The One Signature Bangna – Rama 9

“𝐀𝐥𝐰𝐚𝐲𝐬 𝐛𝐞 𝐚 𝐟𝐢𝐫𝐬𝐭-𝐫𝐚𝐭𝐞 𝐯𝐞𝐫𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐨𝐟 𝐲𝐨𝐮𝐫𝐬𝐞𝐥𝐟 𝐚𝐧𝐝 𝐧𝐨𝐭 𝐚 𝐬𝐞𝐜𝐨𝐧𝐝-𝐫𝐚𝐭𝐞 𝐯𝐞𝐫𝐬𝐢𝐨𝐧 𝐨𝐟 𝐬𝐨𝐦𝐞𝐨𝐧𝐞 𝐞𝐥𝐬𝐞” คนที่พูดคือ Judy Garland นักแสดงสาวชาวอเมริกันจาก The Wizard of Oz ซึ่งกว่าที่เธอจะโด่งดังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก

.

นี่เป็นวลีที่กานต์ใช้บอกตัวเองเสมอ คอยเป็นเครื่องเตือนใจว่าความสมหวังและความสำเร็จที่แท้จริงของเรา มาจากการยอมรับในตัวตนที่เราเป็นแทนที่จะพยายามเลียนแบบคนอื่น เพราะท้ายที่สุดแล้วการที่เราเป็นคนจริงใจและซื่อสัตย์ต่อความพยายามของตนเองนั้นแหละถึงจะคู่ควรแก่การได้รับรางวัลชีวิต

.

#การเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดนั้นมันดีอยู่แล้ว

.

ในเชิงสถาปัตยกรรมและการออกแบบก็เช่นกัน การสร้างที่อยู่อาศัยดีๆ ขึ้นมาสักหนึ่งโครงการ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย สถาปนิกจึงพยายามสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ โดยที่ไม่ต้องเลียนแบบใคร ไม่ตามกระแส พยายามสร้างงานที่มี Signature ของตัวเอง เพื่อวัตถุประสงค์หลักคือการทำให้บ้านเป็นมากกว่าที่พักอาศัย เพราะสุดท้ายบ้านต้องตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกทุกคนได้อย่างดีที่สุด

.

สำหรับกานต์แล้ว แนวคิด 𝐏𝐎𝐑𝐓𝐀𝐋 𝐓𝐎 𝐘𝐎𝐔𝐑 𝐔𝐍𝐈𝐕𝐄𝐑𝐒𝐄 จึงกินความหมายมากกว่าการเปิดโลก แต่เหนือกว่าด้วยการเป็นที่หนึ่ง (Number One) ในแบบที่เราเป็น ใช้ชีวิตไปในแนวทางที่ต้องการ เพราะสุดท้ายเราก็เป็นสถาปนิกออกแบบชีีวิตตัวเองด้วยกันทั้งนั้น

.

กานต์ได้มาสัมผัสกับ 𝐓𝐡𝐞 𝐎𝐧𝐞 𝐒𝐢𝐠𝐧𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐁𝐚𝐧𝐠𝐧𝐚-𝐑𝐚𝐦𝐚 𝟗 (เดอะ วัน ซิกเนอเจอร์ บางนา-พระราม 9) โครงการคุณภาพจากนัมเบอร์วัน เฮ้าส์ซิ่ง ออกแบบเป็นบ้านหรู 3 ชั้นดีไซน์ใหม่ พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและลิฟต์ในบ้านทุกหลัง เพื่อเน้นตอบโจทย์คนทุกเจนเนอเรชันจะได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เน้นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตรายล้อมไปด้วยธรรมชาติในแบบ Private Luxury Living Residences เป็นไปตามแนวคิดนี้เลยครับ ด้วยภาพรวมของงานดีไซน์ที่หรูหราอย่างมีอัตลักษณ์ สถาปนิกออกแบบและจัดวางบ้านแต่ละหลังท่ามกลางบรรยากาศของธรรมชาติสีเขียว ท้องฟ้าและแสงแดดสีทอง

.

ชวนให้ลองจินตนาการไปถึงบ้านหลังใหญ่ที่มีแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างในช่วงตื่นนอนตอนเช้า แสงและเงาตกกระทบสระว่ายน้ำสาดส่องประกายเข้าไปช่วยให้ภายในบ้านดูสว่างไสว เรากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในบ้านที่มองเห็นพื้นที่สีเขียวชอุ่ม ตอนบ่ายแก่ๆ ไปนอนอาบแดดอยู่ริมสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน พร้อมกับจิบเครื่องดื่มแก้วโปรด เท่านี้ก็ทำให้เราได้มีความสุขกับชีวิตในแบบที่มันควรจะเป็นแล้วครับ

.

ติดตามอ่านเรื่องราวของโครงการ 𝐓𝐡𝐞 𝐎𝐧𝐞 𝐒𝐢𝐠𝐧𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞 𝐁𝐚𝐧𝐠𝐧𝐚-𝐑𝐚𝐦𝐚 𝟗 พร้อมภาพถ่ายที่กานต์นำมาฝากกันต่อด้านในได้เลยครับ

.

สนใจดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

โทร 099-382-8899

หรือ https://theonesignature.com/

โครงการ The One Signature Bangna-Rama 9 (เดอะ วัน ซิกเนเจอร์ บางนา-พระราม9) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น จำนวน 71 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 24 ไร่

สิ่งที่น่าสนใจที่กานต์ให้น้ำหนักเป็นอย่างแรกเลยคือเรื่องของโลเคชั่นถือว่าตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งบนถนนวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออก ตั้งขนานยาวไปกับแนวถนนด้านหน้าโครงการ สามารถเชื่อมต่อกับถนนสายหลักได้หลายสาย การเดินทางสามารถใช้ทางด่วนบูรพาวิถี จากนั้นขับตรงมาอีกเล็กน้อยไม่ถึง 10 นาทีก็จะถึงที่โครงการ สะดวกในการเชื่อมต่อทั้งถนนบางนา-ตราด, วงแหวนกาญจนาภิเษก, ศรีนครินทร์, อ่อนนุชและสุขุมวิท ทั้งยังใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (สถานีลาดกระบัง) และรถไฟฟ้า BTS สายสีเหลือง (สถานีกลันตัน) 
รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าเมกา บางนา, พาราไดซ์ พาร์ค, ชิค รีพับลิก บางนา, ซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ และเซ็นทรัล บางนา นอกจากนี้ยังมีคอมมูนิตี้มอลล์, ร้านอาหารชื่อดัง, คาเฟ่ และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งยังใกล้สถานศึกษาชั้นนำ อาทิ Didyasarin International Preparatory School Bangkok, Berkeley International School, Charter International School, โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง 2, โรงแรมเตรียมอุดมศึกษา พัฒนาการ ฯลฯ

ส่วนสถานพยาบาลใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9, โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, โรงพยาบาลสินแพทย์ ศรีนครินทร์ โรงพยาบาลไทยนครินทร์และโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ เป็นต้น 
อีกเรื่องที่กานต์ให้ความสนใจคืองานดีไซน์ที่เน้นการเชื่อมโยงวิถีชีวิตของคนเมืองให้เข้ากับธรรมชาติ เหมือนที่ Frank Lloyd Wright สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกันที่เป็นต้นตำรับของงานสถาปัตยกรรมอินทรีย์ กล่าวไว้ว่า “ถ้าบ้านจะเป็นสถาปัตยกรรมก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ตามธรรมชาติและที่ดินเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายที่สุด”
เราจึงได้เห็นงานดีไซน์ที่หรูหราทว่าเรียบง่ายของ Clubhouse และบ้านทุกหลังในโครงการ The One Signature Bangna-Rama 9 ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ ธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายมาเป็นคอนเซปต์ “PORTAL TO YOUR UNIVERSE” – เปิดโลกในแบบที่เป็นคุณ ซึ่งเป็นนิยามใหม่ของความหรูหราที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ด้วยการออกแบบที่จุดประกายความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่รู้จบ เลือกใช้วัสดุที่มีเส้นสายลวดลายจากไม้และหินธรรมชาติมารังสรรค์เป็นสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นด้วยมิติเหลี่ยมมุมแบบไม่ซ้ำใคร เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความเหนือระดับ สะท้อนภาพลักษณ์ความหรูหรา ทันสมัยของผู้พักอาศัย ที่มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวในระดับสูงสุดนั่นเองครับ 
เรามาถึงด้านหน้าโครงการ ประทับใจกับ Main Gate สีโรสโกลด์ประดับไฟส่องประกายโดดเด่นมาแต่ไกล ทำให้มองเห็นเด่นเป็นเอกลักษณ์ ด้านหน้ามีสะพานข้ามคลองสาธารณะ ประตูทางเข้าออกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง กั้นด้วยประตูรั้วรางเลื่อนเพื่อความปลอดภัยและเป็นระเบียบ การเข้าออกเป็นระบบอ่านแผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ (License Plate) โดยมีป้อมรปภ.แทรกตัวอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ฝั่ง เพื่อทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านและดูแลความปลอดภัย
ทันทีที่เข้าไปภายในโครงการ เราสามารถสัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์ในการพักอาศัยด้วยพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ โดยมีไฮไลท์คือ Signature Club ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรูปทรงเพชร (Diamond Shape) และเทคนิคแกะสลัก (Carving) สร้างรูปทรง 3 มิติ ให้เป็นผลงานระดับ Master Piece ที่โดดเด่น วางผังอาคารและฟังก์ชันของ Clubhouse ให้มีความต่อเนื่องและเชื่อมกันทุกส่วนจนไปถึงสวนส่วนกลาง โครงการได้ออกแบบให้มีระยะถอยร่นจากถนนหลักด้านหน้าโครงการ จัดทำเป็นสวนและมีแนวต้นไม้น้อยใหญ่คอยทำหน้าที่เป็น Buffer ช่วยป้องกันเสียงได้ดีทีเดียวเมื่อขับรถเข้ามาในโครงการเราจึงแทบจะไม่ได้ยินเสียงรถราที่วิ่งอยู่ข้างนอกเลยครับ 
บรรยากาศของโครงการผมว่าเรียบหรูดูดีมาก บ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่ท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงาม ด้วยระบบสายไฟใต้ดินทั้งโครงการเพื่อนำเสนอความงามของสถาปัตยกรรมแห่งการอยู่อาศัยได้อย่างเต็มที่ จัดวางผังบ้านในแนวทิศเหนือใต้ ทำให้ได้ลดปัญหาเรื่องการรับแดด แต่ไปรับทิศทางลมแทน ช่วยเรื่องการไหลเวียนถ่ายเทและประหยัดพลังงาน ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน (Passive Ventilation) เน้นหลักความเป็นส่วนตัวในการออกแบบตามคอนเซปต์ “Private Luxury Living Residences” โครงการมีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบ ดังนี้ 

Venti บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 66.9-91.2 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 400 ตร.ม.�– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / ห้องอเนกประสงค์ / ห้องแม่บ้าน / 3 ที่จอดรถ / ลิฟต์

Trenda บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 87.4-135.3 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 560 ตร.ม.�– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / ห้องอเนกประสงค์ / ห้องแม่บ้าน / 4 ที่จอดรถ / ลิฟต์ / สระว่ายน้ำส่วนตัว
กานต์พามาชมบ้านตัวอย่างแบบบ้าน Trenda เป็นบ้านหน้ากว้างที่มาพร้อมกับ Private Pool Villa ตัวบ้านใช้โครงสร้างแบบ Conventional ก่ออิฐฉาบปูน ข้อดีก็คือเราสามารถแก้ไขต่อเติมได้ในอนาคต หลังคาเป็นทรงโมเดิร์นแบบโครงถักมีลักษณะเป็นแนวลาดลงล้อมด้วยขอบอาคารยกสูง ปิดผิวด้วยเมทัลชีท ซึ่งข้อดีก็คือทำให้ระบายน้ำได้ดีเมื่อยามฝนตก มีความสวยงามและน้ำหนักเบาพร้อมติดฉนวนกันความร้อน 

ดีไซน์ภายนอกเป็นบ้านหน้ากว้าง โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความเรียบหรูและเส้นสายที่คมชัด จัดเรียงองค์ประกอบของเส้นตั้งเป็นเอกลักษณ์ งาน Exterior เลือกใช้สีเอิร์ธโทนที่มีเฉดแตกต่างกันออกไปพร้อมด้วยวัสดุที่ให้ Texture หลากหลาย เช่น งานปูน แผ่น Stone veneer สีเทา และ Facade ด้านหน้าเป็นซี่ระแนงไม้สีน้ำตาลแดงที่ดูเรียบง่ายให้ความเป็นส่วนตัว พร้อมไฮไลท์คือเฉดสีโรสโกลด์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของบ้านในโครงการที่ทำให้เกิดเส้นสายที่โดดเด่นโดยเฉพาะเมื่อยามต้องแสงแดดตอนเช้า เกิดเป็นเงาของเส้นสายบริเวณ Facade ด้านหน้า ทำให้บ้านดูมีมิติที่หลากหลายน่าสนใจและให้ความเป็นส่วนตัว 
หน้าบ้านสามารถจอดได้ 4 คัน โครงการได้วางระบบ Wallbox ในการติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟสแบบ 50/150 เพื่อรองรับสำหรับบ้านไหนที่มีรถยนต์ไฟฟ้า บริเวณลานจอดรถทางโครงการได้ลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านเพื่อป้องกันการทรุดเอาไว้ให้แล้ว ส่วนรั้วทางเข้าบ้านเป็นประตูเหล็กรางเลื่อนซึ่งโครงการได้ติดตั้งมอเตอร์สำหรับทำเป็นรางเลื่อนไฟฟ้าเปิดปิดด้วยรีโมทคอนโทรลเอาไว้ให้แล้วด้วยครับ พร้อมกับติดตั้ง CCTV มาให้ 1 จุด นอกจากนี้ ยังมีช่องขนาดใหญ่สำหรับเก็บของไม่ว่าจะเป็นถุงกอล์ฟ จักรยานพับได้ หรืออุปกรณ์ทำสวน ทำให้บ้านดูเป็นระเบียบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น
เปิดประตูเข้ามาดูภายในบ้านตัวอย่างกันก่อนครับ ประตูทางเข้าเป็นบานเหล็กปิดลายไม้ของ TOSTEM แบรนด์ชื่อดังระดับโลก โดยได้ติดตั้ง Digital Door Lock จากแบรนด์ Alpha มาให้ด้วยแล้ว ด้านข้างเจาะช่องเป็นกระจกฝ้าเพื่อเปิดให้แสงเข้ามาภายในบ้านได้ ส่วน Foyer ด้านหน้าจัดวางสตูลเตี้ยสำหรับนั่งสวม-ถอดรองเท้าและแบ่งพื้นที่อีกฝั่งสำหรับ Built-in ตู้เก็บรองเท้าเอาไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน
ผังบ้านจะออกแบบเป็นรูปตัวแอล (L-Shape) ล้อมรอบสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางด้านใน ข้อดีก็คือเราสามารถเปิดรับวิวสระว่ายน้ำได้ในทุกมุมของบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ในห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือแม้แต่ในห้องเอนกประสงค์

กานต์พาเข้าไปภายในบ้านกันบ้างครับ เราเริ่มเดินชมกันจากพื้นที่ทางด้านซ้ายกันก่อนเลย เป็นห้อง Multi-Purpose ซึ่งจริงๆ ห้องนี้สามารถปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่างได้เช่นกัน เพราะออกแบบให้มีห้องน้ำในตัว แต่ทางโครงการไม่นับเป็นห้องนอนครับ เพราะตั้งใจให้ผู้สูงอายุขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบนกับลูกหลานได้ เพราะบ้าน Type นี้ติดตั้งลิฟต์เอาไว้ให้แล้วยังไงล่ะครับ 
ดังนั้น บ้านตัวอย่างจึงตกแต่งให้ห้องนี้เป็นเล้าจน์สำหรับนั่งดื่มเบาๆ หรือเป็นพื้นที่ต้อนรับแขกคนสนิท เอาไว้นั่งคุยงานไปพลางจิบเครื่องดื่มเบาๆ ไปด้วยช่วยให้การเจรจาธุรกิจราบรื่นขึ้นได้แน่ๆ ภายในดีไซน์เรียบขรึมดูเท่ดีครับ ประกอบกับอาร์มแชร์หนังสีน้ำตาลสไตล์วินเทจ ทำให้ห้องนี้สะท้อนคาแรกเตอร์ของเจ้าของบ้านที่มีความเรียบนิ่งเท่ได้ดี 

ห้องนี้จะเชื่อมต่อกับสวนและสระว่ายน้ำด้านนอกด้วยครับ เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของแบบบ้าน Trenda เพราะจะมีพื้นที่ว่างรอบบ้านให้เราจัดสวนสวย มี Pavillion และสระว่ายน้ำที่ เชื่อมต่อกับทุกห้องด้วยผนังเป็นกระจกใสบานใหญ่สามารถชมวิวได้จากภายในบ้านทุกจุด 
ทางโครงการออกแบบให้มี Living Area ขนาดใหญ่ ถ้าสังเกตให้ดีจะพบรายละเอียดในการออกแบบที่น่าสนใจและแตกต่างจากบ้านโครงการอื่นทั่วไป คือภายในบ้านจะรายล้อมด้วยกระจกสูง ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และออกแบบให้เป็นโถงสูงแบบ Double Volume ความสูงประมาณ 6.6 เมตร ทำให้เปิดรับช่องแสงได้มากขึ้นและชมวิวสวนและสระว่ายน้ำได้เต็มที่ ซึ่งนี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ตอบโจทย์ความเป็นบ้านสไตล์ Modern ได้ดี
ภายในเป็น Common Area ที่มีขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่ชั้น 1 ซึ่งถือเป็นพระเอกของบ้านเลยครับ เพราะเป็นพื้นที่กลางสำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว รวมถึงสามารถรับแขกได้ โดยแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ แบบ Open Plan เพื่อให้เราสามารถออกแบบรังสรรค์ได้ตามความชอบและไลฟ์สไตล์ โดยมี Living Area ที่ดูสูงโปร่งด้วยโถงที่จรดชั้น 2 สามารถมองจากชั้นบนลงมาได้
พื้นที่ชั้นล่างภายในบ้านแสดงถึงการเชื่อมต่อกันของฟังก์ชันในโซนด้านในที่เป็นมุมรับประทานอาหารและสังสรรค์ เพราะมีทั้งมุมนั่งเล่นแบบโซฟาเล้าจน์เอาไว้นั่งจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลง ก่อนที่เราจะไปทานอาหารมื้อหลัก และยังมีมินิบาร์พร้อมแพนทรี ที่สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีให้กับเจ้าบ้านและแขก หรือแม้แต่คนในครอบครัวด้วยกันเอง นับว่าเป็นการออกแบบที่เป็นไปตามคอนเซปต์โครงการที่อยากจะเชื่อมต่อทุกคนภายในบ้านเข้าไว้ด้วยกัน และให้บ้านเสมือนเป็นสถานที่ของทุกคน
บริเวณ Living Area จัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ ผนังด้านในจัดวางสมาร์ททีวีขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับเพราะมีระยะห่างที่กว้างเพียงพอต่อการรับชม ฟีลลิ่งค่อนข้างสบายๆ ไม่อึดอัด กอปรกับผนังกระจกบานใหญ่ที่เปิดรับวิวสวนสีเขียวรอบบ้านดูสดชื่นดีมาก ผมชอบเวลาที่มีแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาภายใน กระทบกับเฟอร์นิเจอร์และ Chandelier ที่แวววาว ดูงดงามราวกับเป็นภาพจิตรกรรมที่มีชีวิต ติดตั้งผ้าม่าน 2 ชั้นสูงจากพื้นจรดเพดาน ส่งผลทำให้มุมนี้ดูกว้างขวางและโปร่งสบาย
ตัวบ้านดีไซน์สไตล์ Modern ที่มีความร่วมสมัยเหนือกาลเวลา (Timeless) สถาปนิกออกแบบได้อย่างปราณีต รายละเอียดภายในบ้านตัวอย่างดูแตกต่างจากที่ผมเคยเห็นที่อื่น ด้วยเป็นเพราะการเลือกสรรวัสดุจากแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เฟอร์นิเจอร์งานเวิล์ดคลาส เน้นการออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยจริง รองรับการใช้งานสำหรับสมาชิกภายในบ้านที่มีความต้องการหลากหลาย

ดังนั้น ฟังก์ชันต่าง ๆ ภายในบ้านจึงค่อนข้างมีความยืดหยุ่นแม้ว่าที่เราเห็นจะเป็นบ้านตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วก็ตาม
มุมโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งจัดไว้ 8 ที่นั่ง แต่ผมว่าเรามีขนาดพื้นที่มากเพียงพอที่จะติดตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ได้ถึง 10-12 ที่นั่งกันเลยทีเดียวครับ ด้านข้างมีเคาน์เตอร์มินิบาร์สำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่มเอาไว้ โซนนี้สามารถใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองแขก สำหรับนั่งจิบเบาๆ พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เป็นพรีดินเนอร์ก่อนเริ่มมื้ออาหารจริงเนื่องจากอยู่ติดกับ Dining Area
ด้านในเป็นครัวไทยมีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่น ทางโครงการติดตั้งเคาน์เตอร์เป็นรูปตัวแอล มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง สามารถแยกฟังก์ชันการทำงานของแม่บ้านในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน ออกแบบให้มีตู้เก็บของบน-ล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่ทำงานของแม่บ้านและลานซักล้าง พร้อมห้องนอนแม่บ้าน
แบบบ้าน Trenda จะมีความพิเศษคือมีสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน เป็นสระระบบเกลือขนาด 4×7 เมตร ความลึก 1.2 เมตร เราสามารถเปิดประตูกระจกออกได้เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างมุมนั่งเล่นภายในและสระว่ายน้ำภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน หากว่ามีพูลปาร์ตี้หรือกิจกรรมภายในบ้านก็สามารถเปิดออกได้ โครงการได้เว้นพื้นที่ขอบสระว่ายน้ำสำหรับนั่งเล่นแช่น้ำจากในบ้าน
นอกจากว่ายน้ำแล้ว ยังมี Pavillion สำหรับออกมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้า เล่นมือถือในวันพักผ่อนสบาย ๆ ภายในบ้านก็ได้เช่นกัน ผมว่าเป็นมุมที่ Vibes มากครับ
สวนรอบบ้านตัวอย่างปลูกต้นไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ ทั้งไม้ดอก ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้นฟอร์มเด่นสลับกันไปเพื่อให้เกิดร่มเงาและร่มรื่น เป็นการนำเอาศิลปะจากธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานสถาปัตยกรรม ทำให้บ้านดูร่มรื่นอยู่สบายและทำให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
ผมลองจินตนาการไปว่า ตอนนี้เด็กๆ กำลังเล่นน้ำสนุกสนานอยู่ในสระ และสมาชิกในครอบครัวบางส่วนนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ด้านนอก
หากเราเปิดม่านออกไปหรือเปิดประตูออกไป ก็จะได้มองเห็นวิวสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านที่เชื่อมต่อพื้นที่พักผ่อนระหว่างภายในกับภายนอกเข้าไว้ด้วยกัน เป็นบรรยากาศสบายๆ ของสมาชิกทุกคนในครอบครัว ดูอบอุ่นมากเลยครับ
ชั้นล่างจะมีห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน เป็นห้องน้ำแบบไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำแต่ได้ติดตั้งทั้งสุขภัณฑ์เอาไว้ให้แล้ว 

เราขึ้นบันไดไปชมชั้น 2 กันดีกว่าครับ บริเวณด้านข้างบันไดจะมีจอ Monitor ติดตั้งไว้ ให้เราสามารถดูภาพจากกล้อง CCTV บริเวณหน้าโครงการและบริเวณหน้าบ้านตัวเองได้หากมีแขกไปใครมาหรือว่าต้องการติดต่อกับ รปภ. ก็สามารถโฟนได้จากจุดนี้ 

นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยรอบบ้าน อาทิ Magnetic และ Shock Sensor บริเวณชั้น 1 และ 2, ติดตั้ง Cube Motion Sensor เพื่อตรวจจับความเคลื่อนไหวแล้วส่งสัญญาณเข้าโทรศัพท์มือถือได้ทันทีที่พบความผิดปกติ, ระบบเปิดปิดไฟอัตโนมัติ พร้อมติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณโรงจอดรถ เป็นต้น 

กานต์เก็บภาพมุมมองจากโถงบันไดเชื่อมต่อไปยัง Living Area มาให้ได้ชมกัน เป็นบ้านที่สวยมากจริงๆ ครับ
ที่ผมชอบคือการออกแบบให้บ้านมีลิฟต์ทุกหลังอยู่ติดกับบันไดเพื่อให้เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โครงการติดตั้งลิฟต์ให้เป็นของ Hitachi ขนาดใหญ่เพื่อให้วีลแชร์เข้าไปได้ ออกแบบให้หน้าบานเป็นกระจกใสจะได้มองเห็นสมาชิกที่อยู่ด้านในได้ แต่เราจะใช้วิธีเดินขึ้นบันไดไปชมชั้น 2 กันก่อนครับ 

โดยบันไดของที่นี่จะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทำให้ได้เรื่องความแข็งแรงทนทาน ลูกนอนปิดผิวด้วยพื้น Engineering Wood ราวกันตกเป็นกระจกนิรภัยมือจับราวกันตกเป็นไม้ มองเห็นความเชื่อมต่อของพื้นที่ชั้นบนและชั้นล่างได้จากทางโถงบันไดและโถงสูงกลางบ้าน ทำให้สมาชิกในครอบครัวสามาถเชื่อมต่อกันและกันได้
ด้วยความที่โครงการติดตีั้งกระจกใส แสงจึงส่องผ่านมาถึงชั้นบนได้ทำให้เราไม่ต้องเปิดไฟเลยครับ เป็นการช่วยประหยัดพลังงานไปในตัว 

ชั้นบนปูพื้นด้วย Engineered Wood ลายไม้ให้ความรู้สึกถึงสัมผัสของธรรมชาติ
ชั้น 2 เป็นพื้นที่ของ Master Bedroom ทั้งชั้นเลยครับ โดยแบ่งฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง คือห้องนอนฝั่งด้านหน้าบ้านและ Family Area ส่วนตรงกลางเป็นช่อง Void สำหรับเชื่อมต่อโถงจากชั้นล่างแบบ Double Volume ห้องนอนจะเน้นความกว้าง เห็นได้จากประตู หน้าต่างของทุกห้องภายในบ้านจะออกแบบให้เป็นบานใหญ่เป็นกระจกเขียวตัดแสงเพื่อทำให้บ้านดูโปร่งโล่งอยู่สบายไม่อึดอัด ยอมรับเลยว่าต้นทุนก่อสร้างสูงอยู่เหมือนกันนะครับ แต่โครงการก็ใจป้้ำดีจัดสเปคเต็มมาให้เลยครับ
บริเวณโซนพักผ่อนจะมี Foyer บริเวณหน้าห้อง ซึ่งข้อดีก็คือจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวเนื่องจากจะยังไม่ถึงส่วนเตียงนอนในทันทีและช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ในระดับหนึ่ง บริเวณนี้มี Pocket Garden ช่วยเพิ่มความสดชื่นภายในห้องนอนไว้ด้วย โดยโครงการเดินระบบท่อระบายน้ำเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ
ด้านในจัดวางชุดโซฟาเบดสำหรับพักผ่อน นอนอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรมก่อนนอนแบบส่วนตัว ผนังฝั่งตรงข้ามสามารถติดตั้งทีวีจอใหญ่ได้ แนะนำว่าให้ใช้เป็นทีวีแบบแขวนเหมือนบ้านตัวอย่างก็จะช่วยให้บ้านดูโมเดิร์นยิ่งขึ้นครับ
การออกแบบจะเน้นความโปร่งสบาย เนื่องด้วยขนาดพื้นที่ใหญ่อย่างที่บอกไปและภายในห้องเปิดช่องแสงจากธรรมชาติภายนอกโดยรอบ สามารถติดตั้งผ้าม่านทึบแสงเพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้นได้ แต่ถือว่าดีมาก เพราะแสงส่องสว่างเข้าห้องได้ตลอดทั้งวันโดยแทบไม่ต้องเปิดไฟ อีกทั้งยังสามารถเปิดประตูออกไปตรงบริเวณระเบียงเพื่อสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนก็ได้เช่นกัน 

พื้นที่ในโซนพักผ่อนจัดวางเตียงนอนคิงส์ไซส์ไว้ตรงกลาง ขนาบทั้ง 2 ข้างด้วยช่องแสงจากประตูกระจกใสบานใหญ่ ผมชอบในการลงรายละเอียดของการออกแบบก็คือมี Sitting Area บริเวณปลายเตียงจะนั่งชมทีวี หรือจะเป็นพื้นที่สำหรับเอกเขนกก็ได้ตามใจ อาจจะติดตั้งโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้สำหรับผู้บริหารที่ต้องทำงานตอนเช้าหรือเคลียร์งานช่วงก่อนนอน 
ส่วนด้านในจะเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet รายล้อมด้วยตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่สูงจรดเพดานพร้อม Island ตรงกลางสำหรับจัดวางเครื่องประดับ เป็นห้องแต่งตัวที่ดูหรูหรามาก ด้านในมีโต๊ะเครื่องแป้ง จัดวางน้ำหอมกลิ่นโปรดและเครื่องสำอางได้เยอะมาก มองออกไปจากห้องแต่งตัวจะเห็น Pocket Garden ตรงหน้า ช่วยเพิ่มสุนทรียะในการแต่งตัวออกงานได้แฮปปี้ยิ่งขึ้น
ขณะที่ Master Bathroom จะอยู่ด้านในสุดเชื่อมต่อกับห้องแต่งตัวซึ่งห้องน้ำก็มีขนาดค่อนข้างกว้างเช่นกัน แยกส่วนการใช้งานแบบเปียกแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ภายในมีอ่างล้างหน้าแบบ His & Her แยกกันระหว่างคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงพร้อมกระจกเงาบานใหญ่

แต่ที่เราชอบคือออกแบบให้เชื่อมต่อกับพื้นที่แต่งตัวแบบ Walk in Closet ชนิดที่ว่า ออกจากห้องน้ำมาก็เดินเข้าห้องแต่งตัวได้ทันที ทำให้มีความเป็นส่วนตัวและสะดวกมากครับ
ส่วนตัวกานต์ชอบภาพนี้มาก ถ่ายจากห้องแต่งตัวเข้าไปได้แสงจากธรรมชาติด้านข้าง เป็นภาพอ่างอาบน้ำสีขาว โครงการติดตั้งให้เป็นแบบลอยตัวของ KASCH ระหว่างแช่น้ำก็จะมองเห็นพื้นที่สีเขียวด้านนอกเติมความสดชื่นดีครับ ใกล้กันเป็นห้องสุขาแยกเป็นห้องกระจกเอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน ติดตั้งสุขภัณฑ์ของ Kohler เอาไว้ให้ ติดกันเป็นพื้นที่ของ Shower
ภายในบ้านตัวอย่าง ตกแต่งในสไตล์ที่เน้นความโมเดิร์น ของเส้นสาย ลวดลายคิ้วบัว โคมไฟ ประดับผนัง เปิดช่องแสงรอบบ้านผ่านกระจกใสทำให้บ้านดูหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางรองรับการอยู่อาศัยได้หลายเจนเนอเรชั่น แต่ทั้งนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ เพราะภายในตัวบ้านเน้นการจัดวางฟังก์ชันให้เชื่อมต่อกันทุกพื้นที่ ในรูปแบบ Open Plan

บริเวณชั้นสองจะมีห้องฝั่งด้านหลังบ้านเป็น Family Area จัดวางชุดโซฟาเอาไว้ให้นั่งพูดคุย ดูหนังหรือจะปรับฟังก์ชันให้เป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับทำงาน Home Office ห้องพระ หรือห้องสำหรับไลฟ์สดขายของออนไลน์ก็เข้าท่าดีนะครับ
ไอเดียจากบ้านตัวอย่างทำเป็นฟิตเนสภายในบ้าน มีพื้นที่สำหรับจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้พร้อมสรรพและผนังด้านหนึ่งติดตั้งกระจกเงาให้เราได้เช็คท่วงท่าขณะออกกำลังกายได้ ส่วนบริเวณระเบียงก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถเปิดประตูออกไปนั่งพักผ่อนชมวิวสวนและสระว่ายน้ำได้สบายเลยครับ
อีกหนึ่งดีเทลที่ผมชอบสำหรับการออกแบบห้องนอนหลักคือการออกแบบให้มีห้องเล็กด้านในพร้อมเคาน์เตอร์และตู้ทรงสูงสำหรับเก็บของ ด้านล่างมีตู้แช่สำหรับเก็บไวน์ น้ำดื่ม ครีม เครื่องสำอางและยาที่ต้องแช่เย็น ทำให้สะดวกต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้นในตอนกลางคืน
เรากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 3 กันบ้างครับ ลิฟต์ที่โครงการติดตั้งมาให้ตั้งใจเซ็ทระบบให้หน่วงนิดๆ จะขึ้นลงค่อนข้างช้า เนื่องจากต้องรองรับการโดยสารของผู้สูงอายุด้วย โดยเฉพาะการใช้วีลแชร์ในการขึ้นลง

ในกรณีฉุกเฉิน ลิฟต์จะคำนวนน้ำหนักของผู้โดยสารด้านใน หากน้ำหนักน้อยลิฟต์จะขึ้นไปยังชั้นที่อยู่ใกล้ที่สุดโดยอัตโนมัติ ส่วนถ้ามีผู้โดยสารหลายคน ลิฟต์จะลงมาจอดที่ชั้น 1 เสมอเป็นไปตามระบบความปลอดภัย
ชั้น 3 ออกแบบให้มี มี Family Area ที่เชื่อมต่อกับห้องนอนรอง เพื่อทุกห้องรองรับการทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัว แต่การออกแบบจะลงดีเทลให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง จัดวางชุดโฟซาขนาดใหญ่เอาไว้ได้เลย การตกแต่งภายในบ้านเลือกใช้สีเอิร์ธโทนเป็นหลัก เพื่อให้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ผสานเข้ากับความคลาสสิคของผนังลายไม้ ตู้โชว์ ตลอดจนผ้าม่านโปร่งสีขาวที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกเบาสบาย พริ้วไหวไปตามแรงลม 

ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าการวางผังของห้องนอนรองทั้ง 3 ห้องบนชั้นนี้จะมีการบังเหลี่ยมมุมกันอยู่เพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวของสมาชิกแต่ละห้อง 

ขณะเดียวกันการจัดวางเตียงนอนจะไม่อยู่ใกล้ทางเข้าประตูเสียทีเดียวนัก จะดีไซน์ให้อยู่ลึกเข้าไปด้านใน เผื่อที่ว่าต้องการใช้พื้นที่ส่วนตัวแล้วมีสมาชิกคนอื่นเดินผ่านมาก็ไม่สามารถมองเห็นได้ในทันที 
ห้องนอนรองของทุกห้องในบ้านจะเป็นแบบ En Suite คือมีห้องน้ำในตัวทุกห้อง 

เราเริ่มจากห้องแรกโซนปีกซ้ายฝั่งด้านหลัง ทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ บ้านตัวอย่างตกแต่งในห้องนี้ด้วยโทนสีขาวดูสบายตา ทว่าเติมสีสันให้กับห้องให้ดูสดใสตามสไตล์วัยรุ่นขึ้นมาหน่อย เราจึงได้เห็นหมอนอิงลายกราฟฟิคสีขาวแดงและเก้าอี้นั่งทำการบ้านสีส้มสดใส ในขณะที่ภาพรวมของห้องยังคุมโทนให้เข้ากับการตกแต่งบ้านทั้งหลังโดยเน้นสีละมุนตา

เตียงนอนขนาดใหญ่จัดวางไว้ด้านในสุดเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวเหมือนที่บอกเอาไว้ หัวเตียงบุนวมสีเทาควันบุหรี่ดูหรูหรา หัวเตียงเปิดช่องแสงเอาไว้ทั้ง 2 ฝั่งซ้ายและขวามาพร้อมกับโต๊ะเตี้ยที่จัดวางโคมไฟส่องสว่างตอนกลางคืนเอาไว้ให้
ปลายเตียงเป็นเคาน์เตอร์ยาวเชื่อมต่อกันไปจนถึงโต๊ะทำงานและเป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปในตัวที่อยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นไปอีก ใกล้กันมีพื้นที่ว่างพอที่จะจัดวางอาร์มแชร์ให้นั่งเล่นได้

ติดกันจะเป็นตู้เสื้อผ้าบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดานวางเรียงรายยาวไปจนถึงหน้าทางเข้าห้องน้ำ ทำให้สะดวกต่อการใช้งานจริง เมื่อออกจากห้องน้ำก็สามารถแต่งตัวต่อที่โซนนี้ได้เลยครับ ทำให้จบให้พื้นที่เดียว ส่วนห้องน้ำจะมีอ่างล้างมืออยู่ตรงกลางด้านหน้า ซ้ายมือเป็นสุขภัณฑ์ โครงการให้เป็นของ Kohler ส่วนด้านขวาเป็นห้องอาบน้ำฉากกั้นเป็นกระจกนิรภัย เรียกได้ว่าให้มาครบครันตอบสนองทุกความต้องการเลยล่ะครับ
ห้องนอนถัดมาจะอยู่ติดกัน จัดวางผังห้องเป็นแนวขวางตามแปลนหน้าบ้าน ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันไว้ลงตัว โดยมีเตียงนอนขนาดใหญ่จัดวางเอาไว้ด้านในสุด ซึ่งจะไม่ตรงกับตำแหน่งประตู ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น 

ส่วนปลายเตียงจัดวางคาบิเนทแบบลอยตัวสำหรับวางทีวี โดยปรับให้มุมแต่งตัวและห้องน้ำมาอยู่ฝั่งด้านหน้าประตูทางเข้าแทนครับ
เปิดรับช่องแสงจากผนังกระจกด้านข้างทั้งซ้ายและขวา ทำให้เป็นห้องนอนที่ค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกโล่งทั้งแบบเดียวกับ Master Bedroom เลยครับ สามารถเปิดช่องแสงเข้าได้มากกว่าบ้านทีั่วไป ตอบโจทย์ของวัยรุ่นเจ้าของห้องที่มีความรักในอิสระ ในห้องอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ผมชอบมากเลยครับ 

เมื่อเดินเข้าห้องนี้ เราจะพบกับโถงทางเดินเข้ามาภายในห้องนอน ด้านซ้ายจะเชื่อมต่อกับห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closert และมุมโต๊ะเครื่องแป้ง ถัดเข้าไปจะเป็นห้องน้ำซึ่งที่แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้ว โครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ของ Kohler พร้อมกับ Shower Box เป็นกระจกนิรภัยและติดตั้งฝักบัวอาบน้ำมาให้แล้ว
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมชอบสำหรับห้องนี้ก็คือการที่ห้องนอนรองห้องนี้มีระเบียงให้ทั้ง 2 ฝั่งคือหันหน้าออกไปทางด้านหน้าบ้านเพื่อดูความเคลื่อนไหวและหากใครซื้อบ้านโซนหน้าสวนก็ยิ่งได้เปรียบครับทำให้ได้ชมวิวสวยๆ แบบส่วนตัว ซึ่งวิวนี้อาจจะต้องรีบหน่อยนะครับเพราะบ้านแปลงหน้าสวนมีจำนวนไม่มากแต่ขายดีมาก ส่วนระเบียงอีกฝั่งจะมองเห็นสระว่ายน้ำภายในบ้านและสวนตรงกลาง ทำให้ห้องนี้ค่อนข้างน่าสนใจและออกแบบได้ลงตัวดีครับ
ห้องนอนรอง 4 จะมีขนาดใหญ่สุดราวกับเป็น Master Bedroom อีกห้องอยู่โซนด้านหลังบ้าน บ้านตัวอย่างตกแต่งห้องนี้ในคาแรกเตอร์ที่มีความโมเดิร์น ดูชิคแต่ยังคงความเรียบหรูโก้เอาไว้ 

เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับมุมนั่งเล่นอยู่กึ่งกลาง ส่วนเตียงนอนและโซนพักผ่อนจะอยู่ค่อนไปทางด้านในทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว
เราค่อนข้างชอบการตกแต่งมุมนี้เป็นพิเศษ เน้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์แบบฟรีฟอร์ม ดูสบายตา เลือกสีโทนสดใสอย่างอาร์มแชร์หนังสีส้มเข้ามาแซมเพื่อเพิ่มสีสันให้บ้านที่เป็นเอิร์ธโทนสีเทา ขาว ดำ น้ำตาลเสียเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มุมนี้ของบ้านดู Cozy มากครับ ถัดมาเป็นมุมนั่งเล่นทำงานที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถปรับเป็นโซฟาทำเป็นมุม Living ภายในห้องนอนแบบส่วนตัวได้เลยครับ
ส่วนพักผ่อนจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้เกือบชิดผนังด้านใน ทำให้มีประตูกระจกที่เปิดช่องแสงเข้ามาภายใน มีพื้นที่โดยรอบเตียงสามารถเดินได้สบายเลยครับ หัวเตียงมีตู้เล็กสำหรับวางโคมไฟส่องสว่างตอนก่อนนอน หัวนอนกรุด้วยคิ้วบัวทำเป็นลายเส้นตรงดูอาร์ทดี
ส่วนด้านในเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ด้วยการ Built-in ตู้เสื้อผ้าขนาดกลางติดตั้งไว้ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นห้องน้ำในตัว มีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่หน้า ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย ทำให้สะดวกในการใช้งานแบบครบจบในจุดเดียว
จากบ้านตัวอย่างซึ่งอยู่โซนหน้า Clubhouse เรามองเห็นได้จากหน้าต่างภายในห้องนอนของบ้านได้เลยครับ บรรยากาศดีมากครับกานต์จะพาเดินไปชมสวนและพื้นที่ส่วนกลางกัน
ในส่วนของ Clubhouse เมื่อมองจาก Main Gate มาก็จะเห็นได้ทันทีถึงความหรูหรา อลังการของอาคารขนาดใหญ่ที่สระว่ายน้ำเป็นแนวขวางขนานไปกับด้านหน้าอาคารสโมสร ทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวกับสมาชิกคนอื่นๆ ภายในโครงการ เพราะข้อดีของการที่ Clubhouse อยู่โซนด้านหน้าโครงการ ทำให้เราเราสามารถนัดหมายแขกที่ไม่ต้องการให้เข้าไปที่บ้านให้มาพบปะพูดคุยธุระที่ Clubhouse แทนได้เลยครับ
พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ให้ความรู้สึกที่เงียบสงบ ร่มรื่น เป็นสถานที่แห่งความสบายใจเมื่อได้กลับมาถึงบ้าน ผมสังเกตว่าโครงการให้น้ำหนักกับพื้นที่สีเขียวเป็นหลักครับ ทั้งไม้พุ่ม ไม้ดอก และต้นไม้ใหญ่ โดยมีสนามหญ้าและสวนขนาดใหญ่เหมาะสำหรับกิจกรรมนันทนาการภายในครอบครัว พร้อมกับการจัดวางเก้าอี้ที่นั่งและมี Pavillion สีขาวดีไซน์โปร่งจัดวางเอาไว้ให้นั่งพักผ่อนอยู่ในสวน
มีจ๊อกกิ้งแทรกสำหรับเดินและวิ่งออกกำลังกายในช่วงเวลาเช้าและหลังเลิกงาน รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศดีมาก บางบ้านอาจจะพาน้องหมามาเดินเล่นเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างสมาชิกในครอบครัว รู้สึกอบอุ่นมากเลยครับ ด้วยความที่พื้นที่ส่วนกลางของโครงการเน้นการออกแบบวิถีชีวิตให้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ จึงเต็มไปสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่กระจายกันไปในหลายจุดทั่วบริเวณ พร้อมใจกันบานสะพรั่งให้สีสันสดใส ความสวยงามดุจภาพวาดของลวดลายของดอกไม้บนผืนหญ้า ทำให้บรรยากาศมีชีวิตชีวามากขึ้น
กานต์พาไปเดินชม Clubhouse กันบ้างครับ ที่นี่จะเรียกว่า Signature Club ออกแบบฟังก์ชันมาให้สอดคล้องกับ Main Sculpture ของโครงการ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากสัญลักษณ์อินฟินิตีมาพัฒนาให้เกิดการวางผังอาคารและฟังก์ชันของคลับเฮาส์ให้มีความต่อเนื่องและเชื่อมกันทุกส่วนไปถึงสวนส่วนกลาง ภาพรวมของงานดีไซน์จึงเป็นไปตามแนวคิด Private Luxury Living Residences 

การออกแบบ Signature Club มีกิมมิคจากการใช้วัสดุธรรมชาติ และการเน้นลวดลายเส้นสายของโทนสีโรสโกลด์เพื่อให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับ สร้างมิติให้กับตัวอาคารด้วยการดีไซน์โครงสร้างได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากรูปทรงเพชร (Diamond Shape) และเทคนิคแกะสลัก (Carving) สร้างรูปทรง 3 มิติ ให้เป็นผลงานระดับ Master Piece ที่โดดเด่น 

ดีเทลของงานออกแบบมีทั้งผนังแบบย่อมุม ผนังกระจกต่อเนื่องกันเป็นเหลี่ยมช่วยเพิ่มมิติให้ดูน่าสนใจ ประตูทางเข้าออกแบบให้มี Facade สีโรสโกลด์ดูหรูหราท่ามกลางผนัง Stone Veneer ที่ทำให้ดูยิ่งใหญ่อลังการตอบโจทย์การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติด้วยการเลือกใช้วัสดุเข้ามา
สระว่ายน้ำมีขนาดใหญ่มากแบบ Half-Olympic 7×25 เมตร ความลึก 1.2 เมตร เป็นสระระบบเกลือ เราสามารถว่ายน้ำออกกำลังกายแบบจริงจังได้เลยครับ แยกส่วนของสระเด็กออกไป ออกแบบให้อยู่ใกล้กับมุมนั่งพักผ่อนที่จัดวางชุดที่นั่งไว้โดยรอบสระว่ายน้ำ ข้อดีก็คือคุณพ่อ คุณแม่สามารถมานั่งพักผ่อน รอเด็กๆ ที่กำลังเล่นน้ำในสระอย่างสนุกสนาน ควบคู่ไปกับการชมวิวสวนสีเขียวได้ภายในเวลาเดียวกัน ด้วยความที่ขอบสระเป็นระบบน้ำล้น ทำให้ได้ยินเสียงน้ำไหลให้ความรู้สึกสดชื่นตลอดเวลา
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมว่าน่าสนใจและยังไม่ค่อยมีโครงการไหนมอบให้ นั่นก็คือ การออกแบบประสบการณ์ความหรูหราใหม่ ด้วย Butler Service เป็นบริการ Tailor Made ตามสั่งที่จะคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในโครงการ The One Signature Bangna-Rama 9 ทำให้เรื่องการดูแลบ้านหลังใหญ่ กลายเป็นเรื่องง่ายมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดสระว่ายน้ำ, ตัดแต่งสวน, ทําความสะอาดบ้าน, ล้างแอร์, ตรวจเช็คระบบประปา-ระบบไฟฟ้า หรือให้ไปบริการซื้อสินค้าที่นัมเบอร์วัน มาร์เก็ตก็ได้ ซึ่งใครที่ตัดสินใจซื้อบ้านในช่วงเปิดตัวโครงการ ตอนนี้มีโปรโมชั่นฟรีบริการ Butler Service ให้ด้วยนะครับ
กานต์พามาชมภายในของ Signature Lounge กันบ้าง ที่นี่เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เลือกใช้หิน ไม้และผ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานตกแต่ง ทำให้ได้ฟีลลิ่งของ Organic Architecture มากขึ้น ด้วยความที่ผนังเป็นกระจกใสทำให้เชื่อมต่อมุมมองของธรรมชาติจากภายนอกสู่ภายในอาคาร ทำให้ดูมีความร่วมสมัยอย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ยอมรับเลยครับว่า เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถ่ายรูปออกมาแล้วสวยมาก 

ชั้นหนึ่งเป็น Lobby Lounge สำหรับรับแขก เมื่อตอนมาถึงโครงการผมได้เข้าไปนั่งแล้วรู้สึกได้ถึงการออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนชมวิวสบายๆ มองออกไปเห็นวิวสวนสีเขียวและสระว่ายน้ำสีฟ้าสดใส สีสันของธรรมชาติที่แต่งแต้ม งดงามราวกับเป็นภาพวาด ได้อารมณ์อิมเพรสชั่นนิสต์เหมือนงานของ Paul Cezanne แต่ปัจจุบันยังเป็นสำนักงานขายของโครงการ ซึ่งลูกบ้านสามารถขึ้นไปใช้บริการที่ Signature Lounge บริเวณชั้น 2 แทนก่อนได้ครับ
เมื่อขึ้นบนมาชั้น 2 จะพบกับ Signature Lounge ซึ่งเป็นอีกหนึ่งห้องที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม ภายในมีเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเก้าอี้ทรงสูง ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบาร์หรูที่ยุโรป อีกทั้งยังจัดวางโซฟาดีไซน์ฟรีฟอร์มเพื่อให้รู้สึกถึงความอิสระ พริ้วไหว และช่วยลดทอดความแข็งกระด้างจากความเป็นอาคารสโมสรหลังใหญ่ บรรยากาศภายในจึงดูหรูหราทว่าอบอุ่นมากครับ สามารถจองเข้าใช้งานแบบสำหรับจัดเลี้ยงแบบส่วนตัวกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนได้เลยครับ
ภายในทางโครงการได้จัดเตรียมอุปกรณ์ในครัวไว้ให้พร้อมแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เตาอบ, ตู้เย็น, ถังน้ำแข็งแช่เย็น, เครื่องชงกาแฟ, อ่างล้างจาน รองรับการใช้งานทั้งแบบเดี่ยวและแบบกลุ่มเพื่อให้เกิดความสงบเป็นส่วนตัว หรือจะเชิญ Private Chef มาทำอาหารให้ทานกับกลุ่มเพื่อนและครอบครัวก็ได้ เพราะบางทีเราแค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากภายในบ้านแต่ก็ไม่อยากเดินทางไปไหนไกลๆ ตรงนี้ผมว่าน่าจะช่วยตอบโจทย์ได้สบายๆ เลยครับ อีกทั้งยังเหมาะกับวิถีชีวิตแบบ New Normal แบบนี้อีกด้วย
ตรงข้ามเป็นพื้นที่ของ Fitness ซึ่งก็มีอุปกรณ์ออกกำลังกายจัดเตรียมไว้อย่างครบครันทั้ง Cardio และ Weight Training ท่ามกลางวิวสวนสีเขียวขนาดใหญ่และสระว่ายน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ในบรรยากาศสบายๆ ถ้าเป็นตอนเย็นคงสวยมาก ผมชอบรายละเอียดของการจัดวางเครื่องออกกำลังกาย ให้เราได้วิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้า ไปพร้อมๆ กับการชมวิวธรรมชาติภายนอกไปช่วยให้หายเหนื่อยได้ดีมากเลยครับ
ชั้นล่างของ Clubhouse บริเวณด้านหลังออกแบบให้เป็น Junior Club ห้องสันทนาการสำหรับเด็กที่มองเห็นวิวได้โดยรอบผ่านกระจกใสทรงสูงจรดเพดาน เชื่อมต่อกับ Playground แบบ Outdoor ด้านนอก ทำให้เด็กๆ สามารถมาเล่นสนุกปลุกประสบการณ์เรียนรู้ใหม่ในห้องนี้ได้ทั้งวันเลยครับ ภายใน Junior Club จัดวางของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กเอาไว้กระจายตัวกันไปพร้อมโต๊ะที่นั่งดูน่ารักสดใส โดยหลักการออกแบบจะคำนึงถึงการเติมเต็มจินตนาการควบคู่ไปกับเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสำคัญ
อีกหนึ่งไอเดียการออกแบบที่ไม่ธรรมดาเพราะว่าผ่านกระบวนการคิดมาเป็นอย่างดี นั่นก็คือการแยกพื้นที่พักผ่อนส่วนกลางออกไปยังโซนที่ให้ความเป็นส่วนตัว โดยแบ่งออกเป็น 3 ห้องย่อยได้แก่
Co-Working Space จัดวางชุดโซฟาดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก อ่านหนังสือหรือนั่งคุยกันเบาๆ กับเพื่อน และยังจัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน
ตรงกลางเป็น Meeting Room เป็นห้องส่วนตัวสำหรับจัดเจรจาธุรกิจ หรือจัดประชุมแขกคนสำคัญได้ จัดวางโต๊ะประชุมขนาด 6-8 ที่นั่ง ผนังติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่เอาไว้รองรับ ประชุมท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียวที่ให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นครับ
อีกห้องเป็น Salon, Manicure & Pedicure Room สำหรับคุณสุภาพสตรี เป็นฟังก์ชันที่ผมว่าสะดวกดีมากครับ เราสามารถนัดหมายช่างแต่งหน้า ช่างทำผม ทำเล็บจากภายนอกมาบริการได้โดยไม่ต้องเดินผ่านเข้าไปยังภายในโครงการและเข้าไปยังบ้าน
Vincent van Gogh ศิลปินชื่อก้องโลกเคยบอกว่า “𝐈𝐧 𝐧𝐚𝐭𝐮𝐫𝐞, 𝐭𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐢𝐬 𝐧𝐨 𝐜𝐨𝐥𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐚𝐭 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐛𝐞𝐚𝐮𝐭𝐢𝐟𝐮𝐥.” – ในธรรมชาติไม่มีสีใดที่ไม่สวยงาม

การได้เลือกเป็นเจ้าของบ้านหลัง 3 ชั้นดีไซน์ด้วย รุ่มรวยไปด้วยสีสันสวยงามจากธรรมชาติ ตลอดจนการออกแบบที่หรูหรา สะท้อนความมีระดับและตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี บ้านมี 2 แบบ กานต์พามาชมแบบบ้าน Trenda บ้าน 3 ชั้นหลังใหญ่มีสระว่ายน้ำส่วนตัวและบ้านทุกหลังในโครงการได้ติดตั้งลิฟต์โดยสารมาให้แล้วด้วยครับ

จากการได้ไปเยี่ยมชมโครงการ ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หรูหราทว่ามีความอบอุ่น เหมาะสำหรับอยู่กับครอบครัวที่มีหลายเจนเนอเรชั่น เพราะออกแบบให้รองรับได้ครบทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ เพื่อเติมเต็มสีสันใหม่ๆ ให้กับชีวิตของเราได้เป็นอย่างดีครับ

โครงการ The One Signature Bangna-Rama 9 ยังตั้งอยู่บนทำเลแห่งศักยภาพ ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ที่เชื่อมต่อทุกโครงข่ายการเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว ผมว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจอยากให้นัดหมายเพื่อเข้ามาชมบ้านตัวอย่างกัน

สนใจดูรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 
โทร 099-382-8899 
หรือ https://theonesignature.com/ 
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน