไปจนถึงรายละเอียดของการตกแต่งภายใน

เมื่อก้าวเข้าสู่ภายใน Clubhouse เราได้พบกับพื้นที่โถง Living แบบ Double Volume สร้างความรู้สึกโอ่อ่าและหรูหรา แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมือนนั่งพักผ่อนอยู่ในบ้านของตัวเอง

เมื่อเข้ามาพักผ่อนแล้วเรารู้สึกสบายใจดีมากครับ ตอนที่แดดส่องแสงในช่วงเวลาเช้าและยามเย็นทำให้เกิดเป็นลวดลาย หรือสาดแสงเงาเข้าไปภายใน Clubhouse ทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
การตกแต่งภายในผสมผสานความคลาสสิก เรียบหรูเข้ากับความร่วมสมัย ด้วยการเลือกใช้สีโทนอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกสบายตา โถงกลางประดับโคมไฟ Chandelier ขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้า ผนังประดับด้วยคิ้วบัว ราวจับบันไดเป็นโครงสร้างเหล็ก ดูโดดเด่นและชวนให้เดินเข้าไปด้านใน เฟอร์นิเจอร์ดีไซน์ฟรีฟอร์มที่เลือกสรรมาอย่างพิถีพิถัน และให้ความเป็นส่วนตัว ท่ามกลางรายละเอียดการตกแต่งที่ประณีต คลาสสิก
นอกจากพื้นที่พักผ่อนในอาคารแล้ว Clubhouse ยังมาพร้อมกับ สระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่เป็นสระระบบเกลือที่ล้อมรอบด้วยกำแพงต้นไม้เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้ใช้งาน
สระว่ายน้ำอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ร่มรื่นและผ่อนคลาย ราวกับได้ว่ายน้ำอยู่กลางสวนสไตล์ยุโรปที่เขียวชอุ่ม ส่วนตัวเราชอบดีไซน์ของร่มมาก เคยเห็นบ่อยๆ ในโรงแรมริมทะเลแถบฝรั่งเศสตอนใต้ เป็นดีเทลที่ให้ Vibes ได้ดีมากเลย
เด็กๆ เองก็สามารถมาใช้บริการสระว่ายน้ำได้ เพราะแยกโซนสระเด็กไว้อยู่ด้านในสุด และมีจากุซชี่ให้เราแช่ตัวสบายๆ มาพร้อมกับห้องน้ำที่ออกแบบได้สวยมาก มีทั้งห้องสุขาและห้องอาบน้ำในตัว
ส่วนรอบๆ สระว่ายน้ำออกแบบพื้นที่อเนกประสงค์แบบ Semi-outdoor จัดวาง Day Bed ที่นั่งสำหรับพักผ่อนริมสระ ใครอยากจะมานอนอ่านหนังสือหรือ อาบแดด นอนฟังเสียงน้ำให้สบายใจก็ทำได้สบายเลย ส่วนคุณแม่ที่มารอลูกว่ายน้ำก็สามารถมานั่งบริเวณพื้นที่รับรองนี้ได้ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบ Open Air พร้อมชุดโซฟาที่นั่งจัดวางเอาไว้อยู่ฝั่งตรงข้าม แต่หากต้องการอยู่ในห้องปรับอากาศก็สามารถไปนั่งรอที่ Living Room ได้เช่นกัน
เราเดินขึ้นบันไดไปชมชั้นบนกันบ้าง ระหว่างทางคุณพ่อและลูกชายก็ขอเก็บภาพประทับใจกันเอาไว้ก่อน อนาคตดูท่าทางเราน่าจะมีช่างภาพมือฉมังมาประดับวงการอีกหนึ่งคนแล้วล่ะ เป็นโมเมนต์ที่น่ารักและน่าประทับใจมาก
ชั้นบนจะมีพื้นที่ให้นั่งพักผ่อน จัดวางชุดโซฟาดีไซน์ฟรีฟอร์ม เอาไว้ให้กระจายกันไปในหลายจุด สามารถชวนเพื่อนนั่งพูดคุยกันเพลินๆ ก็ได้ มีบางมุมที่ดูแล้วค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ซึ่งก็จะเหมาะสำหรับคนที่นัดหมายแขกจากภายนอกให้มาพูดคุยธุระสำคัญกันที่นี่ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปคุยกันในบ้าน ทั้งยังจัดให้มีพื้นที่จอดรถเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มาเยือน
การออกแบบชั้นบนเน้นความสูงโปร่งของภายในห้องสูงโปร่ง ประดับประดาฝ้าเพดานด้วยโคมไฟ Chandelier ที่แขวนไว้ดูโดดเด่นตั้งแต่บริเวณชั้นล่าง เมื่อเรานั่งพักผ่อนอยู่บริเวณชั้น 2 ของ Clubhouse ก็จะยังรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับพื้นที่ชั้นล่าง
ด้านในสุดออกแบบให้เป็นห้องสำหรับพักผ่อนและพบปะสังสรรค์ ภายในจัดวางชุดโซฟาที่นั่งทำจากหนังสีน้ำตาลตัดสลับกับสีครีมและสีเทาควันบุหรี่ดูเรียบเท่มาก
ภายในห้องมาพร้อมกับ Bar ซึ่งอยากบอกว่าฟีลดีมาก ออกแบบให้มีกลิ่นอายของคลับในยุโรป สำหรับนั่งดื่มเบาๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ กับคนในครอบครัว หรือจัดเลี้ยงในวันพิเศษของครอบครัวและเพื่อนสนิท
อีกฝั่งของชั้นบนยังมี Pilates Room เป็นส่วนตัวสำหรับคุณผู้หญิงที่รักในการดูแลสุขภาพของตนเอง โครงการจัดเตรียมเครื่องพิลาทิสรวมถึงเตรียม Gym Ball และ Yoga Mat เอาไว้ให้แล้วท่ามกลางวิวสวนสีเขียวขนาดใหญ่และสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นล่าง เราสามารถนัดหมายเทรนเนอร์จากภายนอกให้มาเปิดคลาสส่วนตัวได้ที่นี่ครับ
ติดกันเป็น Gym ซึ่งก็มีอุปกรณ์ออกกำลังกายจัดเตรียมไว้อย่างครบครันทั้ง Weight Training และ Cardio มีทั้ง Treadmill, Elliptical และ Spin Bike

เราชอบรายละเอียดของการจัดวางเครื่องออกกำลังกาย ให้เราได้ปั่นจักรยานหรือวิ่งบนลู่ไฟฟ้า ไปพร้อมกับการชมวิวต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ภายนอกอาคารไปด้วย ช่วยให้เราหายเหนื่อยได้ดีมากเลย 
แต่หากใครไม่อยากออกกำลังกายในฟิตเนส หรือไม่อยากให้เด็กๆ อยู่แต่ในบ้าน อยากให้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ก็สามารถมาใช้พื้นที่สวนโดยรอบได้ เพราะออกแบบให้มีสนามเด็กเล่น Educational Playground ที่ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการเด็ก หากบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็อยากให้ชวนกันมาเดินแกว่งแขวนเบาๆ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพยามเช้า หรือวิ่งจ๊อกกิ้งหลังเลิกงานตอนเย็นก็ได้เช่นกัน 
“People usually are the happiest at home.” ~ William Shakespeare

วิลเลี่ยม เชคสเปียร์เคยบอกว่า “คนมักจะมีความสุขที่สุดเมื่ออยู่บ้าน” เราเองก็คิดเช่นนั้น

เชื่อมั่นเหลือเกินว่า หากใครได้พักอาศัยในบ้านที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ โอบกอดเราด้วยท้องฟ้า ให้ธรรมชาติสีเขียวเยียวยาจิตใจ ฟังเสียงน้ำไหลเป็นเครื่องดนตรีคอยขับกล่อม เราว่าความสุขที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ง่าย ใกล้ๆ ตัวภายในบ้านของเราเอง

ลองสำรวจจิตใจให้ดี เมื่อใจเราเป็นสุข ไม่ว่าก่อนหน้านี้เราจะเครียดมาจากเรื่องใด ทั้งการทำงาน การเรียน สภาพแวดล้อมภายนอกบ้านจะยุ่งยากเท่าไรก็ตาม แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะรู้สึกหายเหนื่อยได้ในทันที มีความสุขที่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้

เรามองว่านี่เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของแนวคิด “Grandeur Garden Serenity” ที่ทางโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา ตั้งใจให้เราได้มีความสุขทั้งกายและใจในการพักอาศัย ณ ที่แห่งนี้

เอาละ เราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างกันบ้าง 
แบบบ้านในโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑามีให้เลือก 3 แบบด้วยกัน

Bloomsbury (บลูมส์บูร์รี่) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 85.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 330 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 1 ห้องอเนกประสงค์ / 3 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน

Berkshire (เบิร์กไชร์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 104 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 430 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน

Bexley (เบกซ์เลย์) บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 136 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 530 ตร.ม. – ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 1 Family Area / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน 
ในพาร์ทนี้เราจะพามาชมแบบบ้านขนาดใหญ่สุดคือ Bexley ที่โดดเด่นด้วยประตูสี Mid Royal Blue และ Forest Green Glamour หน้าประตูประดับด้วยโคมไฟ ให้ความรู้สึกเรียบหรู เราสามารถติดตั้งน้ำพุบริเวณทางเข้าหน้าบ้านทำให้ได้บรรยากาศของบ้านสไตล์ยุโรปมายิ่งขึ้น

ลานจอดรถด้านหน้าบ้านสามารถจอดได้ 4 คัน โครงการได้ติดตั้ง EV Charger ไว้สำหรับการใช้งานรถไฟฟ้าของลูกบ้าน พร้อมกับมีประตูเชื่อมต่อกับครัวด้านในเพื่อให้สะดวกในการขนของเข้าบ้าน โดยไม่ต้องผ่าน Living Area ออกแบบให้มีตู้บานปิดสำหรับเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่ไม่จำเป็นต้องเอาไปไว้ในบ้าน เช่น ถุงกอล์ฟ จักรยาน เป็นบ้านที่เรามองว่าเหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่ที่อยู่กัน 3 Generations หรืออาจจะปรับเปลี่ยนฟังก์ชันภายในให้เหมาะสมกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกภายในบ้านก็ได้เช่นกัน 
เมื่อเปิดประตูเดินเข้ามาด้านใน เราจะสัมผัสได้ทันทีถึงความโปร่งสบายจากโถงทางเข้ายกสูงแบบ Double Volume ซึ่งจะรับกับพื้นที่ด้านในบริเวณ Living Area ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งในสไตล์ Chinoseries Classic ที่เน้นความหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางของการอยู่อาศัย แต่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ 
ด้านหน้าเป็น Arrival Hall ที่ประดับประดาฝ้าเพดานด้วยโคมไฟ Chandelier บรรยากาศภายในบ้านตัวอย่างจึงเป็นโทนขาว เบจและเขียวพาสเทลดูสะอาดตา มีความอบอุ่น ล้วนเป็นการเลือกสรรสีจากธรรมชาติเข้ามาช่วยขับเน้นความสง่างามและมีรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ด้วยการดึงงานออกแบบ สี และ สไตล์จากยุคพระเจ้าจอร์จที่ 4 ที่มีวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกรับกันได้อย่าง งดงามไร้กาลเวลา 
ตามฟังก์ชันจะมีห้องนอนชั้นล่าง ซึ่งบ้านตัวอย่างออกแบบไว้ดีมากเหมาะที่จะเป็นไอเดียคือทำเป็นประตูที่เชื่อมต่อกับผนังกระจกเงา ทำให้เราแทบจะมองไม่ออกว่ามีห้องนี้ซ่อนตัวอยู่ สามารถปรับเป็นห้องทำงานหรือ Entertainment Room ได้ 
ภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง สามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้สบายและยังมีพื้นที่เดินได้รอบเตียง ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุเนื่องจากออกแบบมารองรับการใช้งานอย่างครบถ้วน บรรยากาศโดยรวมดีมากเนื่องจากมีหน้าต่างกระจกใสที่เชื่อมต่อกับวิวสวนรอบบ้านทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้ผู้สูงอายุสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้าได้ 
Common Area ซึ่งเป็นหัวใจหลักของบ้าน ออกแบบให้มีขนาดใหญ่เชื่อมต่อการใช้งานบริเวณชั้นล่างเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นมุมรับแขก นั่งเล่นพักผ่อน จัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่หลายที่นั่ง 
เราค่อนข้างชอบการตกแต่งมุมนี้เป็นพิเศษ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์ม ดูสบายตา เลือกสีโทนสดใสเข้ามาแซมเพื่อเพิ่มสีสันให้บ้านที่เป็นโทนขาว-ดำ เขียว น้ำเงินเสียส่วนใหญ่ ทำให้มุมนี้ของบ้านดู Cozy มากขึ้น เป็นมุมนั่งเล่นที่มีพื้นที่ใหญ่มาก รองรับสมาชิกทุกคนภายในบ้านที่มีด้วยกันหลายเจนเนอเรชั่น จึงเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว 
Living Area โดดเด่นด้วยผนังกระจกใสบานใหญ่ สามารถเปิดประตูออกไปเดินเล่นที่สวนด้านนอกได้หรือจะนั่งชมวิวสบายๆ อยู่ภายในบ้านก็ได้เช่นกัน 
ด้วยความที่แปลงท่ี่ดินผืนใหญ่ บ้านตัวอย่างจึงออกแบบให้ด้านนอกมี Pavillion พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวกลางสวนภายในบ้าน จัดวางชุดโซฟาเอาไว้นั่งสังสรรค์กันในครอบครัว เหมาะสำหรับวันพักผ่อนสบายๆ หากไม่ได้ว่ายน้ำก็สามารถมานั่งจิบกาแฟยามเช้า รับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ เด็กๆ สามารถวิ่งเล่นท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียวภายในบ้านได้อย่างสบายใจ หรือชวนเพื่อนมานั่งจิบน้ำชายามบ่ายในบรรยากาศสบายๆ มีแสงแดดสาดส่องลอดใบไม้เกิดเป็นเงา เพื่อไม่ให้เรารู้สึกว่ามันร้อนจนเกินไป ได้ลมเย็นๆ และความสดชื่นของน้ำและฟ้า 
Living Area ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองแขก สำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เป็นพรีดินเนอร์ก่อนเริ่มมื้ออาหารจริงเนื่องจากอยู่ติดกับ Dining Area ซึ่งที่บ้านตัวอย่างจะเป็นโถงยาวขนานไปกับความกว้างของตัวบ้าน เชื่อมต่อกับ Island ของครัวยุโรป เราสามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 10 ที่นั่ง แต่เรามองว่ามีขนาดพื้นที่มากเพียงพอที่จะติดตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ได้ถึง 12-14 ที่นั่งกันเลยทีเดียว เนื่องจากมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง 
ทางโครงการยังได้ Built-in เคาน์เตอร์ครัว Pantry และ Island มาให้แล้ว ท๊อปของของเคาน์เตอร์ก็เลือกใช้หินอ่อนเพื่อเพิ่มความหรูหรา เป็นมุมสำหรับจัดเตรียมอาหารสไตล์ครัวยุโรป ส่วนครัวไทยและห้องนอนแม่บ้านจะอยู่ด้านใน 
มุมนี้เราสามารถเชิญ Celebrity Chef มาเปิด Chef Table ทำอาหารให้รับประทานกันแบบส่วนตัวได้ในบรรยากาศสบายๆ ของเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว ทั้งยังใช้เป็นพื้นที่ทานของว่างยามบ่าย หรือนั่งทานอาหารเช้า สำหรับเด็กๆ ก่อนไปโรงเรียนได้ 
มุมนี้ดูสวยงามคลาสสิค ได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศที่โปร่ง โล่ง มีแสงแดดอ่อนๆ ลอดเข้ามา มองออกไปเห็นวิวสวนต้นไม้สีเขียวด้านนอก เพราะถ้าใครสังเกตให้ดีโครงการนี้เน้นผนังกระจกใสเยอะมาก ดูแตกต่างจากโครงการทั่วไป ทำให้เราได้สัมผัสกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของบ้าน เนื่องจากออกแบบให้มีระยะถอยร่นเพื่อเปิดพื้นที่สวนสีเขียวรอบบ้าน ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นสบายตา สบายใจ ช่วยเติมอรรถรสให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี 
เมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นบน เรารู้สึกได้ทันทีถึงความโปร่งสบายด้วยโถงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ชั้นล่าง โดดเด่นด้วย Chandelier ที่ส่องแสงให้บ้านดูสว่างไสวและหรูหรา พื้นปูด้วย Engineering Floor ทำจากไม้แท้ดูเข้ากับบ้าน ทำให้ดูอบอุ่นสบายตา 
ติดกับโถงบันไดเป็น Family Area ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการปรับใช้งานมุมนี้ให้ได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของสมาชิกในครอบครัว จัดวางชุดโซฟาเอาไว้สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีก็ได้ แนะนำให้เลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลย นับเป็นบ้านที่ออกแบบมาให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก 
ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านมีความสวยดูดี ดูหรูหรา สมฐานะ โดยต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่เติมเต็มสุนทรียะในการพักผ่อนเข้ามาประกอบราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ตหรู ดังนั้น สถาปนิกจึงออกแบบให้มีระเบียงด้านนอก สามารถเปิดประตูออกไปเพื่อการพักผ่อนรับลมชมสวนสีเขียวฝั่งด้านหน้าบ้าน มองออกไปเห็น Clubhouse ส่วนกลาง ทั้งยังช่วยในการเปิดรับแสงจากภายนอกทำให้บ้านดูสว่าง ไม่ต้องเปิดไฟ สามารถประหยัดพลังงานในช่วงเวลากลางวันได้ อีกทั้งยังทำให้สมาชิกในครอบครัวมีความเป็นส่วนตัว สามารถแยกฟังก์ชันการใช้งานจริง ในกรณีที่มีแขกคนสำคัญมาเยี่ยมบ้าน ก็สามารถนั่งพักผ่อนอยู่ที่ชั้นบนแทนได้ 
Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก แบ่งฟังก์ชันการใช้สอยภายในห้องได้หลากหลายและลงตัวดี โครงการให้ความสำคัญกับทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างโปร่ง ด้วยช่องแสงขนาดใหญ่รายรอบห้อง การใช้โทนสีอ่อน เช่น สีครีมและสีเบจที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในห้องนอนใหญ่เน้นไปที่ความสะดวกสบายและความเรียบง่าย เตียงขนาดใหญ่ถูกจัดวางอย่างโดดเด่น โดยมีเก้าอี้พักผ่อนและโต๊ะกลางที่สามารถใช้เป็นพื้นที่ทำงานหรือนั่งอ่านหนังสือได้ 
ห้องนอนหลักออกแบบให้มี Living Area ภายใน จัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่และเก้าอี้เอาไว้ ด้วยความที่งานตกแต่งในโทนสีเบจและน้ำตาลทอง ทำให้ดูเรียบหรูและมีเสน่ห์โดดเด่นมากเมื่อต้องแสงไฟ Warm Light หรือแม้กระทั่งกระทบกับแสงแดดยามสาย ต้องยอมรับว่า ดีไซน์เนอร์ได้ตกแต่งภายในให้มีความโดดเด่นเน้นการสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและอบอุ่น และเน้นไปที่การสร้าง flow ของพื้นที่ที่ต่อเนื่อง 
ห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ได้รับออกแบบที่ผสมผสานระหว่างความหรูหราและฟังก์ชันการใช้งานที่ลงตัว โดยมีการเน้นให้พื้นที่นี้เป็นมากกว่าห้องแต่งตัวธรรมดา แต่เป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงรสนิยม ความหรูหราและให้ความเป็นส่วนตัว ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูงและมีความละเอียดอ่อนในการออกแบบ มีชั้นวางแบบเปิดทำให้การจัดวางเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวดูมีระเบียบและเรียบหรู การติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่ยังช่วยให้พื้นที่ดูโปร่งและกว้างขึ้นโดยไม่ต้องใช้พื้นที่เพิ่ม ตู้เสื้อผ้าแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคั่นกลางด้วยโต๊ะเครื่องแป้งที่ทำจากหินอ่อน ตรงกลางมีสตูลทรงเตี้ยสำหรับนั่งสวมรองเท้าหรือแต่งตัว เป็นจุดเด่นที่เสริมความหรูหราและสะท้อนภาพของคนที่มีรสนิยมสูง ทำให้สามารถแบ่งพื้นที่การใช้งานระหว่างคุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่วน Master Bathroom จะอยู่ถัดเข้าไปด้านในสุด แยกออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน มาพร้อมอ่างอาบน้ำส่วนตัว 
มาดูห้องนอนอื่นๆ กันบ้าง ทุกห้องนอนภายในบ้านจะเรียกว่า En Suite คือเป็นห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว อย่างเช่นห้องนี้เมื่อเราเดินเข้าไปด้านในจะเป็นโซนพักผ่อน ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันไว้ลงตัว โดยมีเตียงนอนขนาดใหญ่จัดวางเอาไว้ด้านในสุด หัวเตียงสีชมพูพาสเทลและผ้าคาดเตียงสีเขียวอ่อนๆ ช่วยทำให้ห้องนี้ดูสดใสขึ้น
รายละเอียดของการออกแบบที่น่าสนใจคือการจัดวางตำแหน่งเตียงจะไม่ตรงกับตำแหน่งประตู ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังเปิดรับช่องแสงจากผนังกระจกด้านข้างแบบเข้ามุม ส่วนปลายเตียงจัดวางเป็นตู้คาบิเนทสำหรับติดตั้งทีวีได้ ส่วนมุมแต่งตัว โต๊ะเครื่องแป้งและห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด
ห้องนอนอีกห้องหนึ่งซึ่งบรรยากาศดีมาก เนื่องจากได้เทควิวสวนและ Clubhouse ภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยช่องแสงรายล้อมผ่านกระจกใสทั้ง 2 ด้าน ทำให้ได้รับคุณภาพการพักผ่อนที่ดี อบอุ่นอยู่สบาย ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนไว้ด้านในริมหน้าต่าง ทำให้ได้รับความเป็นส่วนตัวและสามารถชมวิวสวยๆ ได้ตั้งแต่ตอนตื่นนอน มีพื้นที่รอบเตียงกว้างขวางเดินได้สบายเลย
ส่วนปลายเตียงจัดวางโต๊ะแบบลอยตัวเอาไว้สำหรับนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ หรือใครอยากทำเป็นพื้นที่สำหรับติดตั้งทีวีก็ได้เช่นกัน ด้านข้างบริเวณประตูทางเข้าเป็นพื้นที่สำหรับแต่งตัวด้วยตู้เสื้อผ้าสูงจากพื้นจรดเพดาน ด้านในเป็นห้องน้ำในตัว
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจของโครงการ คือการนำเสนอไอเดียในการปรับฟังก์ชันของห้องต่างๆ ภายบ้านของโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา จริงๆ แล้วหากบ้านไหนสมาชิกในครอบครัวไม่ได้เยอะมาก เราอยากแนะนำให้จัดการแบ่งเป็นห้องอเนกประสงค์แบบบ้านตัวอย่าง เช่นห้องนี้ที่ปรับฟังก์ชันจากห้องนอนออกมาทำเป็นห้องทำงานและ Entertainment Room สำหรับนั่งดูหนังฟังเพลง กินดื่มสังสรรค์กันเบาๆ ในบรรยากาศสบายๆ ส่วนตัว มาพร้อมกับห้องน้ำในตัวเนื่องจากบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องนอน
อย่างที่บอกไปว่า ทุกห้องล้วนเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถออกแบบได้ตามใจ ซึ่งโดยหลักของการออกแบบที่เราเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้คือ Open Plan การออกแบบจึงเปิดให้มีความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่และตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยในบ้านนั่นเอง
#โดยสรุป ทั้ง 36 ยูนิตในโครงการณริณสิริ กรุงเทพกรีฑา เราเรียกว่าเป็นการส่งต่อมรดกอันทรงคุณค่าและคุณภาพของการอยู่อาศัยไปจากรุ่นสู่รุ่น เพราะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ยกระดับมาตรฐานการพัฒนาโครงการ ให้เต็มไปด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยมและการใส่ใจลงในรายละเอียด
โครงการได้แรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมยุค Georgian Revival พร้อมรายละเอียดการออกแบบสะท้อนรสนิยมและความหลงใหล ที่จะเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยของเราได้ในทุกมิติ เราจึงได้เห็นงานดีไซน์ที่หรูหราทว่าเรียบง่ายของบ้านที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ ธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายมาเป็น “Grandeur Garden Serenity” บ้านที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับสมาชิกในทุกเจนเนอเรชั่น ด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวและ Clubhouse ส่วนกลางได้อย่างลงตัว ให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้เวลาร่วมกัน เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความหรูหราใหม่ที่งดงามไร้กาลเวลา ก่อให้เกิด Perceived Value หรือคุณค่าความเป็นเจ้าของให้กับลูกบ้านแสนสิริอย่างที่จริง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้าชมโครงการได้ที่ https://siri.ly/e2o6JCC
หรือโทร 1685 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน