VIVALDI BANGNA 

บทประพันธ์แห่งการใช้ชีวิตที่ทันสมัย

/

ที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่กลายเป็นพื้นที่สำหรับจัดวางวิถีชีวิตอย่างประณีต ผสานสถาปัตยกรรมที่ทันสมัย ธรรมชาติและความสะดวกสบายให้กลายเป็นประสบการณ์การอยู่อาศัยที่โดดเด่น ราวกับบทเพลงคลาสสิกของ Antonio Vivaldi คีตกวีชื่อดัง ที่แสดงถึงความสมดุลระหว่างพลังชีวิตและความสงบ เพื่อนำเราให้เดินเข้าสู่จังหวะที่ลงตัวของชีวิตในทุกๆ วันเลยครับ

.

กานต์มองว่า เรามิอาจเทียบความยิ่งใหญ่ของโครงการดุจความงดงามของบทประพันธ์ The Four Seasons แต่่นั่นกลับเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้โครงการ VIVALDI BANGNA ออกแบบโดยตั้งใจนำพาเราไปสู่ภาพความงามของธรรมชาติได้อย่างลึกซึ้งในทุกฤดูกาล

.

เมื่อเข้ามาสัมผัสโครงการจะรู้สึกได้ถึงความสุขสดชื่นจากพื้นที่สีเขียว สายน้ำและสวนสวย การออกแบบสถาปัตยกรรมเน้นเส้นสายที่สะอาดตาและพื้นที่เปิดโล่ง ให้แสงธรรมชาติส่องผ่านอย่างลงตัว เหมือนกับการผสมผสานจังหวะของธรรมชาติสู่ใจกลางของบ้าน

.

ทุกหลังได้รับการออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวาง มีฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองต่อชีวิตประจำวันที่ต้องการทั้งความเร่งรีบและช่วงเวลาที่สงบ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อจากพื้นที่ภายในสู่ภายนอกบ้าน การจัดวางหน้าต่างให้รับแสงธรรมชาติ การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่สร้างความรู้สึกของความเป็นชุมชน กระตุ้นให้เกิดกิจกรรมกลางแจ้ง ออกไปเดินเล่น ผ่อนคลายและมีช่วงเวลาแห่งการไตร่ตรอง เฉกเช่นฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงในบทเพลงของ Vivaldi การออกแบบของที่นี่ก็เปลี่ยนแปลงตามเวลาเช่นกันครับ เริ่มตั้งแต่แสงอ่อนๆ ยามเช้าที่พาดผ่านต้นไม้ไปจนถึงแสงทองของพระอาทิตย์ยามตกดิน

.

ด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ในย่านบางนา สามารถนำเสนอสุนทรียะของการใช้ชีวิตที่สมดุลระหว่างความเร่งรีบของเมืองใหญ่และความสงบเงียบของที่พักผ่อน ด้วยการเข้าถึงถนนสายหลัก ถนนสายรอง ศูนย์การค้า โรงเรียนนานาชาติ และสถานพยาบาลอย่างสะดวกสบาย ตอบสนองทั้งการใช้ชีวิตในเมืองและความสบายในการพักผ่อน ราวกับจังหวะที่สลับซับซ้อนของดนตรีที่มีการตัดกันอย่างลงตัวครับ

.

การพักอาศัยโครงการ VIVALDI BANGNA จึงเป็นเหมือนการได้สัมผัสบทประพันธ์แห่งชีวิตยุคใหม่ ที่ทุกช่วงเวลาถูกจัดวางอย่างลงตัวเพื่อมอบความสะดวกสบาย ความสุขและความสงบในบรรยากาศที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน

.

กานต์ยกกองถ่ายไปเก็บภาพแห่งความประทับใจกันมาแบ่งปันกัน อยากพาไปชมบรรยากาศของโครงการกันต่อด้านใน ติดตามพร้อมกับแคปชั่นในแต่ละรูปได้เลยครับ

.

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 1232

ดั่งบทเพลงอันไพเราะของวีวัลดีที่ขับกล่อมจิตวิญญาณ โครงการ VIVALDI BANGNA ก็เช่นกันครับ นับเป็นบทกวีแห่งการอยู่อาศัยที่เชื้อเชิญให้เราได้ดื่มด่ำกับชีวิตอันสมดุลท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง

ตอนนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่พื้นที่แห่งความสงบ ที่ซึ่งเสียงน้ำไหลกับเสียงนกร้องผสานกับท่วงทำนองอันแผ่วเบาของเพลง “The Four Seasons” ต้อนรับเรากลับบ้านในทุกวัน ที่นี่ไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัยแต่เป็นปราการแห่งความสุขที่ Real Asset ได้รังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “Life Well Balanced”
VIVALDI BANGNA ไม่เพียงแต่เป็นบ้านเดี่ยวหรูเท่านั้น แต่ยังเป็นอัญมณีแห่งการใช้ชีวิตที่ถูกเจียระไนอย่างประณีต เนื้อที่โครงการประมาณ 32 ไร่ มอบความเป็นส่วนตัวให้กับ 110 ยูนิต แต่ละหลังเปรียบเสมือนโน้ตดนตรีที่ประสานกันอย่างลงตัวในบทเพลงแห่งชีวิต
จินตนาการถึงการตื่นขึ้นมาในบ้านที่มี Double Volume สูงโปร่ง เปิดม่านออกสู่คอร์ทยาร์ดส่วนตัว แสงแดดอ่อนๆ ทักทายเราในยามเช้า ก่อนจะก้าวออกไปสู่สวนสาธารณะกว้างขวางกว่า 1 ไร่ ที่เป็นเสมือนโอเอซิสแห่งบางนา

ส่วนกลางของโครงการไม่ต่างจากรีสอร์ทหรู ด้วย Clubhouse สองชั้นที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องออกกำลังกายที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง หรือสนามเด็กเล่นบ้านต้นไม้ขนาดใหญ่ที่จะสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน ทุกองค์ประกอบล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างชุมชนที่อบอุ่นและมีชีวิตชีวา
ดังนั้น เมื่อใครที่ได้เข้ามาสัมผัสกับ VIVALDI BANGNA แบบกานต์ จะเข้าใจได้ทันทีว่าโครงการนี้เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย กลายเป็นบทเพลงแห่งชีวิตที่เราเป็นผู้แต่งเอง เป็นบ้านที่พร้อมที่จะเติมเต็มทุกห้วงเวลาด้วยความสุขและความทรงจำอันแสนอบอุ่น
อีกหนึ่งความพิเศษของ VIVALDI BANGNA คือทำเลของโครงการครับ นับว่าเป็น Rare Item ที่หาได้ยากยิ่ง ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับทุกเส้นทางสำคัญของกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นถนนบางนา-ตราด ถนนศรีนครินทร์ สามารถเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกฯ, ทางพิเศษสาย S1 (บางนา– อาจณรงค์), ทางแยกต่างระดับศรีเอี่ยม, ทางพิเศษบูรพาวิถี อีกทั้งยังอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ทำให้การเดินทางสู่ใจกลางเมืองเป็นเรื่องง่ายดาย

โครงการตั้งอยู่ในทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกรายล้อม ทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ เช่น Mega Bangna, IKEA, Central Bangna และ Seacon Square โรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ โรงพยาบาลศิครินทร์ และโรงพยาบาลไทยนครินทร์ ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีสถานศึกษานานาชาติระดับแนวหน้าที่อยู่ใกล้เคียง เช่น Thai-Singapore International School, Bangkok Patana School, และ St. Andrews International School เป็นต้น ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวที่มองหาการอยู่อาศัยที่มีคุณภาพในทุกด้าน 
เมื่อเข้ามาในโครงการเราจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สวยงาม โดดเด่นตั้งแต่ Main Gate หินอ่อนสีเทาเข้มสลับสีน้ำตาลที่ตั้งตระหง่านราวกับหินผาและแนวต้นไม้น้อยใหญ่ด้านหน้า เพื่อทำหน้าที่ต้อนรับผู้พักอาศัยและผู้มาเยือน ส่วนการรักษาความปลอดภัยวางระบบไว้อย่างที่ดีเยี่ยม ทุกจุดมีเจ้าหน้าที่ดูแลพร้อมกล้อง CCTV รอบโครงการ มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ที่นี่ใช้ระบบ Smart Gate With License Plate สแกนทะเบียนรถสำหรับลูกบ้าน เพื่อการเข้าและออกอย่างง่ายดายเป็นการอำนวยความสะดวกครับ 
เมื่อตรงเข้ามาด้านในจะพบกับ Clubhouse ตั้งอยู่ใจกลางโครงการเป็นงานดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายด้วยเส้นสายและรูปทรง การเลือกใช้สีที่ดูสบายตา เหมาะกับช่วงเวลาพักผ่อนของทุกคนครับ 
ด้านหน้าเป็น Co-working Space สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับต้อนรับแขกไปในตัว เมื่อตอนมาถึงโครงการ กานต์ได้เข้าไปนั่งแล้วรู้สึกได้ถึงการออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนชมวิวสบายๆ มองออกไปเห็นวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใส สีสันของธรรมชาติที่แต่งแต้ม งดงามราวกับเป็นภาพวาด ได้อารมณ์งานศิลปะอิมเพรสชั่นนิสต์ของ Paul Cezanne 
ปัจจุบันใช้เป็นพื้นที่สำนักงานขายของโครงการอยู่ครับ ภายในจัดวางชุดโซฟาคุมโทนสีขาวเทาดำ เน้นดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก อ่านหนังสือหรือนั่งคุยกันเบาๆ กับเพื่อน และยังจัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน 
ฝั่งตรงข้ามเป็น Meeting Room เป็นห้องส่วนตัวสำหรับจัดเจรจาธุรกิจ หรือจัดประชุมแขกคนสำคัญได้ จัดวางโต๊ะประชุมขนาด 8-10 ที่นั่ง ผนังติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่เอาไว้รองรับ ประชุมท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียวที่ให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นครับ 
ด้านนอกบริเวณริมสระว่ายน้ำจัดวางชุดเก้าอี้เอาไว้ให้ได้นั่งพักผ่อนสบายๆ พร้อม Sun Bed ในสระว่ายน้ำท่ามกลางสวนสวย 
เมื่อมองออกไปเราจะเห็นสระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้งขนาด Half Size Olympic ความยาว 25 เมตร ดีไซน์เรียบง่าย ส่วนตัวชอบมุมสระว่ายน้ำที่สุดออกแบบได้สวยมาก 
ด้วยความที่สระว่ายน้ำมีขนาดใหญ่ ทำให้เราสามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงจังตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนกลางวันแดดอาจจะร้อนไปนิด แต่พอตกเย็นต้นไม้จะช่วยบังแดดให้ทำให้เหมาะสำหรับการว่ายน้ำ หรือนั่งอ่านหนังสือในวันสบายๆ ริมสระ เพราะทางโครงการจัดวาง Day Bed เอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ มาพร้อมกับสระว่ายน้ำสำหรับเด็กและจากุซชี่มีไว้ให้แช่ตัวเพลินๆ ในวันสบายๆ สามารถชมวิวสีเขียวของสวนขนาดใหญ่เบื้องหน้าไปพร้อมกันได้ 
ชั้นบนเป็นพื้นที่ของสายเวิร์คเอ้าท์ สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายครับ โครงการจัดให้มีห้องสำหรับทำ Yoga Studio เป็นห้องโล่งๆ ภายในติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่และมีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาได้เช่นกัน ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะออกกำลังกาย โยคะ เต้นบัลเลต์ ซ้อมร้องเพลงหรือป๊อบแดนซ์ก็ได้หมดเลยครับ สามารถนัดครูจากภายนอกมาสอนแบบส่วนตัวที่นี่ได้เลย 
ติดกันเป็นห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ที่อยู่บนชั้น 2 ทำให้บรรยากาศดูโปร่งสบาย ออกกำลังกายได้ไม่อึดอัด เปิดให้ใช้งานได้ 24 ชม. ภายในห้องจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายไว้ครบครันทั้งแบบ Cardio, Free Weight และ Machine ติดตั้งลู่วิ่งสำหรับคาดิโอและเครื่อง Elliptical กระจายกันไปรอบห้องเพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย ผนังห้องรายล้อมด้วยกระจกเขียวตัดแสงแบบ Full Height เปิดรับวิวจากภายนอกสัมผัสได้ถึงความโล่งสบาย ภายในตกแต่งสวย ในบรรยากาศของวิวสวนสีเขียวเบื้องหน้า เราว่าเป็นมุมออกกำลังกายที่เติม Energy ได้ดีมาก 
แต่หากใครอยากออกกำลังกายแบบกลางแจ้ง โครงการก็ออกแบบให้มี Jogging Track ที่มีต้นไม้และสวนสีเขียวตลอดแนวเพื่อเป็น Buffer ทั้ง 2 ด้านระหว่างถนน ให้เราได้ใช้เวลาในช่วงเช้าหลังตื่นนอนหรือจะเป็นช่วงเย็นหลังเลิกงานในการออกกำลัง 
หรือใครที่อยากสัมผัสพลังจากแสงแดด สายลม ต้นไม้ก็สามารถไปนั่งกำหนดลมหายใจ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับธรรมชาติน้อยใหญ่ได้ในสวนส่วนกลางได้เช่นกันครับ 
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจของโครงการ คือการออกแบบให้มี Harmonic Play Station ขนาดใหญ่อยู่ในสวนด้านใน โดยความตั้งใจคือต้องการให้เด็กๆ ได้ออกมาใช้ชีวิตสัมผัสเรียนรู้อยู่กับธรรมชาตินอกบ้านบ้าง ชวนกันออกไปรับวิตามินดีในวันที่อากาศเป็นใจ 
โครงการจึงออกแบบให้มีสนามเด็กเล่นกลางแจ้งขนาดใหญ่ ท่ามกลางบรรยากาศของสวนและต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่อีกด้วยครับ มีพื้นที่สำหรับปีนป่ายสนุกสนาน นอนอ่านหนังสือหรือเล่นสนุกได้ 
ใกล้ๆ กันยังมี Multi Sport Court ใช้งานได้ทั้ง Basketball, Badminton และ Pickleball มี Outdoor Fitness ให้เราได้ออกกำลังกายใกล้ชิดธรรมชาติ 
สวนส่วนกลางมาพร้อมฟังก์ชันของที่นั่งกลางแจ้งและที่นั่งใต้ต้นไม้ สำหรับพักผ่อนในวันหยุดสบายๆ ให้คุณแม่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวนใกล้ๆ กัน ส่วนคุณพ่อก็กำลังวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำลังกายเบาๆ อยู่ใน Jogging Track รอบโครงการ 
จาก Clubhouse และพื้นที่ส่วนกลาง เราพาไปชมบ้านตัวอย่างกันบ้างครับ โครงการ VIVALDI BANGNA ได้เลือก 3 ใน 4 จากบทเพลงมาตั้งเป็นชื่อแบบบ้านของโครงการ ซึ่งประกอบด้วย

แบบบ้าน Estate : ฤดูร้อน คือ ช่วงเวลาแห่งการเจริญเติบโต สะท้อนความสนุกสนานของชีวิตที่มีสีสันและน่าตื่นเต้น ดีไซน์ให้เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 215 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 3 ห้องน้ำ / 2 ที่จอดรถ

แบบบ้าน Inverno : ฤดูหนาว คือ ช่วงเวลาช่วงแห่งการค้นหาความฝัน การวางแผนและตั้งเป้าหมายเพื่อให้เป็นเส้นทางของการบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้ นำเสนอผ่านบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ

แบบบ้าน Primavera : ฤดูใบไม้ผลิ เป็นข่วงเวลาที่ให้เราได้สนุกไปกับการลงมือทำ ยิ่งลงมือทำมันเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่ผลลัพธ์จะออกมางอกงามก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น บอกเล่าผ่านบ้านเดี่ยว 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 328 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 3 ที่จอดรถ ซึ่งเป็นบ้านตัวอย่างที่กานต์พามาชมกันในพาร์ทนี้ครับ 
ไฮไลท์ของแบบบ้าน Primavera คือการออกแบบให้มีคอร์ทยาร์ดบริเวณกลางบ้านด้านใน ให้เราได้ปลูกต้นไม้ขนาดใหญ่เอาไว้ได้ เพื่อทำเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนนอกบ้าน หรือจะทำเป็นสระว่ายน้ำส่วนตัวแบบเดียวกับบ้านตัวอย่างก็ได้ รอบๆ บ้านมีพื้นที่ปลูกต้นไม้หรือจัดส่วนเล็กๆ เพิ่มความร่มรื่น อีกหนึ่งฟังก์ชันที่กานต์ชอบ คือมีห้องนอนชั้นล่างมาพร้อมห้องน้ำในตัว ออกแบบให้เป็นห้องนอนผู้สูงอายุหรือจะปรับให้เป็นสปาส่วนตัวภายในบ้านก็ได้เช่นกัน ส่วนห้องนอนชั้นบนออกแบบให้ทุกห้องเป็น En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้องเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก 
ด้านหน้าเป็นพื้นที่จอดรถ โครงการลงเสาเข็มแบบ On Beam มาให้ ลานจอดรถปูพื้นด้วย Stamped Concrete สีดำด้านสลับสีเทาอ่อนทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมดูเรียบหรูดีครับ ผนังด้านในเตรียมพื้นที่สำหรับติดตั้งระบบไฟฟ้าเอาไว้เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ ติดกันเป็นประตูสำหรับเก็บของที่ไม่จำเป็นต้องขนเข้าไปไว้ในบ้าน เช่น ถุงกอล์ฟ จักรยาน อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น ส่วนประตูเข้าบ้านส่วนหนึ่งทำเป็นพื้นต่างระดับ ติดกันออกแบบเป็นทางลาดตามหลักการ Universal Design เพื่อรองรับการใช้งานรถเข็น วีลแชร์ 
เปิดประตูเข้ามาดูภายในบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ พื้นที่นี้จะเป็นประตูทางเข้าจากลานจอดรถ ข้อดีคือสามารถลงรถแล้วเข้าบ้านตรงขึ้นชั้นบนได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่าน Living Area เผื่อในกรณีที่กำลังมีแขกมาพูดคุยธุระที่บ้านจะได้ไม่เป็นการรบกวนกันและเพิ่มความเป็นส่วนตัว
ประตูให้เป็นบานเหล็กปิดสีดำด้านของ TOSTEM แบรนด์ชื่อดัง โดยได้ติดตั้ง Digital Door Lock มาให้ด้วยแล้ว ด้านข้างเจาะช่องเป็นกระจกฝ้าเพื่อเปิดให้แสงเข้ามาภายในบ้านได้ ส่วน Foyer ด้านหน้ามีพื้นที่สำหรับจัดวางข้าวของขนาดเล็กเช่น กุญแจรถ หรือจะจัดวางสตูลเตี้ยสำหรับนั่งสวม-ถอดรองเท้าก็ได้เช่นกัน 
ส่วนตู้เก็บรองเท้าจะถูกออกแบบเป็นห้องที่อยู่ติดกันเอาไว้ บริเวณทางขึ้นบันไดชั้นบน ทั้งนี้เพื่อให้มีความเป็นสัดส่วนและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย 
ด้านขวาของบ้านคือประตูทางเข้าหลัก เป็นประตูบานเลื่อนกระจกใส เพื่อให้มองเห็นพื้นที่เชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอก สะท้อนถึงแนวคิด “Life Well Balanced” ได้อย่างชัดเจนครับ

Living Area โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เปิดโล่ง มีความสูงแบบ Double Volume สร้างความรู้สึกกว้างขวางและโอ่อ่า ผนังกระจกขนาดใหญ่ทั้งสองด้านช่วยให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา เชื่อมโยงพื้นที่ภายในกับสวนสีเขียวภายนอกได้อย่างกลมกลืน ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแม้จะอยู่ในบ้าน 
ดีไซน์ที่เราชอบคือโคมไฟระย้าทรงยาวที่ห้อยลงมาจากเพดาน ดีไซน์แปลกตาคล้ายกับหยดน้ำฝนที่กำลังตกลงมา สร้างความน่าสนใจและเพิ่มมิติให้กับพื้นที่ได้อย่างลงตัว แสงไฟอ่อนๆ จากโคมไฟเหล่านี้ช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและผ่อนคลายในยามค่ำคืน

เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องเลือกใช้โทนสีอ่อนๆ เช่น เทา และครีม ช่วยเสริมความรู้สึกสงบและผ่อนคลาย โซฟาตัวใหญ่รูปตัวแอลวางอยู่กลางบ้าน เหมาะสำหรับการพักผ่อนหรือรับแขก มีโต๊ะกลางทรงกลมวางไว้อย่างลงตัว และอาร์มแชร์อีกตัวช่วยเพิ่มพื้นที่นั่งเล่นได้อย่างสบาย ส่วนพื้นไม้สีอ่อนและพรมสีครีมช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับห้อง ในขณะที่ผ้าม่านยาวสีครีมช่วยควบคุมแสงและเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เมื่อต้องการ 
การออกแบบแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการสร้างพื้นที่ ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริงเป็นสถานที่ที่ผู้อยู่อาศัยสามารถพักผ่อน สังสรรค์หรือใช้เวลากับครอบครัวได้อย่างมีความสุข สะท้อนถึงคุณภาพชีวิตที่ดีที่ VIVALDI BANGNA มอบให้กับผู้อยู่อาศัย 
Common Area มีขนาดใหญ่ดีครับ มองเข้าไปด้านในจะเห็นเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกันระหว่าง Living Area ส่วนรับประทานอาหารและ Pantry ครัวยุโรป 
โต๊ะรับประทานอาหารออกแบบด้วยสไตล์โมเดิร์นที่เรียบหรู จัดวางโต๊ะหินอ่อนสีดำตัดกับเก้าอี้สีขาวนวลให้ความรู้สึกหรูหรา ให้เราทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกันในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเข้าครัว รับประทานอาหาร หรือพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด ผนังกระจกบานใหญ่เปิดรับวิวสวนสีเขียวด้านนอก ทำให้รู้สึกเหมือนได้รับประทานอาหารท่ามกลางธรรมชาติ บรรยากาศอบอุ่นถูกเสริมด้วยโคมไฟระย้าที่ให้แสงสว่างนวลตา สร้างบรรยากาศสุดโรแมนติกในยามค่ำคืน 
ในส่วนของ Pantry ถูกออกแบบอย่างทันสมัยด้วยตู้สีครีมสะอาดตา มีเคาน์เตอร์หินสีดำที่ดูหรูหรา มีตู้โชว์แก้วไวน์ที่ส่องสว่างอย่างสวยงาม เพิ่มความมีระดับให้กับพื้นที่ การจัดวางแบบเปิดโล่งทำให้คนในครอบครัวสามารถพูดคุยและมีปฏิสัมพันธ์กันได้แม้จะอยู่คนละมุมของบ้าน 
กานต์มองว่า งานดีไซน์ Common Area ของบ้านในโครงการ VIVALDI BANGNA สะท้อนถึงความเข้าใจในวิถีชีวิตของครอบครัวยุคใหม่ได้ดีครับ เพราะต้องการพื้นที่ที่เอื้อต่อการใช้เวลาร่วมกัน สร้างความผูกพันและความทรงจำดีๆ ร่วมกัน เพราะบ้านไม่ใช่เพียงที่พักอาศัย แต่กลายเป็นพื้นที่แห่งความรักและความสุขของทุกคน เปรียบเสมือนบทเพลงแห่งชีวิตที่บรรเลงอย่างไพเราะในทุกๆ วัน 
ครัวไทยจะอยู่ห้องด้านหลัง มีการแบ่งสันปันส่วนแยกฟังก์ชันกันได้อย่างลงตัว ราวกับเป็นบทเพลงแห่งชีวิตครอบครัวที่บรรเลงอย่างไพเราะ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความอบอุ่นและความสุขสำหรับทุกคนภายในบ้าน 
ห้องน้ำชั้นล่างเป็นแบบ Powder Room อยู่บริเวณด้านหน้าห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่างเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำด้านนอกทำให้สะดวกดีมาก
ทั้งนี้เมื่อมองจากองค์รวมของงาน Interior จะพบว่าพื้นที่ภายในบ้านออกแบบ Open plan ให้เชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามใจผู้พักอาศัย ดังนั้นในยุคที่การดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีกลายเป็นเรื่องสำคัญ VIVALDI BANGNA จึงได้นำเสนอแนวคิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้าน ด้วยการเปลี่ยนห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุให้กลายเป็นสปาส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ เป็นห้องที่กานต์ชอบมาก
เมื่อเดินเข้ามาด้านใน เรารู้สึกได้ทันทีถึงบรรยากาศของความสงบและผ่อนคลายที่โอบล้อมเราไว้ ห้องค่อนข้างกว้างขวาง สปาได้รับการออกแบบด้วยโทนสีอ่อนนุ่ม ผนังสีครีมสร้างความรู้สึกสบายตาและผ่อนคลาย พื้นไม้สีอ่อนเพิ่มความอบอุ่นให้กับพื้นที่ ในขณะที่แสงไฟและแสงเทียนได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว

จุดเด่นของห้องคือเตียงนวดแบบคู่ที่ดูแสนสบาย ปูด้วยผ้าสีขาวสะอาดตา หันหน้าเข้าหาประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกสู่สวนและสระว่ายน้ำด้านนอก ทำให้รู้สึกผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ

แต่หากบ้านไหนที่ไม่มีผู้สูงอายุพักอาศัยอยู่ด้วยและไม่ประสงค์จะทำห้องสปา แต่ทว่ากลายเป็นบ้านของคุณแม่มือใหม่ กานต์ว่าห้องนี้ก็สามารถปรับเป็นห้องนอนสำหรับทารกหรือคุณแม่แรกคลอดได้อย่างลงตัว การออกแบบที่ยืดหยุ่นนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย แต่ยังสะท้อนถึงแนวคิดการออกแบบที่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของชีวิตในระยะยาว ทำให้บ้านสามารถปรับตัวไปพร้อมกับความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้อยู่อาศัยได้อย่างลงตัว
โครงการยังได้ติดตั้งระบบกรองอากาศ Energy Recovery Ventilator (ERV) ที่จะทำหน้าที่ในการเติมอากาศดีและระบายอากาศเสียออกไปพร้อมกัน รวมทั้งมีฟิลเตอร์ขจัดฝุ่น PM 2.5 โดย ERV จะถูกติดตั้งไว้ที่ห้องนอนชั้นล่างและภายในห้องนอนหลัก
ห้องน้ำได้รับการออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานของผู้สูงวัย คำนึงถึงทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบาย อาทิ ประตูบานเลื่อนมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ภายในห้องน้ำมีกว้างขวางรองรับการใช้งานวีลแชร์ได้สะดวก พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องสีอ่อนที่มีพื้นผิวป้องกันการลื่น ผนังติดราวจับเพื่อช่วยพยุงตัวในจุดที่จำเป็น โถสุขภัณฑ์ให้เป็นของแบรนด์ KÄSCH จากเยอรมนีเป็นแบบชักโครกที่มีความสูงเหมาะสม พื้นที่อาบน้ำออกแบบให้มีที่นั่งในตัวสำหรับนั่งอาบน้ำ และฝักบัวแบบปรับระดับได้ ทำให้ผู้สูงอายุสามารถอาบน้ำได้สะดวกและปลอดภัย อ่างล้างหน้าถูกออกแบบให้มีพื้นที่ว่างด้านล่างเพื่อให้ผู้ใช้รถเข็นสามารถเข้าถึงได้สะดวก กระจกบานใหญ่เหนืออ่างล้างหน้าช่วยเพิ่มความสว่างและความรู้สึกกว้างขวางให้กับพื้นที่
ไฮไลท์ของบ้านคือการออกแบบให้มีพื้นที่คอร์ทยาร์ดด้านหลังให้เป็นได้ทั้งสวนและสระว่ายน้ำส่วนตัว สะท้อนถึงปรัชญา “Life Well Balanced” ที่ผสมผสานความงามของธรรมชาติเข้ากับความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัวครับ กานต์ประทับใจมาก

สระว่ายน้ำรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีขอบโค้งมนนั้น ไม่เพียงแต่สวยงามแต่ยังใช้งานได้จริง เหมาะสำหรับการว่ายน้ำออกกำลังกายหรือเพียงแค่แช่ตัวเพื่อผ่อนคลายได้ความรู้สึกเย็นสบาย
รอบสระมีพื้นที่นั่งเล่นที่ออกแบบมาอย่างลงตัว จัดวางเก้าอี้สนามไม้เอาไว้ที่มุมหนึ่ง และมี Pavillion ที่สามารถใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนหรือนอนอาบแดดแบบส่วนตัวได้ มุมมองจากด้านบนแสดงให้เห็นถึงการจัดวางที่ลงตัวของสระว่ายน้ำขนาดกำลังดี ที่โอบล้อมด้วยพื้นที่สีขาวสะอาดตา และแนวต้นไม้สีเขียวสดที่ช่วยเพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ

อีกทั้งยังออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวด้วยการใช้เวลาร่วมกันภายในบ้าน ทั้งว่ายน้ำ ออกกำลังกาย พูลปาร์ตี้ริมสระ หรือเพียงแค่นั่งเล่นพูดคุยกันสบายๆ ในช่วงเวลาตอนเย็นหลังเลิกงาน เพื่อให้บ้านเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนที่ผสานความเป็นธรรมชาติเข้ากับความสะดวกสบายของการอยู่อาศัยในเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและสมดุลอย่างแท้จริง
เราสังเกตว่า โครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในทุกจุดรับสายตาเลยครับ นำเสนอแนวคิดการออกแบบที่ผสานความงามของสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ผ่านการจัดวางพื้นที่ที่เน้นการรับแสงธรรมชาติและการเชื่อมโยงกับสวนสีเขียวภายนอก

เห็นได้จากพื้นที่บันไดที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่าง 2 ชั้น โครงการออกแบบด้วยความประณีตและใส่ใจในรายละเอียด ขั้นบันไดลูกตั้งลูกนอนเป็นไม้สีน้ำตาลอ่อนสร้างสัมผัสที่อบอุ่นและนุ่มนวล ตัดกับผนังสีขาวสะอาดตาที่ช่วยสะท้อนแสงและเพิ่มความสว่างให้กับโถงบันได ราวจับบันไดทำด้วยไม้ให้ความสวยงามและรู้สึกมั่นคงปลอดภัย
บันไดจึงกลายเป็นมุมที่เราชอบมากที่สุด โถงบันไดได้รับแสงธรรมชาติที่สาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ สร้างเงาและมิติให้กับพื้นที่ ทำให้ไม่เพียงแต่เป็นทางสัญจร แต่ยังเป็นงานศิลปะที่มีชีวิตชีวา เปลี่ยนแปลงไปตามแสงในแต่ละช่วงเวลาของวัน เราสามารถชื่นชมความงามของพื้นที่สีเขียวได้จากภายในบ้าน สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟในตอนกลางวันได้อีกด้วยครับ
เมื่อเดินขึ้นมาบนชั้น 2 เราจะพบกับ Family Area ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อห้องนอนทุกห้องเข้าไว้ด้วยกัน จัดแบ่งมุมพักผ่อนแบบส่วนตัวกระจายกันออกไปเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายความต้องการของผู้อยู่อาศัย ทว่า ตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการทำงาน
โถงกลางถูกออกแบบให้เปิดโล่ง โดยใช้โทนสีอ่อนเป็นหลัก ทั้งสีขาวครีมของผนังและผ้าม่านและสีน้ำตาลของพื้น สร้างบรรยากาศที่ดูผ่อนคลาย หน้าต่างบานใหญ่ช่วยเปิดให้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามา ทำให้ชั้นบนดูสว่างและมีชีวิตชีวา มุมพักผ่อนถูกจัดวางอย่างลงตัวด้วยเก้าอี้หนังกลับสีครีม สร้างความรู้สึกอบอุ่นและเชิญชวนให้นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือดื่มกาแฟยามเช้า โคมไฟตั้งพื้นโค้งช่วยเพิ่มแสงสว่างเฉพาะจุดสำหรับการอ่านหนังสือหรือทำงานเบาๆ ด้านหลังออกแบบให้มีชั้นวาง ซึ่งนอกจากจะเป็นที่เก็บของแล้ว ยังเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะขนาดเล็ก หนังสือและของตกแต่งที่สะท้อนรสนิยมของเรา
ถัดเข้าไปด้านในออกแบบให้เป็นมุมทำงานที่ดูทันสมัยตอบโจทย์ Work from Home จัดวางโต๊ะทำงานสีเทาอ่อน พร้อมโคมไฟตั้งโต๊ะดีไซน์เก๋ ช่วยให้สามารถทำงานที่บ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนถึงการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ที่ต้องการพื้นที่ที่ยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการในแต่ละช่วงเวลา เพื่อทำให้บ้านไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัยแต่เป็นพื้นที่แห่งความสุขของทุกคนเลยครับ
ห้องนอนรองห้องแรกจะอยู่ฝั่งหน้าบ้านทำให้ได้มีจุดเด่นเรื่องของวิว อีกทั้งการตกแต่งภายในยังนำเสนอความหรูหราและทันสมัยได้อย่างลงตัว ผสมผสานองค์ประกอบการออกแบบร่วมสมัยเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างกลมกลืน ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกสบายและสไตล์การอยู่อาศัย

จุดเด่นของห้องคือเตียงนอนที่ดูนุ่มสบาย จัดวางเอาไว้ริมผนังด้านหน้าเพื่อให้เราตื่นมาพบกับแสงแรกของวันผ่านผนังกระจกบานใหญ่ เตียงนอนประดับด้วยหมอนในโทนสีเทาและขาว หัวเตียงบุนวมสีเทาควันบุหรี่ทรงสูงจรดเพดานสร้างความรู้สึกโอ่อ่าและหรูหรา ข้างเตียงมีโต๊ะข้างสีขาวดีไซน์เรียบง่าย วางโคมไฟทรงกลมสไตล์โมเดิร์นที่ให้แสงสว่างนุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีไฟ LED ที่ติดตั้งในผนังโค้ง ด้านข้างเป็นโต๊ะทำงาน ซึ่งนอกจากให้แสงสว่างแล้วยังเป็นองค์ประกอบตกแต่งที่โดดเด่นอีกด้วย 
ด้านในเป็นพื้นที่แต่งตัวอเนกประสงค์แบบ Walk-in Closet ประกอบด้วยชั้นวางเปิดโล่งและลิ้นชักสำหรับเก็บของ ให้พื้นที่จัดเก็บที่เพียงพอ เหมาะสำหรับวางของประดับหรือของใช้ส่วนตัวที่บ่งบอกรสนิยมเจ้าของห้อง เช่น กล้องถ่ายรูปวินเทจและหนังสือมาพร้อมกับห้องน้ำในตัว 
ห้องนอนรองที่ 2 นำเสนอการออกแบบที่เรียบหรูและดูอบอุ่นดีครับ โทนสีหลักของห้องเป็นสีขาวและเบจ สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและกว้างขวางตั้งอยู่ในโซนด้านหลังบ้านทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ

ห้องนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นห้องนอนและพื้นที่พักผ่อนส่วนตัว สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย 
ภายในห้องดูกว้างขวาง จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่เอาไว้ตรงกลางห้องปูด้วยผ้าปูที่นอนสีขาวสะอาดตา ผ้าคาดเตียงสีเขียวอ่อนที่ให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนธรรมชาติ หัวเตียงประดับโคมไฟตั้งโต๊ะและออกแบบให้มีลิ้นชักสำหรับเก็บของใช้ส่วนตัว

ด้านในเป็นมุมแต่งตัวที่ประกอบด้วยโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัดพร้อมเก้าอี้สบาย ด้านบนมีชั้นวางของแบบเปิดพร้อมไฟ LED ในตัว ช่วยเพิ่มแสงสว่างและความสวยงามให้กับพื้นที่ พื้นห้องปูด้วยลามิเนตโทนสีอ่อน เพิ่มความอบอุ่นและความเป็นธรรมชาติให้กับห้อง 
จริงๆ แล้วหากบ้านไหนสมาชิกในครอบครัวไม่ได้เยอะมาก กานต์ว่าเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องเอนเตอร์เทนเม้นท์ สำหรับดูหนังฟังเพลงก็ได้ หรือใช้เป็นห้องนอนสำรองของแขก เพราะอย่างที่บอกไปว่าทุกห้องล้วนเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่สามารถออกแบบได้ตามใจ ซึ่งโดยหลักของการออกแบบที่เราเคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้คือ Open Plan การออกแบบจึงเปิดให้มีความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ได้อย่างเต็มที่และตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยในบ้าน 
Master Bedroom เป็นห้องที่สวยมากครับ นำเสนอความหรูหราและความสะดวกสบาย ด้วยการออกแบบที่ทันสมัยและใส่ใจในทุกรายละเอียด

ห้องนอนหลักมีขนาดกว้างขวาง โดดเด่นด้วยหน้าต่างขนาดใหญ่พร้อมผ้าม่านโปร่งสีขาว ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูสว่างยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เช่น สีเบจ น้ำตาลอ่อน และขาวครีม สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและสง่างาม เตียงนอนขนาดใหญ่เป็นจุดเด่นของห้อง บุหัวเตียงด้วยผ้าสีน้ำตาลอ่อน พร้อมผ้าคลุมเตียงลายกราฟิกสีขาว-ดำที่เพิ่มความมีสไตล์ให้กับห้อง นอกจากนี้ยังมีโคมไฟตั้งโต๊ะทั้งสองข้างของเตียงเพื่อการอ่านหนังสือหรือสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นในช่วงเวลาก่อนเข้านอน ผนังด้านในกลายเป็นพื้นที่แสดงของตกแต่งที่สวยงาม มีทั้งหนังสือ ต้นไม้ และของประดับต่างๆ ช่วยสร้างความรู้สึกเป็นบ้านและแสดงถึงรสนิยมของผู้อยู่อาศัย 
ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัว ที่ได้รับการออกแบบอย่างหรูหรา ห้องแต่งตัวมีโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกระจกขนาดใหญ่และแสงไฟที่เหมาะสม ด้านในติดตั้งอ่างล้างหน้าแบบ His & Her จะอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ 
“We are most alive when we are in love.”

– John Updike 
ส่วนภายในห้องน้ำก็ตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนดูเรียบหรู แยกส่วนเปียก-แห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ โครงการติดตั้ง Freestand Bathtub ของยี่ห้อ KÄSCH จากเยอรมนีเอาไว้ให้แล้ว พร้อมสุขภัณฑ์แบบ Washless ให้เป็นของแบรนด์ KASCH เช่นกัน อีกด้านจัดเตรียม Shower Box พร้อมฝักบัวและ Rain Shower มาให้แล้ว 
#โดยสรุป VIVALDI BANGNA เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในระดับ Luxury ที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มองหาบ้านในทำเลบางนาสามารถเชื่อมต่อกับถนนได้หลายสาย ใกล้แหล่งสาธารณูปโภคและรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ที่สำคัญคือการสร้างบรรยากาศร่วมภายในโครงการให้เราได้มีความสดชื่น ร่มรื่น อบอุ่น ผ่อนคลายในทุกวัน ราวกับได้ใช้ชีวิตตามท่วงทำนองที่เปลี่ยนผ่านไปตามกาลเวลาของบทเพลง “The Four Seasons” จาก Antonio Vivaldi สะท้อนถึงความงดงามของชีวิตที่มีสมดุลระหว่างธรรมชาติและความหรูหราในราคาที่คุณก็เป็นเจ้าของได้

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1232
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน