จุดบรรจบของ Luxury กับ Heritage ที่ลงตัวที่สุด
INTERCONTINENTAL CHIANG MAI The MAE PING
____________________
ถือเป็นอีกหนึ่งโรงแรมที่กานต์รอคอยอยากจะเข้าพักเลยครับ สำหรับโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง ซึ่งเป็นโรงแรมหรูที่สุดในเชียงใหม่และเป็นอินเตอร์คอนฯ แห่งแรกในภาคเหนือ
.
โรงแรมเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เลยอยากจะนำประสบการณ์เข้าพักมาเล่าให้ฟังครับ
.
การเดินทางถือว่าสะดวกรวดเร็วจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ให้รถโรงแรมไปรับเป็น Mercedes Benz GLC ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ
.
โรงแรมอยู่ใจกลางเมืองย่านท่าแพ วันอาทิตย์มีถนนคนเดินคึกคักมาก นักท่องเที่ยวเยอะ เดินไปคลองแม่ข่าได้ประมาณ 600 เมตร หรือจะช้อปปิ้งที่ไนท์บาร์ซาก็ได้
.
เมื่อไปเช็คอิน พนักงานเสิร์ฟ Welcome Drink จากนั้นเราจะได้ตีฆ้อง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเอาฤกษ์เอาชัยตามคติความเชื่อของลานนา อีกทัังโรงแรมอยู่ติดกับวัดช่างฆ้อง โรงแรมก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยอนุรักษ์โบราณสถานจึงถือเป็นการสืบสานศิลปวัฒนธรรมที่ดีงามให้คงอยู่สืบไป
.
ผมชอบเคาน์เตอร์เช็คอินที่ออกแบบผนังคล้ายกับฐานเจดีย์สีทองของวัดพระธาตุดอบสุเทพราชวรวิหาร ดูอร่ามและสร้างความประทับใจสามารถบอกเล่าเรื่องราวของโรงแรมได้ทันที เพราะคอนเซปต์ของที่นี่คือ Living Museum พิพิธภัณฑ์มีชีวิต เพราะหยิบยกเอาเรื่องราวของสล่า (หรือช่าง ในภาษาเหนือ) มาเป็นองค์ประกอบของการออกแบบและตกแต่ง เราจึงเห็นชิ้นงานโบราณประดับอยู่ทั่วโรงแรม ตั้งแต่ ทางเข้า ล็อบบี้ ผนัง โถงทางเดิน ห้องอาหาร ห้องพักไปจนถึงห้องน้ำ!!!
.
ทุกพื้นที่ของโรงแรม จึงบอกเล่าเรื่องราวศิลปะวัฒนธรรมและประเพณีอันรุ่งโรจน์ของเชียงใหม่ที่มีความสวยงาม ปราณีต เป็นงานคราฟท์แบบล้านนา ซึ่งได้ร่วมกับชุมชนต่างๆ ในการสร้างสรรค์ชิ้นงานมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้
.
ระหว่างทางเดิน เราจะผ่านงานจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนภาพไว้คล้ายกับวัดในเชียงใหม่ โดยเฉพาะโถงที่ขึ้นไปห้องบอลรูม ถือว่าวิจิตรงดงามมากครับ
.
ส่วนในห้องพักก็ประดับด้วยงานศิลปะแบบล้านนาเช่นกัน เป็นงานที่ร่วมกับสล่า (ช่าง) ในชุมชนไม่ว่าจะเป็น ชิ้นงานเครื่องเงินของชุมชนวัวลายที่ประดับบริเวณหัวเตียง งานแกะสลักไม้บริเวณราวแขวนผ้าและขาโต๊ะซึ่งเป็นไม้ท่อนขนาดใหญ่จากชุมชนบ้านถวาย หมอนอิงและเบาะนั่งเป็นผ้าทอลายแบบคนเมืองเหนือและมีงานฉลุ งานแกะสลัก งานเครื่องเขินของชุมชนบ้านนันทาราม อีกหลายจุด ประดับประดาด้วยแจกันดินเผา เครื่องเขิน เครื่องเงิน หลากหลายแบบดูอลังการ มองออกไปจากห้องจะเห็นวิวดอยสุเทพที่มีฉากหน้าเป็นชุมชนในเมืองเชียงใหม่
.
อีกหนึ่งจุดน่าสนใจที่ผมชอบคือ Kam Lobby Lounge (คำ ล็อบบี้เล้าจ์) ซึ่งนำอัตลักษณ์จากเทศกาลยี่เป็งมาประดับตกแต่งเหนือเพดานในรูปแบบของโคมไฟแบบล้านนาร่วมสมัย ตอนบ่ายแก่ๆ เวลาที่แสงแดดสาดผ่านม่านสีขาวเข้ามา ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในเล้าจน์ที่นำพาเราย้อนอดีตไปในสมัยก่อน Vibes ดีสุดๆ เหมาะกับการจิบชายามบ่ายหรือดื่มคอคเทลเบาๆ ในช่วงพรีดินเนอร์
.
ติดกันเป็นห้องอาหาร Gad Lanna (กาดลานนา) นำเอาคอนเซปต์ของกาด หรือตลาดที่มีของกินให้เราได้เลือกมากมาย ภายในตกแต่งได้สวยงามหรูหราเช่นกัน นำเอา elements ของความเป็นภาคเหนือมาตกแต่งไว้ทุกจุดตั้งแต่ฝ้าเพดาน งานโต๊ะ เก้าอี้ไม้บุผ้า มีที่นั่งด้านนอกในสวนยามเช้าอากาศดีมาก มองออกไปเห็นเจดีย์และโบสถ์เก่าของวัดช่างฆ้อง ซึ่งดูกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับโรงแรม
.
เราทานมื้อเช้ากันที่นี่ เป็นแบบ Live Kitchen ส่วนกลางวันและมื้อเย็นเสิร์ฟอาหารเหนือต้นตํารับที่ปรุงด้วยวัตถุดิบออร์แกนิกตามฤดูกาลจากโครงการหลวงและฟาร์มในท้องถิ่น ส่วนตัวผมชอบข้าวซอยผัดแห้งกับเซ็ทน้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่วที่สุด ทานแล้วถึงเชียงใหม่จริงๆ
.
กานต์พาไปชมภาพที่ถ่ายมาฝากกัน พร้อมกับชวนอ่านแคปชั่นในเรื่องราวของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง ใครสนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://chiangmai.intercontinental.com
#InterContinentalChiangmai#InterContinental#ChiangMai#IHG#AWC
–
INTERCONTINENTAL CHIANG MAI The MAE PING
เมื่อความ Luxury มาบรรจบกับ Heritage
โรงแรมโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่าแพ ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจและท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ เดินทางง่าย ไม่ไกลจากสนามบิน มีสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารกินดื่มมากมาย
มองออกไปจากห้องพักภายในโรงแรมเราจะเห็นทิวเขาของดอยสุเทพ ทอดตัวอย่างสงบเป็นแนวยาว ผมถ่ายมาเป็นบรรยากาศช่วงเช้าหลังตื่นนอน แสงสวยงามมากครับ
อีกด้านของโรงแรมจะเป็นสวนและสนามหญ้าขนาดใหญ่ เพื่อให้แขกได้มานั่งทานอาหาร พักผ่อน และเอนจอยกับธรรมชาติ ศิลปะ วัฒนธรรม เพราะจะมองเห็นเจดีย์ของวัดช่างฆ้องที่อยู่ติดกันด้วย
โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมานี้เองครับ ถือโอกาสมาช่วยตัดริบบิ้นเสียเลย นั่งรถจากสนามบินเชียงใหม่ ใช้เวลาไม่นานประมาณ 15 นาทีก็ถึง
เมื่อประตูโรงแรมเปิดออก เราจะมองเห็นเคาน์เตอร์เช็คอินที่ล็อบบี้สีเหลืองทองอร่าม ดูงามตา สร้างความประทับใจแรกได้ในทันที
งานตกแต่งทุกพื้นที่ในโรงแรมจะเน้นความเป็นอัตลักษณ์ล้านนา ไม่ว่าจะเป็นขื่อ เพดาน ผนัง งานแกะสลักและประดับตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปสู่ประตูแห่งดินแดนล้านนาในอดีตจริงๆ
ส่วนทางเดินด้านในดีไซน์คล้ายกับเป็นประตูเมืองเพื่อเปิดต้อนรับเข้าไปสู่เรื่องราวการเดินทางของเราสู่อดีตที่ยิ่งใหญ่ในอณาจักรล้านนา เป็นอีกมุมทีผมว่าถ่ายรูปสวยดีครับ
โถงทางเดินจัดวางเก้าอี้ไว้ริมผนังกระจกสูง เพื่อเปิดรับแสงแดดยามเช้า และมองเห็นวิวสระว่ายน้ำ
ส่วนด้านในประดับด้วยเครื่องเงิน เครื่องเขิน แจกันดินเผาให้ความรู้สึกเก่าแก่วินเทจดูย้อนสมัย
ช่วงนี้ใกล้ Festive มีประดับต้นคริสมาสต์ขนาดใหญ่เอาไว้ในโรงแรม
บริเวณนี้จะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังห้องบอลรูมแต่ที่สวยคือภาพเขียนวาดลวดลายดอกไม้สไตล์ล้านนา ซึ่งเป็นงานทำมือทั้งหมด
ภาพวาดให้ฟีลเหมือนจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวแบบล้านนาในวัด ประดับไว้ยาวตั้งแต่โถงทางเข้า บันไดเลื่อนขึ้นห้องบอลรูม ทำให้มุมนี้ดูสีทองอร่ามตามาก
เช่นเดียวกับโถงทางเดินหน้าห้องที่ประดับไฟฝ้าเพดานสีเหลืองทองสร้างความอลังการ ห้องบอลรูมและห้องประชุมสัมมนาของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง มีขนาดใหญ่มาก รองรับ MICE เพื่อให้สมกับที่เชียงใหม่เป็นศูนย์กลางของเมืองเหนือ
อีกจุดที่ผมว่าสวยคือสะพานทางเชื่อมที่ประดับด้วยโครงสีทองไล่เฉดเมื่อต้องกับแสงแดดยามเช้าและยามเย็น
ส่วนในลิฟต์ก็เป็นสีทองเช่นกัน ประดับผนังด้วยลอนคลื่น ที่มีภาพเขียนมือประดับเอาไว้
โถงทางเดินภายในชั้นห้องพัก เราพักกันชั้น 14 จะเป็นสีเขียวไก่กาให้ความรู้สึกเบาสบายใจและมีความวินเทจย้อนยุคนิดๆ
เราพักห้อง Premium King Mountain View ขนาด 43 ตร.ม. ตกแต่งด้วยโทนสีเขียวอมน้ำตาลและสีครีม เฟอร์นิเจอร์ทำมือ โคมไฟและผ้าดีไซน์ท้องถิ่น
หน้าต่างขนาดใหญ่ 2 บานที่เปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น
มองจากในห้องออกไปเห็นวิวทิวเขาน้อยใหญ่แบบพาโนรามิค พร้อมกับบ้านเรือนผู้คนของชาวเชียงใหม่
ส่วนห้องน้ำอยู่ด้านในมาพร้อมกับห้องอาบน้ำ และมีอ่างอาบน้ำแบบสแตนด์อโลน ตกแต่งด้วยลวดลายของกระเบื้องที่สวยงามพร้อมงานเครื่องเงินที่ตอกเป็นแผ่นบางๆ จากนั้น นำมาเข้ากรอบประดับฝาผนังเอาไว้
ตรงกลางเป็นเตียงนอนคิงไซส์ขนาดใหญ่เพื่อการนอนหลับสนิทตลอดคืน ปลายเตียงจัดวางชุดโซฟาที่นั่งพร้อมหมอนอิงและเบาะบุผ้าลวดลายล้านนาเอาไว้
สังเกตเห็นว่า งานออกแบบและตกแต่งลงรายละเอียดไว้ในทุก element ไม่เว้นแม้กระทั่งขาโต๊ะที่แกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้โบราณทั้งท่อน
element ต่างๆ ในห้องนอนก็คือตกแต่งให้ความรู้สึกหรูหราแบบ elite Lanna จริงๆ
เรากดลิฟต์ลงไปห้องอาหารบริเวณชั้น 1 เดินผ่านโถงหน้าลิฟต์ที่ประดับด้วยภาพวาดมือบอกเล่าเรื่องราวของวิถีชีวิตล้านนาโบราณ ชอบมากเลยครับ ดูคราฟ์ดี
พาไปชม Kam Lobby Lounge (คำ ล็อบบี้เล้าจ์) เป็นห้องสำหรับนั่งดื่มเบาๆ ในทุกช่วงเวลาของวัน เสิร์ฟเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ คอคเทล และเป็นบาร์ไปในตัว
Mixologist กำลังรังสรรค์เครื่องดื่มให้เรา ผมเลือกเป็นตัว Signature ชื่อว่า เวียงพิงค์
ผมชอบบรรยากาศหน้าเคาน์เตอร์บาร์ รู้สึกเหมือนได้ย้อนยุคไปนั่งในคอคเทลเล้าจน์ของโรงแรมแบบเก่า แต่ดูโมเดิร์นกว่า โดยเฉพาะโคมไฟประดับเพดานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโคมไฟในเทศกาลยี่เป็ง
เดินเข้าไปด้านในช่วงบ่ายสวยมาก แสงแดดสาดส่องเข้ามา ทำให้ภายในห้องเป็นสีโทนอบอุ่น เหมาะสำหรับช่วงฤดูหนาวของเชียงใหม่
มุมนี้สามารถเปิดออกมานั่งรับลมจิบเครื่องดื่มด้านนอกได้ด้วยครับ พร้อมกับพักผ่อนบริเวณริมสระว่ายน้ำ
ส่วนตัวผมชอบบรรยากาศของ Pool Side ที่ให้ความสบายๆ แบบเปิดโล่ง สามารถเดินออกมาจากโถงล็อบบี้ได้เลย
สระว่ายน้ำมาพร้อมกับบาร์และเตียงอาบแดด วางไว้รายรอบ ด้านในสุดมีคาบาน่า ให้เราได้ใช้เวลาผ่อนคลาย ในวันหยุดสบายๆ
มื้อค่ำเดินไปทานข้าวที่ห้องอาหารกาดลานนา ประดับด้วยไม้พร้อมกับต๋าแหลว เป็นเครื่องจักรสานของทางล้านนา
ภายในห้องอาหารกว้างมาก รองรับแขกได้เยอะมากมีที่นั่งจัดวางเอาไว้ในหลายจุด จะนั่งด้านหน้าบาร์เครื่องดื่มก่อนเริ่มต้นมื้ออาหารก็ได้
ด้านในตกแต่งสวยงามด้วยโคมไฟและสีสันจากเบาะบุผ้าที่ให้ลวดลายแบบล้านนาน มองออกไปเห็นวิวสวนด้านนอก ซึ่งจะเปลี่ยนสีออกไปในช่วงเวลาที่แสงแตกต่างกันในแต่ละวัน
สั่งเครื่องดื่มจากบาร์มาดื่มต่อที่นี่ เป็นเมนูพิเศษที่ครีเอทขึ้นมาในช่วงเทศกาลคริสมาสต์เท่านั้น
จากนั้น สั่งอาหารมาทาน แน่นอนว่าอยากทานอาหารเหนือเป็นหลัก เลือกสั่งเป็นข้าวซอยลุงพนม จานนี้แนะนำมากเพราะเนื้อตุ๋นมาจนเปื่อยนุ่ม ส่วนซุปข้าวซอยจะแยกออกมาไว้คล้ายกับสกึเมงของญี่ปุ่นจะทานเป็นแบบน้ำหรือว่า ใช้วิธีแบบนำเส้นไปจุ่มก็ได้เช่นกัน
เมนูมีหลากหลายสมชื่อกาดหรือตลาดจริงๆ ครับ มีทั้งอาหารเหนือ อาหารเวิร์สเทิร์น อยากกระซิบว่า The Best ของเราก็ยังคงเป็นไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่มอยู่ดี รสชาติกลมกล่อมไม่เผ็ดมาก
มีที่นั่งด้านนอกให้เลือกนั่งสบายๆ ด้วยครับ ตอนเช้าก็จะอากาศเย็นๆ มองเห็นเจดีย์และโบสถ์ของวัดช่างฆ้องที่อยู่ติดกัน ท่ามกลางบรรยากาศของสวนสีเขียว สามารถมานั่งที่คาบาน่าได้ด้วยครับ
ส่วนมื้อค่ำก็จะเปิดไฟโคมที่ประดับไว้บนต้นไม้เพิ่มเพื่อสร้างบรรยากาศ
ด้านในห้องอาหารก็สามารถเชื่อมต่อกับธรรมชาติสวนและต้นไม้ภายนอกได้เช่นกัน
อาหารเช้า เน้นวัตถุดิบสดใหม่จากฟาร์มและผู้ประกอบการท้องถิ่นเป็นหลัก อย่างเช่นน้ำผึ้งก็มาเป็นรวงแบบนี้เลยครับ
อาหารเช้าอลังการมาก เลือกทานกันแทบไม่ถูกเลยครับ เยอะจัด ทั้งอาหารเหนือ อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น อาหารยุโรป ส่วนตัวชอบขนมครก โรยน้ำตาล ให้ความรู้สึกเหมือนเดินตลาดแถวบ้านในวัยเด็ก
มีสเตชั่นหลักเป็น Live Kitchen ในหลายจุด อย่างเช่นครัวนี้เราสามารถสั่งเมนูไข่ในแบบที่เราต้องการได้ ส่วนด้านในเป็นเมนูปรุงสดอย่างอื่นซึ่งจะเปลี่ยนไปในแต่ละวัน เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวซอย ข้าวผัด ฯลฯ
นับว่าเป็นการบินมาพักผ่อนในบรรยากาศสบายๆ ได้ฟีลของเมืองเชียงใหม่ล้านนา โดยแทบจะไม่ต้องออกไปจากนอกโรงแรมเลยครับ
ช่วงฤดูหนาวแบบนี้ เชียงใหม่ยังเป็นจุดหมายการเดินทางที่น่าสนใจทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเสมอ อยากแนะนำให้มาพักที่ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง กันดูครับ