Life Rama4 – Asoke

Frank Lloyd Wright สถาปนิกบรมครูชาวอเมริกัน เคยพูดถึงหลักในการออกแบบของเขาซึ่งจะเป็นตัวกำหนดชีวิตที่สวยงามว่ามีอยู่ 4 องค์ประกอบ นั่นคือ

การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ (Connection to Nature) ความเรียบง่าย( Simplicity) ความสมบูรณ์ของวัสดุ (Integrity in Materials) และการสร้างพื้นที่เปิดโล่ง (Open Space)

หากใครกำลังมองหากที่อยู่อาศัยที่พร้อมด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ กานต์อยากแนะนำให้รู้จักกับ โครงการ Life พระราม 4-อโศก พื้นที่ซึ่งเติมเต็มความฝัน ตอบรับทุกจินตนาการ เพื่อเป็นทางเดินไปสู้่ความสำเร็จ เพราะที่นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างชีวิตที่เราฝันถึง ทั้งทำเลที่สะดวก พื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์ และมอบคุณภาพชีวิตที่เหนือกว่า

กานต์ขอเล่าใน 4 มุมมองหลังจากได้เข้าไปเยี่ยมชมโครงการมา ดังนี้ครับ

1. Life พระราม 4-อโศก นำเสนอความสมบูรณ์แบบของการอยู่อาศัยในทำเลที่พร้อม ทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตควบคู่กันไป ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง นำเราไปสู่คุณภาพชีวิตที่สมดุล ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การพักผ่อนหรือความบันเทิง เอาจริงๆ นะ ที่นี่มีให้ทุกอย่างที่ต้องการในการใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพเลยครับ

2. โครงการนี้ไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยแต่กำลังสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ครบทั้ง 4 คอนเซปต์คือ Work-Play-Chill-Peace ทำให้ Life พระราม 4-อโศก เป็นมากกว่าบ้าน เพราะจะเป็นชุมชนที่จะเติมเต็มทุกมิติของชีวิตเรา ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องการความรวดเร็ว สะดวกสบาย สายกรีนชอบให้มีพื้นที่สีเขียวเยอะๆ คนที่รักสุขภาพใส่ใจการออกกำลังกาย หรือคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี ไอเดียสร้างสรรค์ก็ล้วนตอบโจทย์ทั้งสิ้น

3. จุดเด่นที่เป็นไฮไลท์คือเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้เยอะมาก ทั้งพื้นที่นั่งเล่นส่วนที่เป็นอินดอร์และกลางแจ้งกระจายกันไปในบริเวณชั้น 1 รวมไปถึง Sky Facilities ต่อเนื่องกันไป 4 ชั้นบนสุดของอาคาร ทำให้เราสามารถดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยาเรื่อยไปจนถึงพื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้า ส่วนอีกฝั่งเป็นวิวสวนเบญจกิติที่มีขนาดใหญ่กว่า 300 ไร่ ที่มีฉากหลังเป็นแสงไฟจากอาคาร City View ในเมืองกรุงดูศิวิไลซ์มากๆ

4. โครงการตั้งอยู่บนทำเลที่เชื่อมต่อทั้งสองเส้นทางที่สำคัญของกรุงเทพฯ (พระราม 4 เชื่อมต่ออโศก สุขุมวิท) จึงโดดเด่นเรื่องการคมนาคมที่สะดวกทุกเส้นทาง ความทันสมัย สมดุลระหว่างการใช้ชีวิตแบบคนเมืองและการพักผ่อนที่ผ่อนคลายอย่างลงตัว

เรียกได้ว่า Life พระราม 4-อโศก เป็นคอนโดมิเนียมที่คิดและจัดมาให้แล้ว เป็นไปตามคอนเซปต์ “Choose Life Choose Everything … ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก” ซึ่งต้องบอกเลยว่าเลือกไม่ถูกเลยครับเพราะ AP Thai จัดมาให้แบบแน่นๆ

ไปชมภาพถ่ายและอ่านเรื่องราวของโครงการ Life พระราม 4-อโศก ที่กานต์นำมาฝากกันต่อด้านในได้เลยครับ

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม https://apth.ly/fnny

#APThai#APcondo#APLivingseries#เริ่มชีวิตที่อยากใช้APคอนโด#LifeRama4Asoke

โครงการ Life พระราม 4–อโศก เป็นคอนโด High Rise สูง 39 ชั้น ขนาดที่ดิน 5-2-7.5 ไร่ จำนวน 1,237 ยูนิต ตั้งอยู่บนถนนพระรามที่ 4 ใกล้กับแยกพระราม 4 ที่เชื่อมต่อกับถนนสำคัญหลายสายเดินทางได้สะดวก
โครงการนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ ครบครันด้วย Facilities ที่จัดมาให้ลูกบ้านเยอะมาก ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของโครงการเลยก็ว่าได้ครับ เรียกได้ว่านำหน้าอีกหลายโครงการที่เปิดขายกันในทำเลนี้ เพราะกานต์เองก็คิดว่าไม่น่าจะมีคอนโดมิเนียมที่ไหนในย่านพระราม 4 ที่ให้ได้เยอะเท่านี้อีกแล้ว
จะว่าไปก็ตรงกับคอนเซปต์ในการออกแบบของโครงการคือ “Choose Life Choose Everything … ชีวิตที่ไม่ต้องเลือก” นะครับ เพราะได้รับการออกแบบและจัดสรรมาให้แล้วจาก AP Thai ผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมซึ่งหยิบเอา Pain Point ของลูกบ้านและลูกค้ามาพัฒนาเป็นโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องของทำเลที่สะดวกสบาย การเข้าถึงสาธารณูปโภคที่หลากหลายและครบครัน การออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง และพื้นที่สีเขียวในโครงการแน่นๆ ดีไซน์แปลนห้องพักในฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตและอยู่อาศัยได้สบายจริง
ในส่วนของทำเลต้องบอกว่ายอมใจ AP Thai ที่หาที่ดินผืนใหญ่ใจกลางเมืองมาสร้างเป็นโครงการที่พักอาศัยได้เก่งมาก เพราะโครงการ Life พระราม 4–อโศก ถือเป็นโลเคชั่นมีความอุดมสมบูรณ์สูง แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่มากมาย สามารถเชื่อมต่อไปยัง CBD ข้างเคียงต่างๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท, อโศก, เพลินจิต, สีลม, สาทร, เอกมัย, ทองหล่อ และพระราม 9 ใกล้กับทางด่วนเฉลิมมหานคร เพียง 1.6 กิโลเมตรเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระยะทางประมาณ 450 เมตรเท่านั้น ใช้เวลาเดินเท้าไม่ถึง 10 นาที เรียกได้ว่าสะดวกสบายมาก
บริเวณโดยรอบโครงการยังแวดล้อมด้วยอาคารสำนักงาน เช่น The PARQ, FYI Center, Ocean Tower, ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีสวนป่าเบญจกิติให้เราได้ไปออกกำลังกายสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าและในอนาคตยังจะแวดล้อมด้วยโครงการ Mix – Used ระดับหรูอีกมากมาย รอบโครงการมีโรงพยาบาล สถานศึกษา ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ตลาด ร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่เก๋ๆ มีให้เลือกมากมายเลยครับ อย่างเช่นฝั่งตรงข้ามเป็นตลาดสดคลองเตย ใกล้ๆ มี Big C Extra และ Tesco Lotus มีคอมมูนิตี้มอลล์ ชื่อดังอย่าง K Village, สวนเพลิน มาร์เก็ต, NiHonMaChi มีห้างสุดหรูอย่าง EM District หรือแม้แต่ One Bangkok ที่เพิ่งเปิดใหม่ก็อยู่ไม่ไกลเลยครับ

ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียงเพื่อสร้างความอุ่นใจในเรื่องการดูแลสุขภาพ อาทิ โรงพยาบาลเมดพาร์ค, โรงพยาบาลสวนเบญจกิติเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท และโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นต้น

โครงการยังแวดล้อมด้วยสถานศึกษาชั้นนำที่จะทำให้บุตรหลานของเราเดินทางไปโรงเรียนได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ได้แก่ โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์, โรงเรียนสายน้ำผึ้ง, โรงเรียนนานาชาติเวล์ส ทองหล่อ, โรงเรียนนานาชาติ ASB สุขุมวิท, โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย, โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ, มศว.ประสานมิตร เป็นต้น
โครงการ Life พระราม 4–อโศก เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางได้ครบครัน รองรับได้ทุกความต้องการและการใช้งานจริง ผสานเข้ากับบรรยากาศของพื้นที่สีเขียวและวิวที่มองเห็นได้รอบทิศแบบ 360 องศา มีให้เลือกทั้งวิวของโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มองเลยไปจนถึงฝั่งบางกระเจ้าซึ่งได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนกรุง ตลอดจนวิวของส่วนป่าเบญจกิติที่มีขนาดใหญ่ถึงกว่า 300 ไร่ มองออกไปจะเห็นต้นไม้ สนามหญ้า ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เติมเต็มความสดชื่นและมีฉากหลังเป็นอาคาร City View ที่ดูสวยงามให้ความรู้สึกถึงการพักอาศัยใจกลางเมืองที่แท้จริง
แม้โครงการจะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่แต่กลับออกแบบให้มีพื้นที่เว้นระยะเข้าไปด้านในเล็กน้อย ผังโครงการออกแบบคล้ายรูปตัวแอล (L) กลับด้าน ทำให้ตัวอาคารมีระยะถอยร่นจากถนนหลัก ข้อดีที่เราสัมผัสได้คือความเงียบสงบใจกลางกรุง เมื่ออยู่ภายในห้องหรือใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง เราแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถราวิ่งไปมา ทั้งยังมีต้นไม้น้อยใหญ่ที่ปลูกไว้ในโครงการคอยเป็นบัฟเฟอร์กันเสียงและมลพิษอื่นๆ ให้อีกด้วย ราวกับเป็นโอเอซิสใจกลางกรุง

โครงการ Life พระราม 4–อโศก จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่กานต์มองว่านี่เป็นงานสถาปัตยกรรมที่เน้นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน การใช้แสงเงา สร้างบรรยากาศที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่ส่งเสริมให้เรารู้สึกถึงความผ่อนคลายในทุกวัน
เมื่อมาถึงภายในโครงการรถยนต์ของลูกบ้านจะผ่านเข้าออกด้วยระบบระบบ KATSAN จดจำป้ายทะเบียน ที่สร้างสรรค์มาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ปลอดภัยในการอยู่อาศัยของลูกบ้านแบบครบวงจร

โดยรอบโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV บริเวณทางเข้า-ออกและภายในโครงการ พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านข้างจะมีประตูเล็กสำหรับลูกบ้านผ่านเข้า-ออกโครงการ โดยจะใช้ระบบ Face Scan เพื่อคัดกรองและตอบสนองต่อการรักษาความปลอดภัย

เมื่อเข้ามาด้านในจะเป็นบริเวณจุด Drop-Off ส่วนอาคารจอดรถจะวนออกไปทางด้านหลัง พื้นทางเข้าโครงการปูด้วยคอนกรีตแสตมป์ทำให้ภาพรวมดูสะอาดเรียบร้อยสวยงาม เติมความสดชื่นด้วยการปลูกไม้ยืนต้นเอาไว้ตลอด 2 ฝั่งตามแนวถนน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นมากครับ
โครงการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางได้หลากหลาย แต่ละจุดมีคอนเซปต์ดีไซน์ที่น่าสนใจมากๆ ครับ ซึ่งเราจะค่อยๆ พากันไปชมในแต่ละพาร์ท

เริ่มจากสวนสีเขียวด้านหน้าเรียกว่า Sylvan Park เป็นทางเดินท่ามกลางพื้นที่สีเขียวแบบเปิดโล่ง เวลาที่เหนื่อยๆ หลังเดินทางกลับมาจากข้างนอกเข้ามาแล้วจะรู้สึกทันทีถึงความสบายตาสบายใจ เป็นฟีลลิ่งของได้กลับมาอยู่ในคอนโดมิเนียมซึ่งเปรียบเสมือนเซฟโซนเป็นที่ที่เราคุ้นเคยและตกหลุมรัก
พื้นที่นี้เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ สามารถวิ่งออกกำลังกายได้ท่ามกลางบรรยากาศของต้นไม้น้อยใหญ่ กานต์ว่าเป็นไอเดียที่ดีมากเพราะเอาเข้าจริงเราก็ไม่ได้อยากจะวิ่งในฟิตเนสตลอดเวลา ลงมาด้านล่างมีทางเดินออกกำลังกาย มีสนามหญ้า มี Water Feature เพิ่มความสดชื่นสบายตา มีการดีไซน์พื้นที่นั่งเล่นเป็นรูปทรง Free Form เอาไว้ให้เราได้นั่งพักเหนื่อยกันสักหนึ่งกรุบ
ถัดเข้าไปด้านในเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพูดคุยกันกลางแจ้งในวันที่อากาศเป็นใจ มีแสงแดดอ่อนๆ ลมพัดเย็นสบาย เราชวนคนรู้ใจมานั่งจิบเครื่องดื่ม อ่านแมกกาซีนเล่มโปรด บริเวณนี้จัดแบ่งออกเป็น 4 ซุ้มเพื่อความเป็นส่วนตัว พร้อมกับจัดวางเบาะที่นั่งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
นอกจากนี้ โครงการยังจัดให้มีพื้นที่ Semi-outddor อีกด้านของอาคารซึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่นั่งสังสรรค์พูดคุยกันท่ามกลางบรรรยากาศของสวนสีเขียวแต่ยังให้ความเป็นส่วนตัว เรียกมุมนี้ว่า Whispering Lounge พื้นที่นี้เราสามารถนัดหมายแขกจากภายนอกให้มาพบปะพูดคุยกันที่บริเวณส่วนกลางแจ้งในบรรยากาศที่ผ่อนคลายเป็นกันเอง และยังมอบความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยไม่จำเป็นต้องไปพูดคุยกันบนห้องพัก
จากพื้นที่นั่งกลางแจ้งเราพาไปชมพื่้นที่พักผ่อนของส่วนกลางภายในอาคารกันบ้างครับ แบ่งออกเป็นหลายห้องกระจายกันออกไปรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ให้ลูกบ้านสามารถใช้งานพร้อมกันได้ ส่วนการเข้าออกทุกห้องของพื้นที่ส่วนกลางจะใช้ระบบ Face Scan ทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวและป้องกันการแอบอ้างสิทธิ์จากบุคคลภายนอกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งลูกบ้านจะต้องไปลงทะเบียนใบหน้าที่สำนักงานนิติบุคคลก่อนนะครับ

กานต์พามาดูพื้นที่ส่วนกลางของชั้นหนึ่ง เราเริ่มจากห้องแรกอยู่ทางด้านขวามือของทางเข้าอาคารเรียกว่า The Parlour ความตั้งใจคือออกแบบมาให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนหรือรับรองแขก มีประตูแยกสำหรับเดินออกไปยังห้องน้ำส่วนกลางได้สะดวก จัดวางชั้นโชว์ประดับสวยงามให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนอยู่ในโรงแรม
ภายในจัดแบ่งพื้นที่การใช้งานอยู่ 3 ส่วนหลักคือ โซฟายาวสีส้มวางอยู่ด้านในชิดผนัง สามารถมานั่งกันเป็นกลุ่มได้สบายๆ เลยครับ ส่วนถัดมาเป็นโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ซึ่งออกแบบได้สวยมาก Element ของโต๊ะกับโคมไฟทรงกลมสอดรับกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้องนี้ดูน่าสนใจและเหมาะแก่การใช้รับรองแขกในการพูดคุยธุระสำคัญ
ส่วนอีกจุดที่กานต์ว่าน่าสนใจไม่แพ้กันคือการออกแบบให้ที่นั่งคู่แบบ Honeymoon Seat เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว เราสามารถนั่งด้วยกันสองคน ชี้ชวนกันชมวิวสวนสีเขียวที่อยู่ด้านนอกได้ในบรรยากาศแบบส่วนตัว
ห้องต่อมาอยู่ฝั่งตรงข้ามหรือทางด้านซ้ายของ Drop-Off นั่นเองครับ ดีไซน์เป็นห้องกระจกเปิดโล่งเพื่อรับวิวพื้นที่สีเขียวภายนอกเช่นกัน การตกแต่งหรูหราไม่แพ้ The Parlour เลยครับ รองรับการใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน โครงการตั้งชื่อห้องนี้ว่า Play Fulness Bar แค่ฟังชื่อก็รู้เลยว่าเป็นห้องที่สนุกสนานกว่า เอนจอยและเป็นกันเองกว่า ก็น่าจะบ่งบอกรูปแบบการใช้งานได้นะครับ เหมาะกับการต้อนรับแขกจากภายนอกให้มาพูดคุยธุระกันที่ห้องนี้
งานดีไซน์มีความเรียบหรูราวกับอยู่ใน Lobby ของโรงแรมซึ่งจะต่างจาก The Parlour เล็กน้อยตรงที่ The Parlour จะให้ความเป็น Exexutive Lounge มากกว่าถ้าจะเทียบกันแบบนั้น ภายในของ Play Fulness Bar โดดเด่นด้วยแชนเดอเลียร์ขนาดใหญ่บริเวณตรงกลางสร้างจุดนำสายตาได้ดี มีงานดีไซน์ที่ทำให้ห้องรู้สึกเคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่งสร้างครีเอทีฟให้กับผู้พักอาศัยในการคิดงานใหม่ๆ ได้ดีมากเลยครับ
ภายในจัดวางโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ไว้ใต้แชนเดอเลียร์ที่อยู่ตรงกลางห้องดูโดดเด่นมาก เป็นมุมที่กานต์ว่าดีไซน์มาสวยและหรูหราดี Play Fulness Bar มีการแบ่งโซนนั่งเล่นกระจายตัวออกไปเป็นหลายจุด เพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่ม จะได้เกิดความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งแบบโต๊ะประชุมสำหรับใช้งานร่วมกันและสร้างมิตรภาพใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้บนโต๊ะ สามารถกาง Laptop นั่งทำงานได้แบบเก๋ๆ ไม่ต้องออกไปคาเฟ่ที่ไหน อีกทั้งโครงการได้ออกแบบให้มีปลั้กในแทบทุกจุดเลยครับเพื่อรองรับการใช้งานจริง
ถัดมาเป็นชุดโซฟาสีขาวสำหรับนั่งคุยงานเบาๆ พร้อมกับมองเห็นวิวสีเขียวของสวนด้านนอก หรือหากอยากได้ความเป็นส่วนตัวพร้อมกับวิวสวนก็สามารถเลือกนั่งเป็นที่นั่งแบบคู่สไตล์ Honeymoon Seat ก็ได้เช่นกัน เพียงแต่อาจจะไม่ได้มี Partition กั้นเอาไว้ให้แต่ก็ได้รับความเป็นส่วนตัวอยู่มากพอสมควรครับ
อีกมุมที่กานต์ชอบคือออกแบบให้มีหลุมเบาะกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ที่นั่งลักษณะเป็น Sunken Seating ซึ่งปกติเราจะเห็นอยู่เป็นที่นั่งภายนอก เอาไว้นั่งล้อมวงชิลๆ กับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัว พอยกเข้ามาไว้ด้านในก็ดูเก๋ไปอีกแบบและยังเพลินใจไปกับวิวของสวนที่เปิดกว้างผ่านกระจกใสมองเห็นพื้นที่สีเขียวพร้อมความเคลื่อนไหวภายนอกด้วยครับ
อีกหนึ่งมุมนั่งเล่นที่กานต์ชอบจะเป็นที่นั่ง Semi-Outdoor อยู่บริเวณด้านหน้าลิฟต์พอดี ความตั้งใจของสถาปนิกก็คือต้องการให้เป็นพื้นที่รอคอยสำหรับ Visitor ที่มาพบลูกบ้าน และแน่นอนว่าไม่สามารถเข้าไปนั่งรอยัง The Parlour หรือที่ Play Fulness Bar ได้เนื่องจากตามกฎแล้วต้องใช้ระบบ Face Scan นั่นเองครับ ทำให้ลูกบ้านคนอื่นพลอยได้รับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ดังนั้น ต้องรอให้เจ้าของห้องลูกบ้านลงลิฟต์มารับแขกด้วยตัวเองก่อน

The Green Court โครงการออกแบบที่นั่งเป็นทรงเหลี่ยมตัดมุมดูกลมกลืนกับบรรยากาศภายนอกที่ดูสบายๆ จัดวางที่นั่งเอาไว้รองรับได้พร้อมกันหลายท่าน สามารถมานั่งรอชมวิวสวยๆ ของสวนสีเขียวไปพร้อมๆ กันได้
ติดกันคือ The Reception แค่การตั้งชื่อก็รู้แล้วว่าออกแบบมาให้เป็นห้องรับรองแขกและใช้เป็นห้องมาติดต่อธุระต่างๆ กับทางเจ้าหน้าที่นิติบุคคล ซึ่งไม่ค่อยเห็นโครงการไหนออกแบบให้มีห้องรับรองแบบเป็นกิจลักษณะแบบนี้ เพราะบางทีอาจจะรอรับบริการหรือการประสานงานใดๆ จากทางนิติฯ อยู่ ก็จะได้มีพื้นที่นั่งรอ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ของสำนักงานขายโครงการอยู่ครับ ซึ่งจะพร้อมส่งมอบทันทีหลังปิดการขายเรียบร้อย ช่วงนี้ก็จะคึกคักหน่อยเพราะมีทั้งลูกค้ามาติดต่อขอชมห้องและลูกค้าที่เริ่มทยอยโอนและย้ายเข้าอยู่กันแล้วครับ บอกแล้วว่า โครงการ Life พระราม 4–อโศก เป็นของดีที่ Rare Item จริงๆ ครับ การตอบรับของลูกค้าดีมากๆ น่าจะขายหมดในเร็วๆ นี้
นอกจากนี้ยังมี Smart Mail Box ห้องรับจดหมายของลูกบ้านที่ออกแบบได้เรียบร้อย ป้ายเลขที่บ้านขนาดใหญ่เรียงรายกันไป ภายในจะใช้เป็นระบบดิจิทัลที่ต้องใช้ Key Card ในการเปิดตู้เพื่อความปลอดภัย
จากนั้นเดินออกมาทางด้านขวาเล็กน้อยเราจะพบกับ Chill Out Lab ซึ่งกานต์ชอบมาก ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ด้วยแนวคิดที่เน้นความผ่อนคลายให้ได้เชื่อมต่อกับธรรมชาติรอบตัว โครงสร้างกระจกทรงกลมรอบห้องช่วยเปิดรับแสงธรรมชาติและทัศนียภาพภายนอกได้ 360 องศาเปิดรับโอเอซิสจากวิวสวนอันร่มรื่น สร้างบรรยากาศที่โปร่งสบายและให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ ภายในจัดวางที่นั่งสไตล์ Bean Bag แบบสบายๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีที่สะท้อนถึงความสดชื่น พร้อมกับการจัดแสงโคมไฟที่ส่องแสงระยิบระยับ เติมเต็มบรรยากาศอบอุ่นและหรูหรา ห้องนี้จึงเป็นพื้นที่พักผ่อนที่สมบูรณ์แบบสำหรับการผ่อนคลาย ให้ความเป็นส่วนตัวและใช้เวลาร่วมกัน
พื้นที่ส่วนกลางอีกหนึ่งห้องที่แยกออกไปยังอีกฝั่ง เรียกว่า The Green Tunnel ออกแบบให้เป็นมากกว่าพื้นที่พักผ่อนธรรมดา เพราะเป็นการผสานดีไซน์ร่วมสมัยเข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว ที่นี่เปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสบรรยากาศของการผ่อนคลายและการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ที่ชอบก็คือการปูพื้นด้วยหินอ่อนสีฟ้าอันโดดเด่นจากลวดลายธรรมชาติ Blue Marble Tile เต็มพื้นที่ พร้อมตกแต่งด้วย Wallcovering แบรนด์ระดับโลก OMEXCO จากเบลเยียม

ภายใน The Green Tunnel ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซนที่ออกแบบมาอย่างสร้างสรรค์ เดินเข้าไปด้านในจะพบกับมุมส่วนตัวเล็กๆ ที่เหมาะสำหรับการนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือในบรรยากาศสงบ จัดวางโซฟาดีไซน์ฟรีฟอร์มสีส้มดูสดใด ตกแต่งในบรรยากาศคล้ายกับห้องรับแขกที่บ้าน มุมนี้ได้รับการออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัว แต่ยังคงเปิดรับแสงและมุมมองสวนจากภายนอก เหมาะสำหรับการใช้เวลาอยู่กับตัวเองและครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนแบบส่วนตัว 
ถัดเข้าไปเป็นโซนที่นั่งรับแขกที่จัดวางโซฟาสีขาวครีมตลอดแนวผนังสามารถนั่งทำงานกันเป็นคู่หรือจะนั่งอ่านหนังสือคนเดียวก็ได้ ออกแบบมาโดยให้ความรู้สึกสบายและเป็นกันเอง โซนนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนบ้านแต่มีสไตล์แบบโมเดิร์น การใช้กระจกโปร่งทำให้พื้นที่นี้สามารถรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ มองเห็นวิวสวนสีเขียวขจีภายนอกที่ไหลลื่นเข้ามาในตัวห้องอย่างกลมกลืน สร้างความรู้สึกของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในชีวิตกลางกรุงทุกวันนี้ 
ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องประชุมที่ออกแบบอย่างหรูหรา เราสามารถเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนไอเดียหรือวางแผนการงานในบรรยากาศที่สงบและมีสมาธิ ห้องนี้ถูกออกแบบให้ใช้งานได้ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้พักอาศัย พร้อมกับการจองผ่านระบบเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน ดังนั้น กานต์มองว่า The Green Tunnel จึงไม่เพียงเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนที่โครงการ Life พระราม 4-อโศก รังสรรค์เอาไว้ให้ แต่การนำเอางานดีไซน์มาใช้เพื่อสร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกอารมณ์ความรู้สึกและกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงนั่นเองครับ 
กดลิฟต์พาขึ้นมาชมพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนกันบ้างครับ เรียกว่า Sky Facilities อยู่ 4 ชั้นบนสุดของโครงการ เต็มอิ่มด้วยพื้นที่สีเขียวของต้นไม้ สีสันสดใสของการตกแต่งภายใน สีฟ้าจากสระว่ายน้ำและสีสันของ Vanilla Sky ท้องฟ้ายามเย็นที่มองเห็นได้รอบทิศทางแบบพาโนรามิค

เราเริ่มจากชั้น 36 กันก่อนครับ ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยด้วยทว่าจะอยู่อีกฝั่ง ดังนั้นใครที่ซื้อชั้นนี้ก็เหมือนจะมีพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกรบกวนแต่อย่างใด โครงการออกแบบให้มีโถงทางเดินเป็นแนวยาวจากลิฟต์เพื่อเชื่อมไปยัง Sky Studio และ The Circular Lounge ระหว่างทางเดินจะมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งบางกระเจ้าตลอดจนสีสันบรรยากาศของเมืองที่สวยงามยามต้องแสงไฟ 
ส่วนแรกจะเป็นห้อง Sky Studio แบ่งออกเป็น 2 ห้องย่อย คล้ายกับเป็นห้องประชุมนั่งทำงาน ซึ่งแต่ละห้องก็มีการจัดฟังก์ชันภายในที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นห้องแรกออกแบบให้มีโต๊ะประชุมขนาดใหญ่สำหรับใช้นั่งทำงาน หรือจัดประชุมแบบส่วนตัวได้ ภายในห้องจะมีจอทีวีขนาดใหญ่ และกระดานบนผนังกระจกให้เราได้ขีดเขียนเนื้อหาการประชุมได้ด้วย 
อีกห้องออกแบบมาสำหรับนั่งพักผ่อนสบายๆ มากกว่า อารมณ์เหมือน Sky Lounge เพราะโครงการจัดวางชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ให้ เราอาจจะชวนเพื่อนมาจอยปาร์ตี้ ดูหนัง ดูซีรีย์ ดูบอล หรือนั่งเม้าท์มอยกันเพลินๆ ก็ได้ ห้องนี้จะให้ความเป็นกันเองมากกว่า แต่ทว่าวิวสวยทั้ง 2 ห้องเลยครับ 
ห้องถัดมากานต์ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลยครับนั่นคือ The Circular Lounge สำหรับนั่งพักผ่อนในวันสบายๆ ให้ความหรูหราและโรแมนติกมากครับ โครงการเลือกใช้หินอ่อนที่มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อย่าง Black Forest Marble ที่เพิ่มความเท่ให้กับห้องนี้และ Wallcovering ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติเป็นแบรนด์ OMEXCO จากเบลเยียม 
สิ่งที่ทำให้ The Circular Lounge โดดเด่นคือการใช้กระจกสูงจรดเพดานรอบด้าน เปิดรับแสงธรรมชาติในทุกช่วงเวลาของวัน เราสามารถชมวิวกรุงเทพได้แบบ 180 องศาโดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดินจะเป็นวิวที่ฟินมากจริงๆ ครับ บรรยากาศภายในโปร่งโล่งและมีชีวิตชีวา ให้อารมณ์เหมือนอยู่ใน Sky Lounge ของโรงแรมหรูใจกลางกรุง แต่จะดีกว่าแค่ไหน ถ้าเราสามารถเป็นเจ้าของวิวนี้ได้ด้วยตัวเองในทุกวันโดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มสักบาท ได้มาชมวิวทิวทัศน์ของเมือง บรรยากาศของแม่น้ำที่ทอดตัวอยู่ด้านนอก และวิวพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้ห้องนี้กลายเป็นพื้นที่ที่มีความพิเศษ เหมาะแก่การพักผ่อนในช่วงเวลาส่วนตัวกับคนรัก ครอบครัวหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูงคนสนิท 
การตกแต่งภายในที่สวยงามได้รับการออกแบบด้วยความพิถีพิถัน โดดเด่นด้วยโซฟาทรงกลมสีแดงกำมะหยี่ที่ตั้งอยู่กลางห้อง บนพื้นหินอ่อนที่สะท้อนแสงเป็นประกายเสริมให้โซฟาดูโดดเด่นและมีเสน่ห์ ชั้นโลหะสีทองที่จัดเรียงเป็นเส้นโค้งตามรูปทรงของห้องไม่เพียงแต่สร้างมิติให้กับพื้นที่ แต่ยังเพิ่มความรู้สึกของความหรูหราที่ลงตัว พื้นหินอ่อนลวดลายสวยงามเสริมบรรยากาศให้มีความกลมกลืนระหว่างความหรูหราและความอบอุ่น สามารถยืนชมวิวพระอาทิตย์ตกของกรุงเทพมหานครจากมุมนี้ได้อย่างสวยงาม 
The Circular Lounge ออกแบบให้มีการจัดวางที่นั่งหลากหลายสไตล์ ทั้งชุดเก้าอี้และโซฟารองรับทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวสำหรับการอ่านหนังสือ มุมโต๊ะกลมสำหรับการประชุมกลุ่มเล็กในบรรยากาศสบายๆ หรือมุมโต๊ะสูงแบบพูลบาร์ที่สามารถชมวิวในมุมสูงได้ นอกจากนี้ยังมีโคมไฟระย้าดีไซน์โมเดิร์นที่ห้อยลงมาจากเพดาน ช่วยเติมเต็มบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและน่าประทับใจมองออกไปเห็นวิวสวนเบญจกิติ

กานต์มองว่า โครงการตั้งใจออกแบบให้ The Circular Lounge เป็นมากกว่าพื้นที่สังสรรค์ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ของการอยู่อาศัยในบรรยากาศที่หรูหราและสวยงามเสมือนงานศิลปะ ทุกมุมของพื้นที่จึงได้รับการออกแบบให้สะท้อนความพิถีพิถันสอดคล้องไปกับแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ 
The Circular Lounge ออกแบบให้มีการจัดวางที่นั่งหลากหลายสไตล์ ทั้งชุดเก้าอี้และโซฟารองรับทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อนส่วนตัวสำหรับการอ่านหนังสือ มุมโต๊ะกลมสำหรับการประชุมกลุ่มเล็กในบรรยากาศสบายๆ หรือมุมโต๊ะสูงแบบพูลบาร์ที่สามารถชมวิวในมุมสูงได้ นอกจากนี้ยังมีโคมไฟระย้าดีไซน์โมเดิร์นที่ห้อยลงมาจากเพดาน ช่วยเติมเต็มบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและน่าประทับใจมองออกไปเห็นวิวสวนเบญจกิติ

กานต์มองว่า โครงการตั้งใจออกแบบให้ The Circular Lounge เป็นมากกว่าพื้นที่สังสรรค์ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ของการอยู่อาศัยในบรรยากาศที่หรูหราและสวยงามเสมือนงานศิลปะ ทุกมุมของพื้นที่จึงได้รับการออกแบบให้สะท้อนความพิถีพิถันสอดคล้องไปกับแนวคิดของการใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ 
ชั้นนี้ออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นแบบขั้นบันไดต่างระดับในลักษณะคล้ายอัฒจันทร์ หรือที่เรียกว่า Amphitheater จัดวางที่นั่งแบบกลางแจ้งเบาะสีแดงสดใสตัดกับสีเขียวของต้นไม้ได้ดีมาก เป็นพื้นที่ให้เราสามารถชมวิวกรุงเทพในมุมสูง มองออกไปจะเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา มองเห็นเรือล่องผ่านไปมาและมองเลยไปยังพื้นที่สีเขียวของบางกะเจ้าได้สบายๆ เลยครับ 
มุมสุดของอาคาร The Chill Corner ออกแบบให้มีบันไดต่างระดับเดินขึ้นไปอีกนิดหน่อยครับ ด้านบนจะมีที่นั่งลักษณะเป็นวงกลมล้อมรอบต้นไม้ใหญ่ ให้เรามานั่งพักผ่อนสบายใจคล่้ายกับนั่งในสวนสาธารณะ ทว่านี่คือสวนลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่มากปลูกต้นไม้ใหญ่กันจริงจังเป็นการหยิบยกเอา Vertical Garden มาใช้ในการออกแบบอย่างจริงจัง ทำให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับธรรมชาติสีเขียวได้แม้ว่าจะอยู่ในคอนโดมิเนียมก็ตาม 
มาถึง Facilities ที่ชั้น 38 กันบ้างครับ เราเริ่มจากห้องฟิตเนสกันก่อนตั้งชื่อได้เท่ห์มากเลยครับ The Muscle Factory ภายในห้องมีขนาดพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทางโครงการได้ติดตั้งอุปกรณ์เครื่องออกกำลังกายครบทั้งแบบ Cardio และ Weight Training Machine พร้อมกับโซนฟรีเวทให้เราออกกำลังเพื่อสุขภาพได้ตามใจ กระจายอุปกรณ์ไปทั่วห้องพร้อมจัดแบ่งเป็นโซนออกกำลังกายแตกต่างกันไป ที่เราชอบคือการจัดวางลู่วิ่งไฟฟ้าให้หันหน้าออกไปทางสวน ผ่านมุมมองของห้องกระจกชั้นบนที่มองเห็นบรรยากาศของวิวเมืองและโค้งน้ำเจ้าพระยา ดูแล้วสดชื่นสบายตาดีครับ พลอยให้คลายเหนื่อยลงไปได้บ้าง อีกทั้งยังออกแบบให้มีพาร์ทิชั่นกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวขณะออกกำลังกาย 
จากฟิตเนสเราเดินต่อมายังสระว่ายน้ำกันบ้างเรียกว่า The Laps Pool เป็นสระว่ายน้ำหลักของโครงการ ออกแบบให้เป็นสระแบบกลางแจ้งขนาดเท่าสระว่ายน้ำโอลิมปิคซึ่งมีความยาวรวมกว่า 50 เมตร สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้อย่างจริงจัง หรือจะมาแช่น้ำพักผ่อนชมวิวพระอาทิตย์ตกดินก็ได้เช่นกัน 
พื้นที่ของสระว่ายน้ำ The Laps Pool จะแบ่งออก 3 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย Laps Pool สระว่ายน้ำใหญ่ มีมุม Jacuzzi ให้แช่ตัวสบายๆ และมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กซึ่งออกแบบให้อยู่ด้านในสุดพร้อมจัดวางที่นั่งสำหรับพักผ่อนริมสระ ใครอยากจะมานอนอ่านหนังสือหรือ อาบแดด นอนฟังเสียงน้ำให้สบายใจ นั่งเล่นรับลมเย็นสบายก็ได้ฟีล Happy มีความสุขมากแล้วครับ ส่วนคุณแม่ที่มารอลูกว่ายน้ำก็สามารถมานั่งบริเวณพื้นที่รับรองนี้ได้ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบ Open Air 
อีกทั้งสระว่ายน้ำยังอยู่ใกล้กับพื้นที่ชาวเวอร์และมีห้องน้ำขนาดใหญ่แยกชาย-หญิง รองรับการใช้งานให้เพียงพอต่อความต้องการ ภายในห้องน้ำประกอบด้วย โถสุขภัณฑ์ ห้องอาบน้ำ และมีตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บเสื้อผ้า ภายในห้องน้ำชายจะมีห้อง Steam และห้องน้ำหญิงจะเป็น Sauna จัดมาให้เรียบร้อยแล้วครับ 
ถัดเข้าไปทางเดินดีไซน์เป็นซุ้มประตูโค้งทรง Arch ได้สวยงามมากเลเยอร์มีการสลับสีสลับลายกลายเป็นจุดเช็คอินที่ทำให้หลายคนชอบมาถ่ายรูปกับมุมนี้ พร้อมกับออกแบบให้มีชุดที่นั่งในร่มสำหรับรับลมเย็นๆ หรือใครอยากจะไปแช่น้ำเล่นก็มี Sundeck วางเอาไว้ในสระว่ายน้ำให้เรียบร้อย ได้ฟีลโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวดีมากๆ 
มุมมองจากสระว่ายน้ำจะเห็นวิวแบบพาโนรามิค 270 องศาเลยครับ ฝั่งที่สระว่ายน้ำหันหน้าออกไปจะเป็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่มองเลยไปจนเห็นป่าที่ฝั่งบางกระเจ้า ตอนเช้าที่ว่าสวยแล้ว ตอนใกล้ค่ำท้องฟ้าเป็นสีทองมองแล้วสวยกว่ามากเลยครับ 
แต่ขยับมามองตรงจากกลางสระว่ายน้ำในช่วงยามเย็น เราจะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกในกรุงเทพมหานครที่มีอาคารน้อยใหญ่เป็นฉากเติมความอลังการและตอกย้ำไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เหนือว่าใคร มองเห็นวิวพระอาทิตย์ตกแบบส่วนตัวได้ในทุกวัน 
ส่วนทางด้านขวาจะเป็น City View ที่มองเห็นอาคารน้อยใหญ่ของกรุงเทพมหานคร ตอนเปิดไฟช่วงใกล่้ค่ำคือสวยมาก โดยมีฉากหน้าเป็นสวนป่าเบญจกิติ เนื้อที่กว่า 300 ไร่ พร้อมกับ lake ขนาดใหญ่ คอยเติมเต็มความสดชื่นให้เรา แค่เพียงได้มองออกไปก็รู้สึกสบายใจแล้วครับ 
สุดทางเดินของสระว่ายน้ำจะมีบันไดออกแบบให้เราสามารถเดินเชื่อมต่อลงไปยังด้านล่างได้ ตั้งชื่อมุมนี้ว่า Sundown Terrace เป็นที่นั่งสำหรับหลบมุมพักใจในช่วงเวลาที่ต้องการความเงียบสงบ เพราะเอาจริงๆ นะ กานต์คิดว่าน่าจะมีคนเดินลงมาไม่เยอะมากและโครงการเองก็จัดที่นั่งพักผ่อนกระจายออกไปในหลายจุดอยู่แล้วทำให้มีพื้นที่กึ่งกลางแจ้งแบบส่วนตัวให้เราได้ใช้เวลากับตัวเอง ฟังเพลงที่ชอบพร้อมกับหนังสือเล่มโปรดที่อ่านค้างไว้ 
ส่วนชั้นบนสุดออกแบบให้เป็นสวนสีเขียวที่แยกฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมาเดินเล่นและชมวิวมุมสูงของโครงการได้แบบ 360 องศากันเลยทีเดียว ด้านบนลมเย็นดีมาก เหมาะสำหรับมาพักผ่อนสบายๆ แบบไม่ต้องออกไปที่ไหนไกลๆ เป็นการสร้างสรรค์การพักอาศัยผ่านงานดีไซน์ที่เน้นการผสมผสานความเงียบสงบและความงดงามของธรรมชาติเข้ากับมุมมองอันน่าทึ่งของกรุงเทพฯ เส้นขอบฟ้าที่ทอดยาวออกไปเป็นพื้นหลังของการออกแบบสวนที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ทำให้พื้นที่นี้เหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือผ่อนคลายใจในช่วงเวลาที่แสนวุ่นวายของเมืองใหญ่ 
ยอมรับเลยว่า Life พระราม 4-อโศก เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวภายในเยอะมาก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่สุด เราสามารถมาเดินเล่นในสวนนั่งพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเวลาเช้าหรือเย็นได้มีวิวที่สวยงามให้ชม ระหว่างทางเดินจะมีดอกหญ้าที่ปลูกเอาไว้คอยโบกทักทายเราไปตามสายลม นำสายตาไปยังจุดนั่งเล่นทรงกลมที่ได้รับการออกแบบอย่างมีเอกลักษณ์ จัดวางที่นั่งอย่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ผสมผสานระหว่างเบาะนุ่มและพื้นหญ้าเขียวสด เติมเต็มบรรยากาศของธรรมชาติที่ลงตัวกับการใช้ชีวิตในเมือง 
มี The Panoramic Stack เป็นจุดชมวิวที่เปิดรับมุมมองแบบพาโนรามา ทำให้ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกดินที่สมบูรณ์แบบ เอาจริงๆ กานต์ว่าถ้าได้นิติบุคคลมาบริหารดีๆ ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่กลางแจ้งนี้ได้มากขึ้นเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นโยคะยามเช้าหรือการชวนลูกบ้านมาออกกำลังกายเบาๆ รับพลังจากพระอาทิตย์ซึ่งช่วยเติมพลังและสร้างสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ ท่ามกลางความเขียวขจีและอากาศบริสุทธิ์ ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยได้ค้นพบความสงบและความสดชื่นที่มอบให้โดยธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง 
ไฮไลท์คือโครงการนี้มีการออกแบบลานจอดเฮลิคอปเตอร์ด้วยครับ ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้งานตามข้อบังคับความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว โดยมีการแยกสัดส่วนออกจากพื้นที่พักผ่อนเพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด 
จากพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้นล่างและ Sky Facilities เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างของโครงการ Life พระราม 4-อโศก กันบ้าง ซึ่งมี Room Type ให้เลือกเยอะมาก ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ 
ครั้งแรกของการออกแบบห้องชุดรูปแบบใหม่ที่ Customize เป็นพิเศษเฉพาะโครงการ LIFE พระราม 4- อโศก สามารถตอบสนองความต้องการ Lifestyle ที่แตกต่างกันของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี

1 Bedroom เหมาะกับการพักอาศัย 1–2 คนกำลังดี มีฟังก์ชันการใช้สอยครบ

ห้อง 1 Bedroom Plus จะมีพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ให้ใช้งานเพิ่มเติม และมีพื้นที่ใช้สอยในห้องให้กว้างขวางมากขึ้น

ส่วนห้องแบบ 2 Bedrooms ส่วนใหญ่เป็นห้องหน้ากว้างพื้นที่ใช้สอยเยอะให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูก และยังให้ความเป็นส่วนตัว ซึ่งเราจะได้พาไปชมกันครับ 
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่กานต์จะพาไปชมเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ Type B7 ขนาด 28.5 ตร.ม. เป็นลักษณะของห้องตอนลึกที่ออกแบบฟังก์ชันการใช้งานได้ลงตัวและครบครัน ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายและดีไซน์ที่ทันสมัย แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทุกจุดถูกวางแผนมาเป็นอย่างดีเพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความคล่องตัวแต่ยังคงความสะดวกสบายในทุกตารางเมตร

เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะเจอกับมุมครัว ห้องตัวอย่างบิวท์อินใช้โทนสีไม้ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นดีครับ ออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหาร ล้างจาน หรือเก็บอุปกรณ์เครื่องครัวทุกชิ้นสามารถทำได้ในพื้นที่จำกัด แต่ยังคงความสะดวกในการเคลื่อนไหวใช้งาน ห้องครัวนี้เหมาะสำหรับการทำอาหารแบบง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การเตรียมอาหารเช้าทานเองในวันเร่งรีบ 
ถัดมาด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบมาให้รู้สึกกว้างขวางและน่าอยู่ โซฟาสีอ่อนถูกวางไว้อย่างลงตัว ประกอบกับหมอนอิงหลากสีที่เติมความสดใสให้กับห้อง การตกแต่งด้วยผนังกระจกสูงทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง แสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาในช่วงกลางวัน ช่วยประหยัดพลังงานและเพิ่มความสว่างให้กับห้อง มุมนั่งเล่นนี้ยังเหมาะสำหรับการพักผ่อนดูทีวี หรือใช้เวลาส่วนตัวในการนั่งจิบกาแฟ อ่านหนังสือเล่มโปรดและผ่อนคลายในวันหยุด 
สำหรับใครที่ Work from Home ผมว่าห้องนี้ก็ออกแบบมาได้ลงตัว เพราะยังได้จัดสรรพื้นที่โต๊ะทำงานให้มีความเป็นส่วนตัวและเหมาะสมกับการใช้งาน จัดวางเอาไว้ในมุมที่ไม่รบกวนการจัดวางของห้องหลัก ทึ่งมากเพราะไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีห้องส่วนตัวขนาดย่อมเอาไว้ให้เรานั่งทำงานได้โดยไม่รบกวนการพักผ่อนของสมาชิกอีกคน ภายในมีชั้นวางของที่ตกแต่งอย่างดีพร้อมช่องเก็บของที่สามารถจัดวางอุปกรณ์ทำงานหรือของตกแต่งต่างๆ ได้ เพิ่มความสะดวกในการหยิบใช้งาน ผนังด้านหลังที่เล่นสีสันและดีไซน์เฉพาะตัว ให้บรรยากาศในการทำงานที่ไม่น่าเบื่อ 
ด้านในสุดเป็นห้องนอน ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ถูกวางไว้ริมหน้าต่างเพื่อรับแสงธรรมชาติในยามเช้า ทำให้ห้องดูสดใสและปลอดโปร่ง โทนสีที่เลือกใช้เป็นโทนสีอ่อนและผ่อนคลาย ประกอบกับผ้าห่มและหมอนมีสีสดใสเช่นกัน ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายเหมาะสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบหัวเตียงและผนังที่มีลวดลายเรียบง่าย แต่ดูมีเสน่ห์และร่วมสมัย ทำให้ห้องนอนดูอบอุ่นและมีสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร 
พื้นที่ด้านข้างออกแบบให้เป็นมุมแต่งตัว สามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าเอาไว้ที่บริเวณนี้ แต่หากใครมีเสื้อผ้าเยอะมาก อาจจะปรับมุมทำงานออกไปให้กลายเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in closet ซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำก็ได้เช่นกัน เพราะเรามองว่าหัวใจหลักของงานออกแบบคือ Open Plan ที่ต้องการให้เราปรับเปลี่ยนฟังก์ชันภายในห้องได้ตามใจและตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุดนั่นเองครับ 
ห้องตัวอย่างต่อมาคือห้องแบบ 1 Bedroom Type D8 ขนาด 32 ตร.ม. เป็นห้องที่กานต์ว่าดีไซน์ออกมาได้อย่างลงตัวสำหรับการใช้ชีวิตในเมืองแบบไม่ต้องอึดอัด โซนครัวที่มีขนาดกะทัดรัดแต่ฟังก์ชันครบครัน เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนในเมืองที่มีความสะดวกสบายครบครันและทำให้ชีวิตลงตัว ครัวด้านหน้าทางเข้าเว้นพื้นที่สำหรับติดตั้งตู้จัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ ทั้งเครื่องซักผ้าและอีกด้านเป็นพื้นที่สำหรับจัดวางตู้เย็น นับเป็นห้องที่ดีไซน์ค่อนข้างลงตัวทำให้ชีวิตสะดวกสบายสุดๆ 
พื้นที่ส่วนรับประทานอาหารใช้โต๊ะกระจกเก๋ๆ เลือกใช้สีน้ำเงินตัดกับเก้าอี้สีแดงสด ดูทันสมัยและแอบมีความสนุก ทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวามากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปรับเป็นมุมทำงานเล็กๆ ได้อีกด้วยช่วยประหยัดพื้นที่และมีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย ด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่นออกแบบมาให้ดูผ่อนคลาย โซฟาสีเทาวางคู่กับหมอนอิงสีสดใส ทำให้บรรยากาศดูสบายๆ มีความอบอุ่น มุมนี้ยังเปิดรับแสงธรรมชาติจากหน้าต่างบานใหญ่ แถมยังมีโต๊ะกลางสไตล์โมเดิร์นที่วางหนังสือหรือดอกไม้สวยๆ เพิ่มความสดชื่นได้อีก 
ห้องนอนจะแยกตัวออกไปแต่อยู่ติดกัน มีหัวเตียงสีน้ำเงินสดตัดกับผนังลายขาวดำน่ารักมากดูเก๋ไม่ซ้ำใคร จัดวางเอาไว้ริมผนังกระจกใสให้เราเปิดผ้าม่านโปร่งรับแสงยามเช้าได้เต็มที่ ทำให้ทุกเช้าเหมือนเริ่มต้นใหม่อย่างสดชื่น 
ด้านในเป็นมุมแต่งตัวที่จัดวางออกมาได้น่ารักและลงตัวดีมาก มีชั้นวางของสีแดงสดพร้อมกระจกบานใหญ่ที่ทำให้ห้องดูโปร่ง โต๊ะเครื่องแป้งที่ดีไซน์เรียบแต่มีสไตล์ พร้อมพื้นที่เก็บของที่ใช้งานได้จริง 
ติดกันเป็นห้องน้ำที่โดดเด่นด้วยการออกแบบให้ห้องน้ำภายในห้องเป็นแบบ Double Access คือสามารถเข้าออก 2 ทาง ทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ข้อดีก็คือไม่ต้องเดินอ้อมเข้าไปในห้องนอนเพื่อเข้าห้องน้ำเวลามีแขกมาขอใช้ หรือเมื่อเราอาบน้ำเสร็จก็แต่งตัวเข้านอนได้ทันทีสะดวกครบจบในจุดเดียว ส่วนงานดีไซน์ของห้องน้ำเป็นลักษณะของห้องน้ำสำเร็จรูปพร้อมติดตั้ง งานดีไซน์ดูมินิมอลแยกโซนอาบน้ำให้ดูเป็นสัดส่วน ทำให้ฟังก์ชันครบและแยกส่วนเปียกแห้งในการใช้งานออกจากกันได้อย่างชัดเจน โดยรวมแล้วห้องนี้ไม่ได้แค่เน้นการใช้งานหรือการพักอาศัย แต่ยังใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้บรรยากาศดูอบอุ่นและน่าอยู่ 
ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราจะพาไปชมจะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. แบบห้อง E2M เป็นการออกแบบที่เน้นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องการฟังก์ชันที่หลากหลายในพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งความสะดวกสบายและการใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ 
ภาพรวมของแปลนห้องจะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ที่เราพาไปชมมาแล้วก่อนหน้า แต่ห้องนี้จะพิเศษกว่าด้วยห้องอเนกประสงค์ที่ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าต่างด้านใน เพื่อให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่นี้ได้ตามความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องทำงานที่สามารถเพลิดเพลินกับวิวเมือง ห้องดูหนังฟังเพลง สตูดิโอสำหรับไลฟ์ขายของหรือห้องเลี้ยงเด็กเล็กสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดพื้นที่ 
การออกแบบภายในห้องเลือกใช้โทนสีที่อบอุ่น สบายตา ด้วยการจับคู่สีเอิร์ธโทนกับสีเขียวธรรมชาติที่เป็นธีมหลักผสมผสานกับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างขนาดใหญ่ทำให้ห้องดูปลอดโปร่งและรู้สึกกว้างขวางมากยิ่งขึ้น พื้นที่นั่งเล่นที่มีโซฟาเรียงตัวอยู่ข้างผนัง โซฟาแบบเข้ามุมขนาดกำลังดีที่มาพร้อมกับหมอนอิงหลายใบให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมกับโต๊ะกลางขนาดเล็กที่สามารถใช้วางขนม เครื่องดื่ม หรือของใช้เล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการพักผ่อนหลังจากวันทำงานที่เหนื่อยล้า 
ถัดมาเป็นส่วนของห้องนอนที่เน้นความสบายและเงียบสงบ ผนังหัวเตียงตกแต่งด้วยลวดลายเส้นแนวตั้งที่ให้มิติทำให้ห้องดูมีสไตล์ใครชอบแบบไหนสามารถดีไซน์เองได้เลยครับ ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงขนาดใหญ่จัดวางอย่างลงตัวให้เราสามารถนอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย รอบเตียงยังมีพื้นที่ว่างสำหรับเดินผ่านและจัดวางเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ เช่น อาร์มแชร์ตู้ข้างเตียงหรือโคมไฟที่ให้แสงอบอุ่นในยามค่ำคืน 
ห้องนี้ยังคงมีผนังกระจกบานใหญ่ที่สามารถรับแสงธรรมชาติได้ตลอดทั้งวันทำให้ห้องนอนดูสว่างและโปร่งใส พร้อมให้เราตื่นเช้ามาด้วยบรรยากาศที่สดชื่น ไม่เพียงแต่พื้นที่ภายในห้องที่ออกแบบมาอย่างลงตัวแต่ยังมีพื้นที่ระเบียงที่ให้เราสามารถเปิดออกไปรับลมและชมวิวได้อย่างเต็มที่ ระเบียงเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่เหมาะสำหรับการนั่งชิลล์จิบกาแฟยามเช้าหรือจะปลูกต้นไม้กระถางเก๋ๆ ตามสไตล์ ใข้เป็นพื้นที่ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าจากการทำงานในตอนเย็นด้วยบรรยากาศที่แสนสงบจากธรรมชาติ 
พามาชมห้องตัวอย่างสุดท้ายเป็นห้องไซส์ใหญ่แบบ 2 Bedrooms ขนาด 65.5 ตร.ม. แบบห้อง J2 ซึ่งเป็นห้องที่มีตั้งแต่ชั้น 15 ขึ้นไป ทำให้เป็นห้องที่ได้วิวสวยจากมุมสูง ดีไซน์ออกมาเป็นห้องหน้ากว้างทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้านมากกว่า ยิ่งครอบครัวไหนมีลูกเล็ก การอยู่คอนโดที่ฟังก์ชันดีๆ แบบนี้เราอาจจะใช้งานภายในห้องและพื้นที่ส่วนกลางได้คุ้มค่ากว่าโดยไม่จำเป็นต้องซื้อบ้านเลยครับ 
โครงการจัดวางให้ครัวอยู่ส่วนหน้าห้องดีไซน์เป็นครัวปิดมีประตูเลื่อนกระจก 3 ตอนกันกลิ่นและควันจากการทำอาหารไม่ให้ไปรบกวนพื้นที่พักผ่อนด้านในใครชอบทำอาหารต้องถูกใจแน่นอน ติดกับครัวเมื่อเปิดประตูบานเลื่อนเข้าไปจะพบกับ Common Area ที่เป็นเหมือนหัวใจของห้อง พื้นที่ตรงนี้กว้างขวางพอให้จัดโซนได้อย่างอิสระ โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนคือมุมรับประทานอาหารเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่น เป็นพื้นที่สบายๆ สำหรับทุกคนในบ้าน สามารถวางโต๊ะและเก้าอี้ทานข้าวได้ 4 ที่นั่ง ด้วยความที่อยู่ใกล้กับครัวทำให้การยกอาหารมาเสิร์ฟสะดวกมากๆ สามารถทานข้าวไปพร้อมกับการดูซีรีย์เรื่องโปรดเพิ่มอรรถรสให้กับมื้อาหารได้ หรือจะไปนั่งต่อที่พื้นที่นั่งเล่น ห้องตัวอย่างจัดวางโซฟาขนาดใหญ่สีเบจดูอบอุ่นนั่งพักผ่อนได้สบายเลยครับ ห้องนี้มาพร้อมกับระเบียงขนาดใหญ่เปิดให้แสงและลมเข้ามาทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งและสดชื่น ระเบียงมีขนาดเพียงพอสำหรับออกไปนั่งเล่น รับลม ชมวิวเมืองจากมุมสูง เพิ่มความผ่อนคลายให้กับพื้นที่ภายในห้องได้ดีมากๆ 
โครงการนี้ยังออกแบบให้พื้นที่ส่วนอื่นๆ ใช้งานได้อย่างเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น โถงทางเดินที่แยกพื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำออกไป ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยบริเวณนี้จะมีห้องน้ำใช้งานร่วมกันกับห้องนอนรอง 1 ห้อง ส่วนพื้นที่ใกล้กับทางเดินนี้จะเป็นห้อง Laundry มีขนาดเพียงพอต่อการซักผ้า รีดผ้า หรือใช้เป็นพื้นเก็บของได้

ห้องนอนรองจะอยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ พื้นที่ห้องประมาณ 9 ตร.ม. ใช้เป็นห้องนอนเด็กเล็กได้กำลังดีเลยครับ ภายในห้องจัดวางเตียงนอนควีนไซส์พร้อมกับพื้นที่ข้างเตียงให้เป็นตู้เสื้อผ้า ส่วนปลายเตียงเจาะช่องสำหรับจัดเป็นโต๊ะทำการบ้านได้ แต่หากบ้านไหนไม่มีความจำเป็นต้องใช้เป็นห้องนอนสำหรับเด็ก ก็สามารถปรับห้องนอนรองให้เป็นห้องทำงานหรือห้องดูหนังได้เช่นกัน 
ส่วนห้องนอนหลักมีขนาดค่อนข้างใหญ่แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 2 ฝั่งคือมุมพักผ่อน จัดวางเตียงนอนไว้ด้านในทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและปลายเตียงยังได้วิวที่สวยมากเนื่องจากมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ให้เราชมวิวมุมสูงได้จากบนเตียงเลย 
ส่วนอีกด้านเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งตรงกลาง มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควรเลยครับสามารถบิลด์อินตู้เสื้อผ้าได้ 2 ฝั่งและติดตั้งตู้เก็บของเหนือกระจกเงาโต๊ะเครื่องแป้งได้ มุมแต่งตัวยังออกแบบมาให้อยู่ติดกับห้องน้ำซึ่งกานต์มองว่าสะดวกดีเหมือนกัน เพราะเราสามารถอาบน้ำและแต่งตัวได้ครบจบในจุดเดียวเลยครับ 
#โดยสรุป สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้ชีวิตในเมืองที่สะดวกสบายและการพักผ่อนอย่างมีสไตล์ โครงการ Life พระราม 4-อโศก เป็นตัวเลือกที่ดีที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองติดถนนพระราม 4 ใกล้ MRT และทางด่วน ทำให้การเดินทางสะดวกสุดๆ ไม่ว่าเราจะต้องไปทำงานออฟฟิศแถวพระราม 4 อโศก สุขุมวิท นัดเจอเพื่อนที่สยามหรือ Em District หรือพักผ่อนสุดสัปดาห์ก็สามารถทำได้โดยสะดวกรวดเร็ว 
โครงการนี้ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบ Sky Facilities ที่ 4 ชั้นบนสุดซึ่งมอบวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาและสวนเบญจกิติให้เราได้สัมผัสกับธรรมชาติในบรรยากาศสุดพิเศษ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม้จะอยู่ในเมืองใหญ่แต่เราก็ยังสามารถผ่อนคลายและดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ได้ทุกวัน อีกทั้งการออกแบบห้องที่มีหน้ากว้างใส่ใจเรื่องฟังก์ชันและความเป็นส่วนตัวให้ใช้งานได้สะดวกสบาย เปิดให้มีแสงธรรมชาติส่องเข้าถึงภายใน ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบายตาและน่าอยู่มาก Life พระราม 4-อโศก จึงเป็นคอนโดมิเนียมที่ให้ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตในเมืองและเติมเต็มไลฟ์สไตล์การพักผ่อนและการอยู่อาศัยที่ครบครัน ด้วยฟังก์ชันที่ออกแบบมาเพื่อคนรุ่นใหม่กลายเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการทั้งชีวิตเมืองและการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน