RAYA Residence Bangkok

ถ้าเปรียบ RAYA Residence ให้เป็นหญิงสาว

.

กานต์ว่าเธอคงเป็นสุภาพสตรีที่สวยสง่า มีความหรูหรา ทว่าเรียบง่าย บุคลิกท่วงท่าน่าสนใจ ดึงดูดสายตาผู้คนได้ตลอดเวลา ดูแล้วน่าจะเป็นผู้มีรสนิยมในการใช้ชีวิตที่ดีสมกับที่ชื่อ “รายา”

.

เราคุ้นเคยกับ รายา มาก่อนในความเป็น Luxury Resort ทั้งที่รายาวดี กระบี่, แทมมาริน วิลเลจ เชียงใหม่, รายา เฮอริเทจ เชียงใหม่ ตลอดจนกิจการอื่นๆในเครือ เป็นที่น่าสนใจว่า DNA ของแบรนด์จะคงความหรูหราแบบ Quiet Luxury คือเป็นแบรนด์ที่สวย เรียบหรู ดูแพง เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

.

กานต์เพิ่งกลับมาจากทริปอิตาลี พอเขียนถึง RAYA Residence ก็ทำให้เราไปนึกถึง Loro Piana แบรนด์ผ้าชั้นนำจากอิตาลี ที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตสิ่งทอด้วยการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นเลิศและหายากที่สุดในโลกมาใช้ในการทักทอเป็นผ้าสักผืน เน้นเรื่องความยั่งยืนจากธรรมชาติ จนได้รับการยอมรับและสร้างชื่อเสียงมาอย่างยาวนานถึงหกชั่วอายุคน

.

RAYA Residence Bangkok by RAYA Collection ก็เช่นกัน นอกจากจะมีชื่อเสียงในด้าน Hospitality และงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แล้ว ยังมีประสบการณ์ด้าน Real Estate มาจากโครงการ 99 Residence พระราม 9 ที่ปิดการขายไปนาน จนมาเริ่มโครงการใหม่ RAYA Residence Bangkok ที่ซอยรามคำแหง 118 เป็นทำเลที่ต่อเนื่องเข้ามาจากมาถนนใหญ่สายหลัก ทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ ที่สำคัญกานต์เพิ่งค้นพบว่า โลเคชั่นนี้สามารถเชื่อมต่อไปยังกรุงเทพกรีฑาได้สะดวกรวดเร็วมาก

.

RAYA Residence Bangkok เป็นโครงการบ้านสั่งสร้าง คือเราเลือกแปลงที่ดินก่อน จากนั้นจะมาเลือกแบบบ้านกัน ที่กานต์พามาชมกันในพาร์ทนี้ คือ “THE DEN” เป็นแบบบ้านใหม่ที่ยังไม่มีใครรีวิวมาก่อนครับ เน้นที่ความโปร่งโล่งสบายแบบ Tropical Resort ในสไตล์ที่รายาถนัด ตัวบ้านมีขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยเยอะ รองรับได้ทุกความต้องการและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในครอบครัว บรรยากาศรอบโครงการเต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว ร่มรื่นดีมากครับ และยังได้ไปเก็บภาพบ้านตัวอย่างแบบบ้าน “THE NEST” มาฝากให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการตัดสินใจ

.

กานต์เขียนเล่าเรื่องราวของ RAYA Residence Bangkok เอาไว้พร้อมกับรูปภาพในแต่ละแคปชั่น ไปติดตามพร้อมกันต่อด้านในได้เลยครับ

.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://RAYA-residences.com

สนใจติดต่อนัดหมายเพื่อเข้าชมโครงการโทร 02-301-2888

การเดินทางมาชมโครงการ RAYA Residence Bangkok เราสามารถเข้าออกได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนรามคำแหง ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า (กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่) ส่วนเราเลือกใช้ถนนกาญจนาภิเษก เข้าทางด้านหลังของซอยรามคำแหง 118 แยก 33 แทนครับ ถือว่าทำได้รวดเร็วมาก ดังนั้นการสัญจรโดยใช้เส้นทางหลักอย่างมอเตอร์เวย์ ไปสนามบินสุวรรณภูมิ หรือวงแหวนบางนา-บางปะอิน ก็ถือว่าสะดวกมาก ส่วนการเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะ จะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้มบนถนนรามคำแหง มีสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีสัมมากร ซึ่งเตรียมที่จะเปิดให้บริการแล้วครับ
โดยรอบโครงการเป็นย่านที่อยู่อาศัย ทำให้บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับการพัฒนาเป็นที่พักอาศัยที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง ทำเลนี้ยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความครบครันไม่ว่าจะเป็นในโซนกรุงเทพกรีฑา อาทิ Market Place, Max Value, Kurve 7, Market Today, The Park และ Tesco Lotus ส่วนฝั่งรามคำแหงก็มี Community Mall อย่าง Golden Place, Paseo Town, Makro, The Mall บางกะปิ, Lotus’s บางกะปิ เป็นต้น

โดยรอบโครงการมีสถานศึกษาชั้นนำ ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติ Brighton, โรงเรียนนานาชาติ Wellington, มหาวิทยาลัยนานาชาติ Stamford, โรงเรียนนานาชาติ Ascot ฯลฯ ส่วนศูนย์สุขภาพใกล้บ้าน อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ โรงพยาบาลรามคำแหง โรงพยาบาลเวชธานี โรงพยาบาลวิภาราม เป็นต้น ทำให้สะดวกรวดเร็วในการเข้าใช้บริการหากมีความจำเป็นเร่งด่วน
RAYA Residence Bangkok ต้องเรียกว่าเป็นโครงการระดับ Super Luxury Residences ที่หรูหรา สวยงามและร่มรื่นมากครับ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 8-0-40.7 ไร่ ด้านหน้ามีระบบรักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV รอบโครงการทั้งสิ้น 16 จุด รั้วโครงการสูง 3 เมตร และเพิ่มรั้วไฟฟ้าอีก 60 ซม. ทว่า โครงการนี้จะไม่มี Clubhouse ส่วนกลางนะครับ เพราะบ้านทุกยูนิตได้รับการออกแบบให้มีสระว่ายน้ำในตัวแบบ “Pool Villa” อยู่แล้วครับ ทั้งยังวางฟังก์ชันภายในบ้านให้มีพื้นที่ใช้สอยมากเพียงพอที่เราจะทำเป็นห้อง Fitness Yoga Studio หรือห้องปรับเป็นอเนกประสงค์ต่างๆ ได้ครบในตัว
โครงการวางผังในทิศเหนือใต้ ทำให้ได้เปรียบเรื่องการไหลเวียนของทิศทางลมและหลีกเลี่ยงเรื่องแสงแดดตกกระทบกับหน้าบ้านโดยตรง ทำให้บ้านอยู่สบาย ไม่ร้อน ดำเนินการเอาสายไฟลงดินทั้งโครงการทำให้ทัศนียภาพสวยงาม มีเป็นลักษณะของบ้านสั่งสร้างซึ่งเราจะต้องเลือกแปลงที่ดินภายในโครงการที่มีทั้งหมด 15 ยูนิตด้วยกัน ข้อดีก็คือเราจะได้รับความเป็นส่วนตัวสูง
แบบบ้านแรกที่กานต์พามาชมคือ THE DEN เป็นแบบบ้านใหม่ที่ยังไม่เคยเปิดตัวมาก่อนเลยครับ มีลักษณะเป็นบ้านทรงโมเดิร์นเน้นความเป็นเหลี่ยมเงาตามแบบสมัยนิยม หลังคา Metal Sheet (PU Sandwich) แบบชนวนแซนวิชหนา 2 นิ้ว ช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้ดี ภายในบ้านมีการรักษาความปลอดภัยด้วยระบบ Magnetic Sensor บริเวณชั้นล่าง และ CCTV จำนวน 4 จุด
กานต์ประทับใจในการออกแบบด้วยการเลือกใช้สีเอิร์ธโทน Facade หน้าบ้านที่โดดเด่นทว่าเรียบง่าย Mood & Tone โดยภาพรวมจะเน้น โทนสีน้ำตาล ซึ่งวัสดุหลักเป็นไม้และอลูมิเนียมลายไม้ ออกแบบให้ตัดกับสีเทา สีขาวและดำ ทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย เวลาที่บ้านตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ทำให้ดูโดดเด่นมาก

หน้าบ้านจอดรถได้ 5 คัน พื้นปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ โครงการลงเสาเข็มความลึกเท่าตัวบ้านเพื่อป้องกันการทรุดตัวให้เรียบร้อย พร้อมติดตั้งระบบไฟฟ้า 3 เฟส เพื่อรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ให้แล้วเช่นกันครับ
เมื่อเลือกแปลงที่ดินได้แล้ว จากนั้นเราจะมาเลือกแบบบ้านกันครับ โครงการมีให้เลือก 2 แบบคือ แบบบ้าน THE DEN เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 133.7 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 789 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์ เน้นสไตล์ Modern เรียบหรูดูทันสมัย บรรยากาศภายในบ้านค่อนข้างโปร่ง อยู่สบาย ไม่อึดอัด

ส่วนแบบบ้าน THE NEST บ้านเดี่ยว 3 ชั้นเช่นกัน ที่ดินมาตรฐานใหญ่ขึ้นมาหน่อย 166.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 881 ตร.ม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 2 ห้องแม่บ้าน / สระว่ายน้ำ / ลิฟต์ งานดีไซน์เป็นไปสไตล์ Tropical แบบตะวันออกที่เน้นความเรียบง่ายและการได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ
สิ่งหนึ่งที่ประทับใจกานต์มากที่สุดก็คือ โครงการเปิดกว้างให้เราสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันและดีไซน์ภายในบ้าน ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละครอบครัวได้ ทำให้บ้านทั้ง 15 ยูนิตต่างมีความโดดเด่นและสร้างออกมาได้ตรงใจ ตรงความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งยังสะดวกสบาย ตัดปัญหาความกังวลเรื่องมาตรฐานการก่อสร้างออกไปเพราะทีมงานมืออาชีพของรายาจะดูแลให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน จะเป็นพื้นที่สำหรับสมาชิกทุกคนในบ้านใช้งานร่วมกัน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การลงรายละเอียดในแทบทุกจุดที่คำนึงถึงการพักอาศัยได้ในชีวิตจริง คัดสรรวัสดุที่มีความสวยงามและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพื่อความคงทนและยั่งยืน คำนวนถึงสภาวะต่างๆ ทิศทางของแดด สภาพภูมิอากาศ ความชื้น 

ทั้งยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในทุกจุดรับสายตา และพื้นที่เปิดโล่งมากมาย โดยเฉพาะภายในบ้านซึ่งมีไฮไลท์คือโถงนั่งเล่นแบบ Floor to Ceiling ความสูง 3.9 เมตร ให้เรารู้สึกอยากอยู่บ้านและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศที่โปร่ง สบาย เงียบสงบและเป็นธรรมชาติ
มองออกไปเห็นสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้านที่รายล้อมด้วยไม้พุ่มสีเขียว มีความยาวประมาณ 11 เมตร เราสามารถเปิดประตูกระจกออกไปเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกบ้านให้เป็นหนึ่งเดียวกัน บรรยากาศจึงเหมือนกับได้พักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกถึงความสบาย ผ่อนคลาย ให้บ้านได้ทำหน้าที่โอบกอดสมาชิกทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน
ชั้นล่างออกแบบเป็นแนวยาวเชื่อมต่อกับฟังก์ชันการใช้งานเข้าไว้ด้วยกัน จาก Living Area จะเป็น Dining Area ที่จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารไม้สีน้ำตาลบุหวายขนาด 8 ที่นั่งเอาไว้ จริงๆ สามารถปรับมุมอีกด้านแนวขวาง เพื่อจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่แบบ Long Table ได้เช่นกัน เราสามารถเชิญ Celebrity Chef มาเปิด Chef Table ทำอาหารให้กินแบบส่วนตัวได้ในบรรยากาศสบายๆ ของเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัวได้เลยครับ
ส่วนด้านในเป็น Island ที่จัดวางแบบเรียบง่าย สำหรับจัดเตรียมอาหาร สามารถติดตั้งเตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานได้แบบบ้านตัวอย่าง พร้อมเคาน์เตอร์ด้านหลังและตู้เก็บของที่ปิดบิลด์อินไว้กับผนังเป็นหนึ่งเดียวกันจนแทบดูไม่ออก
ด้านซ้ายมือมีประตูที่ซ่อนเอาไว้เห็นเพียงคันโยกด้ามจับ เพื่อเปิดเข้าไปเป็นห้องครัวในฝั่งหน้าบ้านเชื่อมต่อกับลานจอดรถ โครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวไทยมาให้เรียบร้อยแล้ว มีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง สามารถแยกฟังก์ชันการทำงานของแม่บ้านในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน ออกแบบให้มีตู้เก็บของบน-ล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
โซนนี้จะเชื่อมต่อกับส่วนการทำงานของแม่บ้านทั้งในส่วนของครัวไทยและ Laundry ที่ Maid Plaza ด้านหลัง มีประตูรองที่ต่อเนื่องจากลานจอดรถ สะดวกเวลาที่ขนของที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไว้ในครัว ทั้งยังออกแบบให้กั้นเป็นโซน Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน โดยห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านจะอยู่ด้านหลัง การออกแบบลักษณะนี้ทำให้เราสามารถแยกฟังก์ชันได้ชัดเจนดีและเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับแม่บ้านได้อีกทางหนึ่งครับ
ชั้นล่างจะมีห้องน้ำด้วยกัน 2 จุด ห้องแรกจะเชื่อมต่อกับ Living Area และสระว่ายน้ำเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน เปฺ็นห้องที่กานต์ชอบมากครับ เพราะว่ามีผนังกระจกบานใหญ่เปิดรับวิวสวนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห้อง และมีขนาดค่อนข้างใหญ่ อ่างล้างมือแบบลอยตัวเป็นทรงกระบอกดีไซน์สวยมาก
ห้องน้ำอีกจุดจะอยู่ที่ใต้บันไดทางขึ้นชั้นบน เป็นห้องน้ำที่ไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำเช่นกัน โครงการออกแบบให้เปิดรับช่องแสงแบบบานกระทุ้งที่สามารถเปิดออกไปเพื่อระบายอากาศและความชื้นได้ ทำให้ใช้งานได้สะดวกโดยเฉพาะที่อยู่โซน Dining Area จะได้ไม่ต้องเดินอ้อมไปเข้าห้องน้ำจากฝั่ง Living Area
บ้านทุกหลังเป็นบ้านขนาดใหญ่ ทางโครงการจึงได้ติดตั้งลิฟต์โดยสารภายในบ้านมาให้พร้อมกันนี้แล้ว ทำให้สะดวกมากสำหรับการขึ้นลง ลิฟต์มีขนาดใหญ่รองรับการใช้งานรถเข็นวีลแชร์ได้ โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุก็ไม่จำเป็นต้องจัดห้องนอนชั้นล่างเสมอไป สามารถโดยสารลิฟต์ขึ้นลงได้สะดวก
จากชั้นหนึ่งขึ้นมาชั้นสอง กานต์ลองใช้วิธีขึ้นลิฟต์มาครับ ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก กานต์ก้าวเท้าออกมาเห็นภาพการตกแต่งของชั้นสอง ต้องบอกว่า ชวนนึกไปถึงประโยคที่ Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกผู้บุกเบิกวงการสถาปัตยกรรมสมัยใหม่พูดอยู่บ่อย ๆ ว่า “God is in the Details” กลายเป็นแนวคิดหลักให้กับสถาปนิกทั่วโลกในเวลาต่อมา เพราะงานออกแบบของเขาเต็มไปด้วยรายละเอียดและความพิถีพิถัน ทว่านำเสนองานออกมาอย่างเรียบง่ายที่สุด
กานต์ว่าบ้านในโครงการ RAYA Residence Bangkok ก็เช่นกันครับ เพราะสัมผัสได้ถึงงานดีไซน์ที่โดดเด่นแตกต่างจากบ้านทั่วไป แปลนบ้านเป็นแบบ Open Plan ที่มีลูกเล่นในการออกแบบเยอะมาก เรียกได้ว่าทุกจุดผ่านกระบวนการคิดเชิงสถาปัตย์มาหมดแล้ว ภายในออกแบบสวย จัดวางฟังก์ชันได้ดี มีลิฟต์ภายในบ้าน ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้าง ด้วยความที่ผนังรอบบ้านโดยมากเป็นกระจกใส ช่วยทำให้เปิดรับแสงสว่างเข้ามาภายในบ้านได้อย่างเต็มที่ มองเห็นวิวต้นไม้และสวนภายนอกที่เชื่อมต่อความรู้สึกเข้าหากันเวลาที่นั่งพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน 

ชั้น 2 ของบ้านมี 1 ห้องนอน ออกแบบให้พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นห้องอเนกประสงค์และ Family Area เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยที่อาจจะไม่ได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ทำให้ชั้นนี้ปรับการออกแบบมาเป็น 1 ห้องนอนและ Family Area เชื่อมต่อกันได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งทุกคนสามารถสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ แล้วมาใช้พื้นที่กลางภายในบ้านร่วมกันได้
โถงกลางจัดวางชุดโซฟาที่นั่งขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะรับประทานอาหาร ทางเดินหน้าลิฟต์ออกแบบให้มีเคาน์เตอร์บาร์ จัดวางขนานไปกับทางเดิน สามารถรินเครื่องเดิมแก้วโปรดแล้วเปิดเพลงคลาสสิคจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงคลอไปเบาๆ เพื่อเสริมบรรยากาศให้ดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่พักผ่อนสำหรับครอบครัว ให้ฟีลลิ่งค่อนข้างโปร่งโล่งสบาย มีประตูกระจกเปิดออกไปด้านนอก ซึ่งเป็นระเบียงขนาดใหญ่ จัดวางชุดโซฟาที่นั่งเอาไว้สำหรับพักผ่อนแบบส่วนตัว พูดคุยกันในบรรยากาศของครอบครัว นั่งเล่นรับลมชมวิว อ่านหนังสือหรือว่าจิบกาแฟยามเช้า เราสามารถปลูกไม้กระถางเพิ่มได้
โซนนี้ออกแบบให้มีทั้งห้องสปาดีไซน์สวย ได้ฟีลแบบ Oriental มากๆ
และยังมีห้องสำหรับทำ Yoga Fitness พร้อมติดตั้งกระจกเงาให้เราได้เช็คท่วงท่าขณะออกกำลังกายได้เอาไว้ออกกำลังกายแบบส่วนตัวภายในบ้านได้อีกด้วย
อย่างที่บอกไปว่าชั้น 2 จะมีเพียง 1 ห้องนอน กานต์ค่อนข้างชอบห้องนี้เพราะทั้งชั้นแทบจะกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราไปโดยปริยายเลยครับ ด้วยความที่ออกแบบให้เป็นห้องมุม ผนังเปิดรับช่องแสงธรรมชาติด้านหน้าและด้านข้างบ้านส่องผ่านเข้ามาสู่เตียงนอนได้ทันที ห้องนี้จึงดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ทั้งยังเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้
ห้องนี้ออกแบบให้มีเตียงนอนสีเทาควันบุหรี่ หัวเตียงกรุด้วยไม้แบบเรียบง่ายเพื่อให้สัมผัสถึึงความเป็นธรรมชาติ พร้อมโคมไฟส่องสว่างตั้งไว้ที่บริเวณหัวเตียง กานต์ว่าการออกแบบตกแต่งภายในเข้ากันได้ดีไปทั้งหมด สอดรับกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีที่ออกแบบไว้ให้รู้สึกเปิดโล่ง ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปเพื่อรดน้ำต้นไม้หรือยืนรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนได้ครับ
บ้านที่นี่ออกแบบห้องนอนให้เป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ซึ่งออกแบบและตกแต่งอย่างเรียบง่ายเช่นกัน
จากชั้น 2 เราจะขึ้นไปชมชั้น 3 กันต่อนะครับ ใช้วิธีเดินขึ้นบันไดดูบ้าง โครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกนอนปิดผิวด้วยไม้จริง เช่นเดียวกับราวจับไม้ที่ติดไฟ LED เรืองแสงเพื่อช่วยในการส่องสว่างระหว่างเดินขึ้นลง ชานพักมีขนาดใหญ่ สามารถเดินขึ้น-ลงสวนกันได้สะดวกเลยครับ
พื้นที่ครึ่งหนึ่งของบ้านปีกด้านขวาบนชั้น 3 ออกแบบให้เป็น Master Bedroom ที่มีขนาดใหญ่มาก ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้สอยภายในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว
ด้วยความที่โซนพักผ่อนและเตียงนอนถูกจัดไว้ด้านใน ดังนั้น เมื่อเราเปิดประตูเข้าไปจะยังไม่ถึงส่วนของเตียงนอนในทันที ข้อดีคือทำให้มีความเป็นส่วนมากขึ้น เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยครับเพราะมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบ หัวเตียงตกแต่งด้วยไม้ในสไตล์ที่มีกลิ่นอายโมเดิร์นด้วยการเลือกใช้ดีไซน์ของเตียง โต๊ะหัวเตียง โคมไฟและการจับคู่สีและวัสดุที่ทำออกมาได้น่าสนใจ หัวเตียงอีกด้านออกแบบให้เป็นมุมโต๊ะทำงาน มีเก้าอี้สำหรับนั่งเซ็นต์เอกสาร ตอบอีเมลล์ เอาไว้เคลียร์งานเล็กๆ น้อยๆ ช่วงก่อนนอนหรือตื่นตอนเช้าได้
ส่วนบริเวณมุมห้องด้านในจัดวางชุดโซฟาสีเทาควันบุหรี่เอาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน หรือมีสมาชิกในครอบครัวแวะเวียนเข้ามาทักทายพูดคุยกันในบรรยากาศส่วนตัว
ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ห้องแต่งตัวติดตั้งตู้เสื้อผ้ามีขนาดใหญ่ขนานไปกับผนัง สามารถจัดเก็บเสื้อผ้าได้เยอะมาก อยู่ด้านในห้องน้ำเลยครับ ซึ่งข้อดีก็คือเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วสามารถแต่งตัวจบในโซนได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก
กานต์ว่าห้องนอนหลักค่อนข้างโปร่ง เพราะได้ช่องแสงเปิดเข้ามาจากทั้ง 2 ด้านผ่านผนังกระจกใส ได้ประโยชน์จากการเป็นห้องมุม ห้องดูสว่างไสวจนแทบไม่ต้องเปิดไฟในตอนกลางวันเลยครับ แต่ถ้าอยากให้ได้ความมืดก็สามารถติดตั้งผ้าม่านมาปิดได้ เราสามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงส่วนตัวภายนอกเพื่อเปิดรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าหลังตื่นนอนได้
ห้องนอนรองจะอยู่อีกฝั่ง เราค่อนข้างประทับใจห้องนอนนี้ เท่าที่สังเกต แม้จะเรียกว่าเป็นห้องนอนรอง แต่ต้องถือว่าทุกห้องออกแบบให้มีขนาดใหญ่กว่า Master Bedroom ของบ้านมาตรฐานในโครงการอื่นทั่วไปเลยครับ
ด้านหน้าประตูเมื่อเปิดเข้าไปจะพบกับเตียงนอนขนาดใหญ่ บ้านตัวอย่างตกแต่งโดยใช้เตียงคู่ ดูกว้างมากขึ้น หัวนอนกรุด้วยผนังลายไม้ ผนังด้านหน้าบ้านเป็นกระจก Full Height เข้ามุม ห้องจึงโปร่งด้วยผนังกระจกใสบานใหญ่ เปิดมุมมองสู่ภายนอกได้กว้างกว่า มาพร้อมกับระเบียงฝั่งด้านหน้าบ้าน
ส่วนอีกด้านก็เป็นผนังกระจกใสเช่นกัน มองออกไปเห็นต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ที่คอยชูช่อรอโบกมือทักทายเราอยู่ในตอนเช้า ทั้งยังเปิดช่องแสงธรรมชาติด้านหน้าบ้านส่องผ่านเข้ามาสู่เตียงนอนได้ทันที ช่วยในการประหยัดพลังงาน ทั้งยังเปิดออกเพื่อระบายอากาศได้ ห้องนี้จึงดูโปร่ง โล่งอยู่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ตามหลัก Natural Ventilation ส่วนปลายเตียงเป็นโต๊ะทำงานวางยาวขนานไปกับมุมพักผ่อน พร้อมเก้าอี้สำหรับทำงานภายในห้องนอน
ด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ที่เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าทรงสูงจากพื้นจรดเพดาน เชื่อมต่อกันกับห้องน้ำภายในห้องนอน
ภายในห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน ส่วนแรกเป็นอ่างล้างมือหินอ่อนขนาดใหญ่ พร้อมกระจกเงาบานคู่ สำหรับใช้งานได้สองคนพร้อมกัน ด้านในเป็นชาวเวอร์และสุขา ทางโครงกาารจัดมาให้เป็นยี่ห้อ TOTO หรือ Grohe (หรือเทียบเท่า) ภายในห้องน้ำมาพร้อมกับหน้าต่างบานสไลด์ที่สามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้นได้
จากแบบบ้าน THE DEN ที่ดูโมเดิร์นหรูหราน่าประทับใจ โครงการ RAYA Residence Bangkok ยังมีอีกหนึ่งแบบบ้านให้เลือกครับ นั่นคือ THE NEST เป็นสไตล์ Tropical ที่ให้ความรู้สึึกเป็นส่วนหนึ่งร่วมกับธรรมชาติ ตัวบ้านมีขนาดใหญ่มากพื้นที่ใช้สอย 881 ตร.ม. โดดเด่นด้วยหลังคา Shingle Roof รูปทรงปั้นหยา มี Facade เป็นระแนงบังสายตาวัสดุเป็นอลูมิเนียมลายไม้สีน้ำตาลดูเรียบหรู ออกแบบให้มีระเบียงยาวล้อมรอบทั้งชั้น เราสามารถเดินออกมารับลมชมวิว สัมผัสกับอากาศบริสุทธิ์ได้จากภายในห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว
แบบบ้าน THE NEST สามารถจอดรถได้ 5 คัน แบ่งเป็นด้านหน้าบ้านด้านซ้าย 4 คันและอีกหนึ่งคันจะจอดทางด้านขวาซึ่งอยู่ใกล้กับครัวครับ ทำให้สะดวกในการขนของที่เพิ่งซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต จากนั้น ก็ตรงเข้าเอาไปเก็บไว้ที่ครัวได้เลย ตัวพื้นลานจอดปูด้วยกระเบื้องและลงเสาเข็มลึกเท่าตัวบ้านเอาไว้ให้แล้ว โครงการยังได้วางระบบในการติดตั้ง EV Charger เป็นระบบไฟฟ้า 3 เฟส ที่แยกจากระบบไฟของตัวบ้านเอาไว้ให้แล้วครับ
ก่อนเข้าบ้าน จากทางเข้าด้านหน้าประตูออกแบบให้เป็น Foyer เล็กๆ เราสามารถ Build-in ตู้เก็บของ ตู้เก็บรองเท้าที่บริเวณนี้ พร้อมกับจัดให้มีเก้าอี้เพื่อสวม-ถอด รองเท้าเข้าบ้านได้ ตกแต่งโดยใช้โทนสีน้ำตาลเพื่อรับกับภาพรวมของบ้าน กรอบประตูหน้าต่างทุกบานให้เป็นของ Tostem
ทางด้านขวา เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับความใหญ่โตโอ่โถงแบบ Double Volume ของ Common Area ความสูงถึง 6 เมตรด้วยกัน ทำให้บ้านดูโปร่ง สบายๆ ภายในบ้าน ประกอบด้วย Living Area จัดชุดที่นั่งโซฟาขนาดใหญ่สีเทา ดูเบาสบายตา อยู่ติดกับสระว่ายน้ำและมี Pavilion พักผ่อนบริเวณด้านนอก ทำให้เป็นบ้านที่ออกแบบบรรยากาศคล้ายกับรีสอร์ตที่เหมาะต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่เป็นรางวัลให้กับชีวิต ใช้เป็นพื้นที่พักผ่อนและต้อนรับแขกไปในตัว
ชั้นล่างของบ้านจึงดูค่อนข้างโล่งและโปร่งสบายด้วยการเปิดช่องแสงธรรมชาติโดยรอบ กานต์ว่ามุมนี้ Vibes มากครับ เหมาะสำหรับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ จิบกาแฟยามเช้า หรือนั่งพักเหนื่อยเบาๆ ระหว่างที่ว่ายน้ำ หากว่ามีพูลปาร์ตี้หรือกิจกรรมภายในบ้านก็สามารถเปิดประตูกระจกออกได้
ด้านในเป็นมุมรับประทานอาหาร บ้านตัวอย่างจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 12 ที่นั่งเอาไว้ พร้อมเคาน์เตอร์จัดเตรียมอาหาร แต่กานต์ว่าถ้าหากเราต้องการโต๊ะที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็สามารถทำได้ครับเพราะพื้นที่บริเวณชั้นล่างนี้ค่อนข้างกว้างขวาง

ถ้าใครอยากให้บ้านดูโล่งกว่านี้ก็จะสามารถปรับให้เอาผนังออกเพื่อเชื่อมต่อกับ Living Area ได้ ซึ่งนี่เป็นข้อดีของบ้านสั่งสร้างจาก RAYA Residence ให้เราปรับฟังก์ชันการใช้งานได้ตามใจและตรงกับไลฟ์สไตล์ความชอบของเราได้เลยครับ
ถัดเข้าไปด้านในเป็น Family Area ถือเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้านสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจ บ้านตัวอย่างจัดวางชุดโซฟาเอาไว้สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีก็ได้ แนะนำให้เลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลยครับ และยังได้ฟีลของสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อมาจากด้านซ้ายของบ้าน นับเป็นการออกแบบที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก
ด้านในสุดเป็นพื้นที่ของครัวไทยและ Maid Plaza สำหรับแม่บ้าน มีประตูเล็กเชื่อมต่อกับที่จอดรถด้านหน้าบ้าน ทั้งยังออกแบบให้มีประตูข้างฝั่งครัวเพื่อกั้นเป็นโซน Back of House คือสามารถใช้ให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน โดยห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านจะอยู่ฝั่งด้านขวาของบ้าน พร้อมกับทางเดินด้านข้าง การออกแบบลักษณะนี้ทำให้เราสามารถแยกฟังก์ชันได้ชัดเจนดีและเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับแม่บ้าน จะได้ไม่รบกวนกัน
ใกล้กับบันไดทางขึ้นจะมีห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน เป็นห้องน้ำแบบไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำ แต่ได้ติดตั้งทั้งโถสุขภัณฑ์เอาไว้ให้แล้ว
โครงการติดตั้งลิฟต์มาให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการขึ้นลง ให้เป็น Aritco นำเข้าจากสวีเดน ดีไซน์สวยเรียบสไตล์มินิมอลมาก ส่วนโครงสร้างบันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งลูกนอนปิดผิวด้วยไม้จริง ขอบราวจับเป็นไม้และกระจกหนา
เมื่อขึ้นบนชั้นสองเราจะพบกับ Multi-Purpose Area พื้นที่อเนกประสงค์สำหรับพักผ่อนสบายๆ บนชั้น 2 ของสมาชิกในครอบครัว ใช้เป็นมุมนั่งเล่นพูดคุยกันในวันสบายๆ หรือระหว่างที่ชั้นล่างมีแขกมาเยี่ยม สมาชิกคนอื่นก็สามารถเปลี่ยนมาใช้พื้นที่บริเวณนี้ได้
มีกิมมิคในการออกแบบที่น่ารักมากคือทำเป็นที่นั่งยื่นออกมา เมื่อมองลงไปเห็น Living Area สวนด้านนอกและสระว่ายน้ำชั้นล่างเชื่อมต่อกัน
นี่เป็นอีกหนึ่งมุมที่กานต์ชอบมากเพราะให้ความเป็นส่วนตัว ภายในบ้านตัวอย่างตกแต่งไว้เป็นไอเดียได้อย่างสวยงาม ดูหรูหรามีระดับในบรรยากาศที่อบอุ่น เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัวโอบล้อมด้วยธรรมชาติผ่านกระจกใสรายรอบบ้าน แม้ว่าจะอยู่ชั้นบนก็ยังสัมผัสได้ถึงความสดชื่น โล่งโปร่งจากหน้าต่างบานใหญ่และสวนหลังบ้าน โดยจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่หลายที่นั่งกระจายกันไปพร้อมงานเก้าอี้ดีไซน์สวย ทั้งนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ เพราะโครงการให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว 
บนชั้น 2 จะประกอบด้วยห้องนอนรอง 2 ห้อง ที่ตกแต่งแบบคุมโทนได้ดี ด้วยการเลือกใช้โทนสีน้ำตาล สีขาวและขอบสีดำ วัสดุส่วนใหญ่เป็นไม้ให้ความรู้สึกถึงการพักอาศัยที่สบายใจได้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ ราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรูของเครือรายา ทว่า นี่คือบรรยากาศของบ้านในกรุงเทพมหานครที่ชักชวนให้เราหลีกหนีความวุ่นวายมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ ซึ่งเต็มไปด้วยความเงียบสงบและให้ความเป็นส่วนตัวสูงมาก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าห้องนอนทุกห้องมีขนาดใหญ่จนไม่อยากจัดลำดับ ทั้งนี้เพื่อให้เอื้อต่อการพักอาศัยและใช้งานได้จริง เน้นการพักอาศัยที่อยู่สบาย ไม่อึดอัด โดยใช้หลักของการออกแบบเข้ามามีส่วนช่วย อย่างเช่นห้องนี้ที่ตกแต่งภายในห้อง โดยจัดแบ่งฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างเป็นสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อน สามารถวางเตียงนอนขนาด King Size ได้สบายเลยครับ พร้อมกับมีพื้นที่นั่งเล่นด้านข้างและมุมนั่งทำงานที่ปลายเตียง
ส่วนตัวชอบลิฟต์ของบ้านนี้มากเลยครับ ดูเรียบหรูและโปร่งสบาย หน้าบานเป็นกระจกใส ด้านในเป็นสีขาวสะอาดตา ลิฟต์เป็นระบบสกรูทำให้บ้านของเราไม่ต้องมีห้องเครื่องและติดตั้งบ่อลิฟต์ที่มีขนาดใหญ่และทำให้ทัศนียภาพภายในบ้านไม่สวยงาม ตัวลิฟต์สามารถยกขึ้นลง 1-3 ชั้นได้สะดวก เสียงเงียบ เหมาะสำหรับเป็นลิฟต์ติดตั้งใช้งานภายในบ้าน
เราโดยสารลิฟต์มายังชั้น 3 จะเป็นพื้นที่พักผ่อนของห้องนอนหลักที่มีขนาดใหญ่ สถาปนิกออกแบบให้ห้องนอนหลักเป็นมากกว่าห้องนอนทั่วไป ดังนั้นเราจะเห็นว่าภายในห้องแบ่งฟังก์ชันการใช้สอยได้หลากหลายและลงตัวดีครับ ราวกับเป็นบ้านอีกหนึ่งหลัง
จากประตูเข้าห้องจะเป็น Living Area ขนาดใหญ่ภายในห้องนอนที่เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอกและเตียงนอนด้านในเข้าไว้ด้วยกัน เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนสบายๆ ในบรรยากาศแบบส่วนตัว เปิดช่องแสงไว้สองด้านคือผนังด้านหลังบ้านและประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงเพิ่มความสว่าง ห้องนี้ออกแบบให้มีชุดโซฟาสีเบจซึ่งรับกันดีกับสีน้ำตาลของไม้ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติที่เรียบง่าย
ติดกันจะเป็นห้องนอนรองอีกหนึ่งห้อง วางแปลนเอาไว้ให้อยู่เยื้องไปทางด้านหลังบ้าน ทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ แม้เราจะเรียกว่าห้องนอนรองแต่เอาเข้าจริงๆ ห้องนี้ เป็นห้องที่มีขนาดใหญ่มากเลยนะครับ ภายในห้องออกแบบให้โซนพักผ่อนวางเตียงนอนแบบคู่ พร้อมกับมีพื้นที่โดยรอบเตียงให้เดินได้สบายเลย วางติดชิดผนังฝั่งด้านหลังบ้านซึ่งเปิดช่องแสงขนาบข้าง หัวเตียงประดับโคมไฟทั้ง 2 ฝั่งสำหรับนั่งหรือนอนอ่านหนังสือจากบนเตียงได้เลยครับ ส่วนปลายเตียงก็สามารถจัดวางตู้ทรงเตี้ยและทีวีได้ จัดวางอาร์มแชร์นั่งอ่านหนีังสือสบายๆ แต่ไฮไลท์ของห้องนี้ก็คือประตูที่สามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงได้ ทำให้เราได้มีพื้นที่ส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับธรรมชาติภายนอก มองออกไปเห็นสวนสีเขียวด้านหน้าและความเคลื่อนไหวของผู้คนที่ผ่านไปมา ส่วนตัวผมชอบฟีลลิ่งของห้องนี้มากครับ 
โครงการออกแบบให้ทุกห้องเป็นแบบ En Suite Bedroom คือมีห้องน้ำส่วนตัวให้ทุกห้อง ภายในห้องน้ำมีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน สุขภัณฑ์ในห้องน้ำติดตั้งเป็นของ TOTO หรือ Grohe ตามมาตรฐาน
Frank Lloyd Wright สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกันที่เป็นต้นตำรับของงานสถาปัตยกรรมอินทรีย์ กล่าวไว้ว่า “ถ้าบ้านจะเป็นสถาปัตยกรรมก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ตามธรรมชาติและที่ดินเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายที่สุด”

เราจึงได้เห็นงานดีไซน์ที่หรูหราทว่าเรียบง่ายของบ้านในโครงการ RAYA Residence Bangkok by RAYA Collection ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ ธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน บ้านทั้ง 2 แบบคือ THE DEN และ THE NEST จึงได้รับการออกแบบให้มีฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับสมาชิกในทุกเจนเนอเรชั่น เพื่อให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ลงตัวสำหรับให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้เวลาร่วมกัน ทั้งยังมีเพียง 15 ยูนิตเท่านั้น ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูงครับ

โครงการตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพเชื่อมต่อการคมนาคมได้หลากหลายเส้นทางทั้งฝั่งรามคำแหง กรุงเทพกรีฑา ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า มอเตอร์เวย์ ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเป็นอย่างมากและยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคครบครัน นับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่กานต์ว่ามีความน่าสนใจและอยากชวนให้มาชมบ้านตัวอย่างกัน
KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน