ชวนไป #นอนวัดที่เกียวโต
ชิมอาหารรสพระทำ
ได้ฟีลโรงแรม 5 ดาว
แถมทำวัตรเช้าให้ด้วย
สาธุ
เกียวโตทริปนี้กานต์จองมานอนที่วัดชิชะคุอินไคกัง เป็นวัดเก่าในเกียวโต อายุ 400 กว่าปี จริงๆ แล้วการนอนพักค้างที่วัดของชาวญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะต้องเดินทางแสวงบุญ เรียกกันว่า “ชุคุโบะ” (Shukubos) ซึ่งที่วัดนี้ก็มีที่พักมาเกือบ 50 ปีแล้ว แต่เพิ่งรีโนเวทใหม่และปรับให้ดูเป็นโรงแรมสากลมากขึ้น ซึ่งถ้าไม่นับว่ามีพระทำหน้าที่เป็นรีเซฟชั่น มันก็ใช่โรงแรมดีๆ ใจกลางเกียวโตนี่แหละ
ห้องพักมีทั้งแบบตะวันตกและนอนฟุตงแบบญี่ปุ่น ตกแต่งแบบเรียวกังโบราณ มันดูคลาสสิคมาก มีความเซน มีความเป็นจิตวิญญาณญี่ปุ่นสูง ห้องใหม่ให้อารมณ์โรงแรม 5 ดาว ชั้นล่างมีล็อบบี้ ร้านอาหาร ขายของของฝากและมีออนเซ็นด้วยนะ
แต่ว่าไฮไลท์คือการตื่นไปทำวัตรเช้าตอนตีห้า จะมีเสียงตามสายมาปลุกสำหรับใครที่แจ้งชื่อไว้ ซึ่งจะมีพระนำให้เราเดินตามไปยังวิหารกลาง ซึ่งเพิ่งสังเกตว่าพระสงฆ์มีเยอะมาก แต่งกายด้วยสีสันแตกต่างกันไปไม่แน่ใจในความหมายเหมือนกัน ซึ่งก็จะมีญาติธรรมชาวญี่ปุ่นมานั่งทำวัตรเช้าด้วย ส่วนแขกที่เข้าพักเท่าที่เห็นเป็นต่างชาติเกือบทั้งหมด แสดงว่าได้รับความนิยมมากสำหรับที่พักแนววัฒนธรรมเช่นนี้
เสร็จจากทำวัตรเช้า พระจะนำเราไปเดินชมสวนและสมบัติชาติซึ่งมีทั้งภาพวาดฝาผนังของอินโช โดโมโตะ จิตรกรเอกในชุมชนศิลปินของเกียวโต ภาพวาดฝาผนังสมัยโมโมยามะเป็นรูปดอกซากุระวาดลงบนทองคำเปลว เช่นเดียวกับภาพต้นเมเปิ้ลสวยมาก
เรายังได้นั่งชมสวนดูสงบเงียบดีมาก ได้อยู่กับตัวเอง มองดูสายน้ำและใบไม้ที่ปลิดปลิว และยังเปิดโอกาสให้ได้สนทนาธรรมกับพระ (ถ้าใครพูดญี่ปุ่นได้นะ) จากนั้นก็จะไปทานอาหารกันซึ่งห้องอาหารเหมือนทานอยู่ในโรงครัววัด ออกแบบดีมาก เป็นชุดอาหารไคเซกิ เราทานในวัดวันละ 2 มื้อคือ เช้ากับค่ำ
ใครไปเกียวโตครั้งหน้า ถ้าอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศแปลกใหม่ให้กับทริป ลองนอนวัดสักคืนก็น่าจะเป็นอีกประสบการณ์แปลกใหม่ที่เราว่าจะทำให้ทริปญี่ปุ่นน่าจดจำมากยิ่งขึ้น
ดูรายละเอียดของวัดและโรงแรมได้ที่นี่ >> https://chisan.or.jp
–
วัด Chishakuin เดิมสร้างขึ้นที่ Koyasanใน Wakayama ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเกียวโต เพื่อระลึกถึง Sutemaru ลูกชายของ Toyotomi Hideyoshi ซึ่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้สามขวบ
อาคารต่างๆ ถูกนำมาที่นี่ในปี 1598 ตามคำสั่งของโทคุงาวะ อิเอยาสุ
.
วัด Chishakuin ในเกียวโตเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องภาพวาดฝาผนังและสวนเก่าแก่ วัดอยู่ใกล้ๆ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเกียวโต สามารถเดินระยะสั้นๆ จากซันจุซังเกนโด
วัด Chishaku-in เป็นวัดหลักของโรงเรียน Chisan ของศาสนาพุทธนิกาย Shingon และวัดประมาณ 3,000 แห่งเป็นของโรงเรียน Chisan ในญี่ปุ่น
วัด Chishaku-in เดิมเป็นวัดย่อย ของวัด Negorosan Daidenpo-in (ดังนั้นวัดชิชาคุอินจึงถูกเรียกว่า “วัดเนโกโรจิ”)
ต่อมาวัด Negorosan Daidenpo-in กลายเป็นศัตรูกับ Hideyoshi TOYOTOMI และถูกทำลายโดยไฟในการปิดล้อมของ Negoro ในปี 1585 หลังจากนั้น วัดนี้ได้รับการฟื้นฟูในสมัยของ Ieyasu Tokugawa
ที่พักของวัด Chishakuin Kaikan สร้างขึ้นในปีโชวะที่ 41 ประมาณ 50 ปีมาแล้ว จึงได้รีโนเวทใหม่ เป็นสไตล์โรงแรมมากขึ้น
เมื่อมาถึงวัดก็ปิดแล้วครับ เราเลยยังไม่ได้ชมวัดต้องมาเช็คอินก่อน
เซอร์ไพรส์แรกเลยคือ … พระทำหน้าที่ฟรอนท์ด้วย
วิธีการเหมือนโรงแรมในญี่ปุ่นเลยครับ ยื่นพาสปอร์ตกรอกข้อมูลคร่าวๆ จากนั้นก็ชำระเงิน โดยมีพระเป็นผู้ดำเนินการ
แน่นอนว่าเอกลักษณ์ของวัดญี่ปุ่นต้องมีขายเครื่องรางทุกที่
ชั้นล่างมีล้อบบี้ให้นั่งรอเช็คอิน หรือนั่งพักผ่อน และเป็นจุดนัดพบสำหรับใครที่จะตื่นไปทำวัดเช้าในวันพรุ่งนี้
ห้องพักเป็นแบบญี่ปุ่นครับ กี่เสื่อก็ไม่รู้แต่กว้างขวางมากเหมือนกัน เมื่อมาถึงจะยังจัดห้องให้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน ก่อนจะปรับเป็นที่นอนในตอนกลางคืน
ตกแต่งแบบเดียวกับเรียวกังโบราณที่เราเคยไปพัก
มีระเบียงด้านนอก จัดวางเก้าอี้ไว้ สามารถเปิดม่านออกไปชมวิววัดได้
มีกาน้ำร้อนแบบญี่ปุ่น ชาเขียวผงและขนม ไว้รอต้อนรับตามแบบฉบับเรียวกัง
ห้องน้ำแยกกับห้องอาบน้ำอยู่คนละฝั่ง เอาจริงคือห้องพักกว้างแยกฟังก์ชั่นดีมาก อยู่แล้วไม่อึดอัด
ด้านหน้าของที่พักเหมือนโรงแรมทั่วไปเลยครับ สามารถขับรถมายังจุดดรอปออฟได้
ตกแต่งในสไตล์เซนแบบญี่ปุ่น
อยู่ติดกับวัดเลยครับ ตอนนี้เย็นแล้ววัดปิด เราเดินเล่นด้านนอก ชมสวนชมไม้กันไปก่อน ระหว่างรอทานข้าวเย็น
บรรยากาศตอนค่ำก็เงียบสงบดีครับ เนื่องจากอยู่ถัดจากถนนใหญ่มาเล็กน้อยทำให้ไม่ค่อยวุ่นวายนัก
นี่คือห้องจัดเลี้ยงซึ่งจะมีเวทีด้านหน้าด้วยครับ อารมณ์เหมือนทานข้าวในโรงครัวของวัด
มื้อเย็นแบบไคเซกิธรรมดา มีแบบจักรพรรดิด้วยนะ เห็นของโต๊ะข้างๆ อลังการกว่านี้หน่อยนึง
ลิ้มรสพระทำ
อาหารเช้าก็มาเป็นชุดเช่นกัน อาหารอร่อย เหมือนให้น้อยแต่อิ่มอยู่นะ
ห้องพักปูที่นอนไว้ให้แล้ว แต่ไม่แน่ใจเรื่องปูฟุตง ว่าห้องอื่นมีพนักงานทำให้ระหว่างที่เราไปทานข้าวไหม แต่ห้องเราไม่มี ต้องปูเอง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยาก อุปกรณ์เครื่องนอนจะอยู่ในตู้ลากลงมาได้เลยครับ
เข้านอนไว้เพราะต้องตื่นตีห้า มีเสียงดังจากลำโพงเข้ามาในห้องบอกว่าอีก 30 นาทีเจอกันที่ล้อบบี้ จะไปทำวัตรเช้าที่ในวิหาร
เพิ่งได้เข้ามาภายในวัด สวยงาม สะอาดตาและดูสงบมาก
เดินผ่านห้องโถงไทชิโดะ (大師堂) ที่อยู่ด้านในสุดของเขต อาคารหลังนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2332
เรานั่งสักพัก พระภิกษุะจะทยอยเดินเข้ามาใน Kondō Main Hall พระมีจำนวนเกือบร้อยครับถือว่าเยอะมาก จากนั้น น่าจะเป็นท่านเจ้าอาวาสนำทำพิธีสวดพระสูตรต่อหน้าพระประธาน Dainichi Nyorai
ภาพนี้สแนปตอนจบทำวัตรเช้าแล้วครับ
จากนั้น พระลูกวัดซึ่งทำหน้าที่ผู้บรรยายจะพาเราเดินไปยังอาคาร Myōden Hall ที่อยู่ติดกัน ระหว่างทาง จะผ่านสวนทราย ได้ไปชมหอระฆังโชโรโด
ทางเดินเป็นไม้เชื่อมต่อกันเหมือนเขาวงกต เดินงงๆ ให้เดินเองน่าจะหลง ส่วนนึงอาจจะเพราะมัวถ่ายรูปด้วย
มาถึง Ko-do Hall (講堂) ซึ่งบุคคลภายนอกก็สามารถซื้อบัตรเข้ามาชมได้ในช่วงสาย ถือเป็นคลังสมบัติชาติที่ยิ่งใหญ่มาก
ด้านในเป็นสวน Oshoin (大書院) ซึ่งได้รับการเลือกให้เป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามระดับชาติ ซึ่งกล่าวกันว่า SEN no Rikyu อาจารย์แห่งพิธีชงชาชื่นชอบเป็นพิเศษ
ภาพวาดจำลองของ Shoheki-ga โดยใช้กระดาษฟอยล์สีทองที่วาดเป็นรูปต้นเมเปิ้ล โดย Tohaku Hasegawa ใน Oshoin (大書院)
ชมงานศิลปะไปด้วย สลับกับการชมสวนในบรรยากาศตอน 7 โมงเช้า ช่างเงียบสงบดีมาก
ภูเขาของสวนแห่งนี้สร้างตามแบบของชาวจีน Lushan และสระน้ำสร้างตามแบบของ Chang Jiang
สวนแห่งนี้สร้างขึ้นโดย Enshu KOBORI ซึ่งเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงในยุคเอโดะ
จากนั้น ก็เดินไปชมห้องเก็บสมบัติกันต่อ บรรยากาศดีมาก แวะล้อมด้วยสวยสีเขียวตลอดทางเดิน
นี่คืออห้องโถง Ko-do (講堂)
อาคารหลังปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2538
ภาพ Fusuma สมัยใหม่ที่วาดโดย Toshio Tabuchi ก็จัดแสดงอยู่ในอาคารหลังนี้
รูปภาพฟุสุมะและโชเฮกิกะจำนวนมากยังจัดแสดงอยู่ที่ส่วนในของโอโชอิน (大書院)
ภาพวาดขาวดำโดยใช้ถ่าน เพ้นท์ลงบนประตูบานเลื่อน
พระผู้บรรยายของเรา กำลังเล่าที่มาซึ่งขอบอกว่า “ฟังไม่รู้เรื่อง” เพราะพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น ต้องถ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยมาเปิดหารายละเอียดเป็นภาษาอังกฤษอ่านเพิ่ม
อาจจะต้องสังเกตป้ายเอาว่าห้องไหนถ่ายภาพได้ ห้องไหนไม่อนุญาตนะครับ แต่ที่แน่ๆ คือภาพวาดโบราณสวยทุกห้องเลยครับ ถ้ามาตอนเช้าก็จะได้ชมอย่างสบายใจไม่ติดนักท่องเที่ยวครับ
นอนวัดที่เกียวโตก็เป็นอีกประสบการณ์ที่น่าสนใจ จริงๆ ยังมีอีกหลายวัดมาก ทั้งแบบหรูหราและเรียบง่าย ได้ฟีลวัดเก่าจริงๆ ก็มีโดยเฉพาะที่วากายาม่า เดี๋ยวครั้งหน้าจะจองไปพักบ้างครับ