HYDE Heritage Thonglor

𝐍𝐞𝐰 𝐘𝐨𝐫𝐤 𝐀𝐫𝐭 𝐃𝐞𝐜𝐨 𝐑𝐞𝐛𝐢𝐫𝐭𝐡: The Art and Heritage in HYDE Heritage Thonglor, the Ultimate Luxury Condominium

.

Art Deco (อาร์ตเดโค) เป็นหนึ่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมที่กานต์ชอบมากครับ เพราะคงความคลาสสิคต่อเนื่องจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน

.

New York Art Deco กานต์ว่าเปรียบเสมือนตัวแทนของความหรูหราเย้ายวนใจและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ด้วยการเลือกใช้สี รูปทรงเรขาคณิตอันโดดเด่น และการประดับประดาอย่างหรูหรา เพื่อตอบสนองต่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุคนั้น

.

เห็นได้จากอาคารต่างๆ อาทิ Chrysler Building (1930) Empire State Building (1931) Rockefeller Center (1940) ที่ได้พากันเปลี่ยนเส้นขอบฟ้าของนิวยอร์ก แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ทางสถาปัตยกรรมของเมืองและความมีชีวิตชีวาทางสังคม

.

New York Art Deco เป็นงานออกแบบที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับโครงการคอนโดมิเนียมหรูใจกลางทองหล่อ-เอกมัย อย่าง HYDE Heritage Thonglor ที่ได้ผสมผสานองค์ประกอบจากศิลปะที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของยุค 20s เน้นเส้นแนวตั้งของรูปทรงที่เพรียวบาง ความสมมาตร และดีไซน์ที่หรูหรา เน้นรายละเอียดของการออกแบบที่พักอาศัยและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อส่งมอบประสบการณ์พักอาศัยอันหรูหราสะดวกสบายให้กับลูกบ้าน

.

ในทุกคืน เอกมัย-ทองหล่อ ไม่เคยหลับใหล เป็นย่านที่กานต์ว่าคึกคักและมีชื่อเสียงมาก เป็นแหล่ง Hang out ที่มีไลฟ์สไตล์ชัดเจน

.

แม้ HYDE Heritage Thonglor จะตั้งอยู่ในย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องไลฟ์สไตล์ที่มีชีวิตชีวาที่สุดของกรุงเทพมหานคร แต่กลับได้รับอิทธิพลของชื่อโครงการมาจากเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามคือ Unesco องค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลและขึ้นทะเบียนมรดกโลก (World Heritage) ซึ่งในแง่ของประวัติศาสตร​์ของสถานที่ จากมรดกตกทอดรุ่นสู่รุ่นของที่ดินผืนใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใจกลางกรุงเทพ สู่การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรูความสูง 45 ชั้น จำนวน 311 ยูนิต ที่เน้นย้ำความเชื่อมโยงระหว่างการออกแบบสถาปัตยกรรมและมรดกทางวัฒนธรรมของพื้นที่ โดดเด่นด้วยการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางมากถึง 28 ฟังก์ชัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย สร้างสภาพแวดล้อมเพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจแก่ผู้อยู่อาศัย สามารถเรียกว่า “บ้าน” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

.

ไปชมภาพบรรยากาศในคอลเลคชั่น HYDE Heritage Thonglor ที่ผสานให้ผู้คน สีสันของงานศิลปะและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัวอ่านเรื่องราวกันต่อในแคปชั่นด้านในได้เลยครับ

.

ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://www.hydeheritage.com/#register

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร 065 146 5959

HYDE Heritage Thonglor เป็นโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 59 จุดกึ่งกลางระหว่าง 2 ทำเลฮอตอย่าง “ทองหล่อ” และ “เอกมัย” บนเนื้อที่ประมาณ 2.2 ไร่ ด้วยงานดีไซน์ที่โดดเด่นดุจอัญมณีเม็ดงามที่ผ่านการเจียระไนมาอย่างปราณีต

.

จุดเด่นของทำเลคือการอยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อเพียง 250 เมตร ทั้งยังเชื่อมต่อถนนหลายสายไม่ว่าจะเป็น สุขุมวิท อโศก พระราม 9 พระราม 4 เพลินจิต ชิดลม อ่อนนุช ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (ทางพิเศษฉลองรัช) และทางพิเศษศรีรัช

โครงการตั้งอยู่ย่านทำเลทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลที่ได้ชื่อว่าราคาที่ดินมีมูลค่าสูงและปรับราคาขึ้นทุกปี

ด้วยความที่เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของคนกรุง ย่านนี้จึงเต็มไปด้วย Community Mall อาทิ The Common, J Avenue, Market place, Donki Mall, Japanese Town, Major Sukhumvit, Gateway Ekkamai และร้านอาหารนานาชาติระดับมิชลินสตาร์อีกหลายร้าน รวมไปถึงสถานบันเทิงยามค่ำคืนชื่อดังอีกจำนวนมาก

เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่รองรับไลฟ์สไตล์ Luxury ที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดเลยก็ว่าได้

เป็นหนึ่งในทำเลที่รวมความ Premium ไว้ด้วยกัน โดยมี ช้อปปิ้งมอลหรู 5 แห่ง โรงแรม 5 ดาว 8 แห่ง และ สำนักงานเกรด A 17 แห่ง

ส่วนของโรงแรมหรูห้าดาวชื่อดังหลายโครงการในทำเลนี้มี Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit, Ascott Thonglor Bangkok, ONE Sukhumvit 59 (กลุ่ม Intercontinental Hotel & Resort), Hotel Jen (โรงแรมในเครือของ Shangri-La) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังรายล้อมด้วยสถานศึกษาชื่อดัง อาทิ Ekamai International School, St.Andrew International School, Wells International School

ตลอดจนมีโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลปิยะเวท ฯลฯ จึงทำให้เป็นทำเลที่เหมาะมากกับการพักอยู่อาศัย

กานต์ประทับใจกับทางเข้าหลักด้านหน้าที่ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการ โดดเด่นด้วยการใช้เส้นโค้งและการนำรูปทรงเรขาคณิตมาใช้เพื่อให้เกิดมุมมองทางมิติที่ซับซ้อน ออกแบบโดยคำนึงถึงความสมดุล ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของ Art Deco แสดงถึงพลังของความเคลื่อนไหวและความหนักแน่น ขณะเดียวกันก็ผสานความเรียบหรูคลาสสิคลงไปเพื่อดูอบอุ่น เหมาะกับการเป็นที่พักอาศัย

Exterior Design ออกแบบมาอย่างคลาสสิค ราวกับพาเราย้อนกลับไปสมัยปี 1920 ที่มหานคร New York ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของงานศิลปะ “อาร์ตเดโค” (Art Deco) ผสมผสานความโมเดิร์นของการออกแบบและวัสดุที่ใช้ เช่น หิน โลหะ และกระจก ตลอดจนงานตกแต่งภายในสุดหรูหรา จนกลายเป็นงานสถาปัตยกรรมที่ไร้กาลเวลา (Timeless)

กานต์ขับรถมาตามถนนสุขุมวิท โครงการอยู่ติดถนนใหญ่ จึงเน้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับผู้พักอาศัยมากเป็นพิเศษ

ด้วยการติดตั้งกล้อง CCTV โดยรอบโครงการและจัดเจ้าหน้าที่รักษาปลอดภัยดูแลทุกจุดตลอด 24 ชม.

ส่วนรถยนต์ของลูกบ้านผ่านเข้า-ออกโดยใช้ระบบ Key Card ด้านหน้ามีจุด Drop-off คล้ายพักในโรงแรมหรู

มุม Garden ด้านหน้าอาคารร่มรื่นด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่คอยให้ร่มเงา มีบ่อน้ำทอดยาวตลอดด้านหน้าแนวอาคารเพื่อให้เกิดความรู้สึกเรียบ นิ่ง ทิ้งความวุ่นวายทั้งหมดเอาไว้ภายนอก เพื่อให้เกิดความสุขสงบที่แท้จริงในจิตใจ

ติดกันเป็นอาคารใหญ่ที่มีกลิ่นอายสถาปัตยกรรมแบบยุโรปคลาสสิคราวกับเป็นฐานที่มั่นของจิตใจ ไอเดียนี้ผมชอบมากครับ ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ทันทีที่เข้ามาภายใน

โครงการ HYDE Heritage Thonglor ให้ที่จอดรถ 100% (Conventional & Automatic Parking) ถือเป็นไม่กี่โครงการให้จัดเต็มให้มากขนาดนี้

จากจุด Drop-off ด้านหน้า สามารถขับรถวนเข้ามาด้านใน ใกล้ๆ กันจะมีห้องพักคอยสำหรับนั่งรอรถยนต์ของเราที่กำลังลงมาพร้อมจอบอกสถานะ นอกจากนี้ยังจัดให้มีพื้นที่พิเศษสำหรับ Supercar อีกจำนวน 6 ช่องจอดอยู่ในบริเวณเดียวกัน

โครงการยังได้จัดให้มีจุดบริการ EV Charging Station สำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดย HYDE Heritage Thonglor เป็นโครงการที่ถือว่ามีจุดจอดและชาร์จพลังงานรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) มากที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้อีกด้วย

ภายในโครงการจะมีจุดจอดพร้อมเครื่องชาร์จพลังงานมากถึง 32 จุดด้วยกัน โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 10% จากจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด ตลอดจนมีการแยกชั้นระหว่างจุดจอดรถทั่วไปเพื่อความเป็นระเบียบ และการใช้งานที่ง่ายเป็นสัดส่วน

ที่สำคัญเครื่องชาร์จพลังงานสามารถรองรับการชาร์จพลังงาน TESLA และ EV Car ได้ทุกคัน ดังนั้นผู้พักอาศัยที่มีรถยนต์ไฟฟ้า จึงไม่ต้องกังวลในเรื่อง EV Charging Station ว่าจะมีไม่เพียงพออีกต่อไป ซึ่งสามารถตอบโจทย์และช่วยเพิ่มศักยภาพในการพักอาศัยให้สะดวกสบายไปอีกขั้น

จากพื้นที่จอดรถเราเดินย้อนกลับมาบริเวณทางเข้าอาคารด้านหน้าซึ่งออกแบบให้มีจุด Drop-off เพื่อความสะดวกในการขึ้นลงและรับ-ส่งลูกบ้าน

บริเวณด้านหน้าประตูหลักให้อารมณ์เหมือนการเข้าพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวย่านสุขุมวิทที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยการเลือกใช้หินอ่อนประดับ ขับเน้นบริเวณประตูโค้งทรง Arch ด้วยหินอ่อนสีดำ ทำให้แสงไฟสะท้อนจากภายในค่อนข้างโดดเด่นเป็นที่น่าประทับใจสำหรับผู้อยู่อาศัยและแขกผู้มาเยือน

โดยเราสามารถเรียกใช้บริการลีมูซีนรับ-ส่งจาก On Demand Service ของโรงแรม HYATT Regency Bangkok Sukhumvit เพื่อพาเราไปสู่จุดหมายได้เลยครับ

เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับ Grand Lobby Lounge มีเคาน์เตอร์ต้อนรับ พร้อมกับเจ้าหน้าที่ Concierge Service จาก Compass Hospitality คอยอำนวยความสะดวก

ภายในจัดวางที่นั่งกระจายกันไปในหลายจุดเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนของลูกบ้านเมื่อยามมานั่งพักผ่อนหรือนัดหมายแขกให้มาพูดคุยธุระกันที่ Grand Lobby Lounge ชั้น 1 ซึ่งจัดเป็นโซฟาสีเทาควันบุหรี่และเก้าอี้หนังแท้สีเลือดหมูดูเรียบหรู พร้อมโต๊ะกลางจัดวางเป็นชุดๆ ตามมุมต่างๆ เพื่อต้อนรับแขก

บรรยากาศภายในค่อนข้างสบาย นั่งนานๆ ได้ไม่อึดอัด มีความสูงโปร่งเปิดช่องแสงผ่านกระจกทรงสูงให้ความรู้สึกหรูหรา โอ่อ่า ด้วยความสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานอยู่ที่ประมาณ 6 เมตร

ขณะที่บริเวณด้านหน้าถือว่าเป็นไฮไลท์ เพราะให้ความสูงขึ้นไปเท่ากับตึก 4 ชั้น ประมาณ 14 เมตร เปิดรับช่องแสงผ่านกระจกใสที่ติดตั้งไว้โดยรอบ กรอบเป็นเหล็กสีดำเข้มให้ความหรูหรายิ่งใหญ่อลังการในสไตล์งาน New York Art Deco

ฝ้าเพดานประดับด้วยแชนเดอร์เลียขนาดใหญ่ที่ส่องประกายให้ Grand Lobby Lounge มีความเจิดจรัสหรูหรามากยิ่งขึ้น

ภายในยังมีอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมชอบมาก เห็นแล้วรู้สึกได้เลยว่างานออกแบบตกแต่งค่อนข้างลงรายละเอียดมาอย่างดี

ด้วยบันไดหินอ่อนทรงโค้งขึ้นลงได้ 2 ฝั่ง ราวกันตกเป็นกระจกสีชาประดับประดาไฟบริเวณขั้นบันไดดูหรูหรามาก สามารถเดินขึ้นไปยังบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวสำหรับลูกบ้านเท่านั้น

เมื่อเดินขึ้นบันมา จะพบกับ Private VIP Storage และ Private Storage ทางโครงการจัดมาให้สำหรับทุกยูนิต โดยจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามขนาดห้อง ตรงนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผมชอบในการลงรายละเอียดคือการออกแบบ คือให้มีล็อคเกอร์เก็บของขนาดใหญ่ที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าลิฟต์ลานจอด ทำให้เราสามารถเก็บถุงกอล์ฟ หรือข้าวของที่ไม่จำเป็นต้องนำขึ้นไปบนห้องตลอดเวลา นำมาเก็บไว้ที่นี่ได้ซึ่งจะระบุหมายเลขห้องเอาไว้เรียบร้อยเพื่อความเป็นส่วนตัวครับ

“𝐒𝐮𝐜𝐜𝐞𝐬𝐬 𝐢𝐬 𝐧𝐨𝐭 𝐣𝐮𝐬𝐭 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐦𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐦𝐨𝐧𝐞𝐲; 𝐢𝐭’𝐬 𝐚𝐛𝐨𝐮𝐭 𝐦𝐚𝐤𝐢𝐧𝐠 𝐚 𝐝𝐢𝐟𝐟𝐞𝐫𝐞𝐧𝐜𝐞.”

– Wall Street: Money Never Sleeps

นอกจากนี้ ยังมี Laundry Room, Parcel Room และ Smart Lockers ทั้งยังเดินลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดินได้ ซึ่งจะเป็นพื้นที่สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกบ้านของโครงการเท่านั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว

ที่บริเวณชั้น 2 ก็จัดให้มีส่วน “Private Grand Lobby Lounge” พื้นที่ส่วนตัวที่สงวนสิทธิ์สำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ สำหรับนั่งพักผ่อนในบรรยากาศแบบส่วนตัว

โถงลิฟต์ดูหรูหรา พื้นปูด้วยหินอ่อน ผนังประดับกระจกสีชา ตกแต่งพื้นที่นี้ด้วยแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ ที่ให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา

เมื่อเราขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 7 จะเป็นพื้นที่ของ Facilities ทั้งชั้น จากพื้นที่ส่วนกลางกว่า 2,000 ตร.ม. รวมทั้งหมด 8 ชั้น 28 ฟังก์ชัน ชั้น 7

ประกอบด้วย HYDE Garden จัดวางพื้นที่นั่งกลางแจ้งเป็นเก้าอี้โครงเหล็กสีดำบุนวมสีขาวดูเรียบหรู บริเวณเฉลียงด้านนอกอาคารเพื่อรับลมเย็นๆ ฟังเสียงน้ำที่ดังตกกระทบตลอดเวลา

เติมเต็มความสดชื่นด้วยสนามหญ้าและต้นไม้สีเขียว รู้สึกได้ทันทีถึงความผ่อนคลายสบายใจ มองออกไปเห็น Glass House Lounge และส่วนพักผ่อนแบบ Outdoor เพื่อให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติตลอดเวลาที่พักอาศัย

อีกหนึ่งไฮไลท์ในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ผมประทับใจคือ Grand Lounge เป็นลักษณะที่นั่งพักผ่อนแบบกึ่ง Outdoor ด้วย Atrium สูงโปร่งเปิดโล่งไปจนถึงชั้นที่ 28 เลยครับ

ทำให้บริเวณนี้มีความโฟลว์ดี เป็นพื้นที่สำหรับวันสบายๆ หรือใช้เป็นสถานที่จัดปาร์ตี้แบบส่วนตัวได้

โดยเราสามารถใช้บริการ On Demand Service จากโรงแรม HYATT Regency Bangkok Sukhumvit ได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก

เราเดินชมรอบๆ ของชั้น 7 กันต่อนะครับ เดินออกมาทางด้านขวามือของ Grand Lounge จะเป็น Tea Lounge พร้อมพื้นที่สำหรับ Private Dining

ด้านในจัดวางชุดที่นั่งสุดหรูหรา ราวกับว่าเป็น Great Room ของบ้านเราได้เลยครับ เพื่อให้เราเชิญแขกคนพิเศษมานั่งพูดคุยกันในห้องนี้ได้ อาจจะช่วงจิบเบาๆ ก่อน เป็นพรีดินเนอร์ จากนั้น ค่อยเข้าสู่มื้อพิเศษที่เนรมิตไว้ในห้องนี้ครับ

ทางโครงการได้ติดตั้งเคาน์เตอร์สำหรับจัดเตรียมอาหาร พร้อมอ่างล่้างจานเพื่อรองรับการจัดเป็นพื้นที่สังสรรค์แบบส่วนตัวเอาไว้ให้แล้ว เราสามารถเชิญเชฟที่มีชื่อเสียงมาจัด Chef Table ที่นี่ได้เลยครับ

Tea Lounge พร้อมพื้นที่สำหรับ Private Dining

อีกหนึ่งเรื่องที่ผมประทับใจในรายละเอียดคือ โครงการได้ติดตั้งระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ “SCG Bi-ion” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกบ้าน

ดังนั้น คุณภาพอากาศภายในโครงการจึงสะอาดปลอดภัยด้วยการลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ลดแบคทีเรีย สปอร์เชื้อรา และไวรัสได้ถึง 99%*

จริงๆ นี่เป็นเรื่องสำคัญในยุคหลังโควิดที่เราจะคำนึงถึงคุณภาพชีวิตระดับพรีเมียมตลอดเวลาที่พักอาศัยอยู่ในคอนโด

ด้านในเป็น Spa, Salon, Manicure & Pedicure Room สำหรับคุณสุภาพสตรี เป็นฟังก์ชันที่ผมว่าสะดวกดีมากครับ

เราสามารถนัดหมายเทอราพิสและเจ้าหน้าที่เสริมความงามจากภายนอก มาปรนเปรอผิวสวยของเราได้ถึงในคอนโด โดยที่ไม่ต้องออกไปไหน ทั้งยังสามารถนวดพร้อมกันได้ถึง 2 คนพร้อมกัน เนื่องจากทางโครงการจัดเตรียมห้องไว้เป็นแบบเตียงคู่

ด้านหลังออกแบบให้เป็น Theater Room เอาไว้นั่งดูหนังแบบส่วนตัว พร้อมที่นั่ง โซฟา ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือน Movies Bar สวยๆ สำหรับจัดเป็น Movie Party Night กับเพื่อนสนิท หรือชมภาพยนตร์ร่วมกันเป็นกิจกรรมร่วมกันในครอบครัว ที่ให้บรรยากาศเหมือนโรงภาพยนตร์หรูระดับเฟิร์สคลาส ทว่าจะได้ความเป็นส่วนตัวกว่ามาก

พื้นที่ส่วนกลางยังออกแบบให้เป็นพื้นที่สันทนาการสำหรับเด็ก นั่นคือ Kids Learning Space เป็นพื้นที่ที่ดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กๆ

ทั้งยังได้พักผ่อน มีพื้นที่สำหรับเล่นสนุกสนาน โดยมีหลักในการออกแบบคือคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยในการใช้งานเป็นสำคัญ

เมื่อเดินย้อนมาจากทางด้านหลัง พื้นที่ส่วนกลางฝั่งทิศตะวันออกจะเป็นห้องจะพบกับ Co-Working Space เป็นฟังก์ชันพาร์ทสำหรับนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือประชุมคุยงาน-พรีเซนต์งาน

ที่นั่งจัดวางแบบกระจายกันไปตามความต้องการทั้งเดี่ยว คู่และแบบหมู่คณะ ภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยการประดับผนังหินอ่อนแผ่นใหญ่

ห้องที่เชื่อมต่อกับ Co-Working Space บริเวณด้านหน้า คือห้องสมุด (Library) ไว้คอยบริการสำหรับใครที่ต้องการความเงียบสงบ

ส่วนตัวคิดว่าห้องนี้บรรยากาศดีมาก มองออกไปเห็นสวนด้านหน้าและ Glass House Lounge ถ้าได้เป็นเจ้าของที่โครงการ HYDE Heritage Thonglor ผมคงมาขลุกอยู่ในห้องนี้ทั้งวันแน่ๆ เลยครับ

Glass House Lounge เป็นหนึ่งในฟังก์ชันของพื้นที่ส่วนกลางที่กานต์ประทับใจมากที่สุด เนื่องจากดีไซน์ที่สวยงาม หรูหรา และการใช้งานที่ให้ความเป็นส่วนตัว ทั้งยังโดดเด่นเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการติดถนนสุขุมวิท มองเห็นได้ชัดเจน

อาคาร Glass House Lounge ดีไซน์แบบ Art Deco เน้นฟอร์มของรูปทรงเรขาคณิต หลังคาเป็นกระจกทรงโค้งดูคลาสสิคและร่วมสมัยในเวลาเดียวกัน

ด้านบนแขวนแชนเดอร์เลียและไม้ประดับจนเกือบเต็มพื้นที่เพดาน ผมว่าเวลาที่เปิดไฟในยามค่ำคืนน่าจะสวยมาก

บรรยากาศภายในดูโปร่งสบายตา ให้เราชมวิวกรุงเทพฯ ได้รอบทิศทางแบบ 360 องศา ผ่านกระจกใส สามารถมองความเคลื่อนไหวภายนอกและรถไฟฟ้าที่วิ่งผ่านไปมาในมุมมองที่สูงกว่าปกติ สลับกับยอดไม้ที่พัดไหวไปมา ดูสวยงามร่มรื่นสบายตาดีมาก เนื่องจาก Glass House Lounge ตั้งอยู่ที่บนชั้น 7 ของโครงการ

การตกแต่งภายในสไตล์ Art Deco เลือกใช้โทนสีเรียบ ขาว เทา ดำ เป็นหลัก ทั้งยังให้ความรู้สึกหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะมันวาวเป็นเงาแบบ Glossy Finish เพื่อให้เกิดความสว่างวิบวับเวลาตกกระทบกับแสงที่ส่องผ่านกระจกเข้ามา ทำให้ห้องนี้ดูมีมิติมากขึ้น

พื้นปูด้วยหินอ่อนสีขาวสลับดำทำให้ห้องดูแกรนด์มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังโดดเด่นด้วยการติดตั้งน้ำพุบริเวณกลางโถงที่ได้ยินเสียงน้ำล่้นตลอดเวลา ทำให้รู้สึกสดชื่นสบายใจเหมาะกับการเป็นสถานที่นั่งพักผ่อนในเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัว

ทั้งยังสามารถจองห้องแบบปิดเพื่อจัด Private Party ได้ โดยสามารถใช้บริการ On Demand Service จากโรงแรม HYATT Regency Bangkok Sukhumvit ซึ่งมี Grande Asset เป็นเจ้าของเดียวกันกับโรงแรมหรูหลายแห่งทั่วไทย จึงรับประกันได้ว่าปาร์ตี้ในคืนนี้ของเราจะต้องออกมาหรูหราและน่าสนุกอย่างแน่นอนครับ

พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคารที่พักอาศัยกับ Glass House Lounge ถูกปล่อยไว้ให้เป็นพื้นที่ของสนามหญ้าลอยฟ้า เพื่อให้เราได้มาเชื่อมต่อกับธรรมชาติสีเขียวได้แม้จะใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม

ผมชอบมุมนี้มากเลยครับ เช้าๆ บรรยากาศดีมากนะ เราสามารถมาเดินเล่าเท้าเปล่าเพื่อทำการปล่อยประจุลบออกจากร่างกายกลับคืนสู่ดินได้

ใกล้กันเป็นพื้นที่เปิดจัดวางโซฟาที่นั่งเอาไว้หลายชุด คุมโทนสีขาวตัดกับสีเขียวของต้นไม้ได้ดีมาก เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ในช่วงเช้า หรือพักผ่อนหย่อนใจในช่วงแดดร่มลมตก

นอกจากนี้ผมยังสังเกตเห็นว่ามีการติดตั้งเคาน์เตอร์พร้อมอ่างล้างจานเพื่อเตรียมบริการสำหรับการจัดบาร์บีคิวปาร์ตี้ของลูกบ้านไว้พร้อมสรรพอีกด้วยครับ

จากชั้น 7 เรากดลิฟต์ขึ้นไปชั้น 40 เพื่อไปชม Facilities อื่นๆ กันต่อ ซึ่งก็ต้องบอกว่าจัดเต็มไม่แพ้กันครับ

ส่วนตัวผมชอบรูปนี้ ไม่แน่ใจว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่จ้ดวางบันได้วนได้อยู่กึ่งกลางประตูแบบนี้พอดีเลยครับ เป็นอีกหนึ่งมุมที่ถ่ายรูปออกมาดูสวยงามแปลกตาดีมาก

ชั้นบนเป็นพื้นที่ของ Sky Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่รอบตึกให้เราสามารถเทควิวกรุงเทพมุมสูงได้แบบ 360 องศา เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ปลูกไว้ให้ความร่มรื่น ให้เราได้นอนพักผ่อนชมวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพมหานครจากชั้น 40 ด้วยครับ ถ้ามองไปทางด้านหน้าอาคารจะเห็นวิวไปไกลถึงบางกระเจ้ากระเจ้ากันเลยทีเดียว

ถ้ามองจากภายนอกเข้ามาจะพบว่าสระว่ายน้ำดูสดชื่นสบายๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่นพักผ่อนหรือจะว่ายออกกำลังกายจริงจังก็ได้เช่นกันเพราะแบ่งโซนสำหรับว่ายน้ำด้วยสระขนาด 5×25 เมตรด้วย

Sky Pool ยังมาพร้อมสระ Jacuzzi และ Hot Tub สำหรับการผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการใช้ระบบแรงดันน้ำเข้ามานวดไปพร้อมๆ กับการเปิดรับวิวชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า อีกทั้งยังจัดพื้นที่ในส่วนของ Sun Deck ริมสระเพื่อการพักผ่อนในวันสบายๆ

โดยรอบสระว่ายน้ำ ทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะเก้าอี้ กระจายไปตามจุดต่างๆ ในบริเวณชั้นนี้เพื่อให้ลูกบ้านได้มานั่งพักผ่อนหย่อนใจ

ส่วนตัวผมชอบบรรยากาศตอนสายๆ เมื่อมีแสงแดดลอดผ่านเข้ามาในอาคาร บริเวณห้องพักและสระว่ายน้ำ ทำให้เราได้สัมผัสกับพลังธรรมชาติที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจ

ส่วนตัวยกนิ้วให้งานดีไซน์ที่มี Pocket Seat เล่นระดับบริเวณสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่ที่ผมอยากจะหนีมาพักใจให้ต้นไม้สีเขียวเยียวยาในวันที่เหนื่อยล้า หรือแม้แต่วันที่ต้องการพลังจากธรรมชาติ ก็สามารถมานั่งพักผ่อนอยู่บริเวณนี้ได้

เราเดินขึ้นบันไดวนเพื่อไปยังชั้น 41 กันบ้างครับ เป็นกิมมิคที่ผมว่าเก๋ดีมากๆ

ชั้นบนก็เป็นอีกชั้นที่เต็มไปด้วย Facilities ครบครันเพื่อสร้างความเพลิดเพลินในการพักอาศัย ในบรรยากาศสบายๆ

เริ่มจากห้อง Experiential Golf Simulator เอาใจคนรักวงสวิง เป็นสนามกอล์ฟจำลองสำหรับฝึกซ้อมแบบไม่ต้องออกไปลงสนามจริง

ผมว่าเป็นกิจกรรมที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านที่นี่มาก เรียกได้ว่าการดีไซน์พื้นที่ส่วนกลางทำได้ลงลึกถึงอินไซท์ที่ผ่านการคิดมาแล้วอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถรองรับการทำกิจกรรมของลูกบ้านได้อย่างหลากหลาย แต่ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ

ชั้น 41 นอกจากจะมี Golf Simulator แล้วยังมี Grand Gym ด้วยครับ คิดว่าลูกบ้านสายสปอร์ตคงถูกฝังตัวอยู่ด้านบนนี้ทั้งวัน

เพราะฟิตเนสก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน ภายในจัดวางเครื่องออกกำลังกาย อุปกรณ์ Weight Training และ Cardio Machine ได้เต็มพื้นที่ ถือว่ามีจำนวนเยอะอยู่นะครับ เพียงพอและครอบคลุมทุกความต้องการใช้งาน

โดยเครื่อง Cardio แบบจักรยาน จะหันหน้าชมวิวอาคารน้อยใหญ่ของกรุงเทพมหายคร ด้วยความที่เป็นผนังกระจกรอบทิศ ไม่ว่าจะมองจากวิวฝั่งไหนก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่สดชื่น ได้ประโยชน์มาก

ติดกันเป็น Yoga Room มีลักษณะเป็นห้องโล่งๆ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ผนังด้านข้างเปิดให้มีช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาได้เช่นกัน

ภายในห้องติดตั้งกระจกเงาบานใหญ่ เพื่อให้เราสามารถเช็คท่วงท่าและกำหนดลมหายใจระหว่างเล่นโยคะได้อย่างถูกต้อง หรือจะปรับเป็นห้องซ้อมเต้นบัลเลต์ ซ้อมร้องเพลงหรือป๊อบแดนซ์ก็ได้เช่นกัน

หากใครจัดคอร์สโยคะหรือสอนเต้นแบบส่วนตัวสามารถเชิญครูจากภายนอกมาสอนที่นี่ได้เลยครับ สามารถลงชื่อจองเข้าใช้ห้องแบบส่วนตัวกับทางนิติบุคคลได้เลยครับ

ใกล้กันยังมีห้อง Sauna และ Steam Room หรือห้องอบไอน้ำ คอยให้บริการอีกด้วย

พื้นที่ส่วนกลางจัดให้มีห้องน้ำแยกชาย-หญิงสำหรับให้บริการลูกบ้านที่มาออกกำลังกายด้วย รวมถึงออกแบบให้มีตู้ล็อคเกอร์และมุมเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องน้ำส่วนกลางอีกด้วยครับ

อีกหนึ่งรายละเอียดของการออกแบบที่ผมเห็นแล้วชอบมากก็คือการดีไซน์ให้มีช่อง Atrium ตรงกลางขนาดใหญ่ ลดทอนช่องว่างระหว่างห้องพักออกไป

ข้อดีก็คือทำให้เกิดการถ่ายเทไหลเวียนของอากาศภายในอาคาร ทำให้รู้สึกถึงความโปร่งสบายไม่อึดอัด ที่สำคัญยังช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้อย่างสะดวก ลดความเสี่ยงในการกระจายตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19

ส่วนมากดีไซน์ลักษณ์นี้จะพบในโรงแรมหรูที่ญี่ปุ่นครับ แต่ไม่ต้องแปลกใจเพราะหนึ่งในพาร์ทเนอร์ของโครงการนี้คือ Sumitomo Forestry บริษัทยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่เน้นการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน รับสร้างบ้านด้วยไม้เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาตินั่นเองครับ

ห้องตัวอย่างห้องแรกเป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 75.60 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องรู้สึกได้ถึงความโปร่งสบาย ด้วยความสูงของฝ้าเพดาน 3 เมตร ซึ่งถือว่าสูงกว่ามาตรฐานคอนโดมิเนียมทั่วไปมาพร้อมกับกระจกบานใหญ่แบบ Full-Height ที่ยังช่วยเรื่องการเปิดรับแสงธรรมชาติที่จะส่องผ่านเข้ามาในตัวห้องภายใน

พื้นห้องส่วนนี้ปูด้วย Porcelain แผ่นใหญ่ลายหินอ่อนดูหรูหรา พื้นที่ภายในออกแบบลักษณะ Open Plan ให้เราเลือกจัดวางฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์และความชอบส่วนตัวของผู้พักอาศัยแต่ละคนได้เลยครับ

ด้านหน้าประตู ทางโครงการได้ติดตั้ง Digital Door Lock ของ Yale รองรับเทคโนโลยีทั้งแบบสแกนลายนิ้วมือ, รหัส และคีย์การ์ด

นอกจากนี้ยังได้ติดตั้ง Home Automation เทคโนโลยีจาก True Digital Living มาให้เรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีที่ผมว่าช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความอุ่นใจ โดยเฉพาะช่วงที่เราไม่ได้อยู่ในคอนโดมิเนียม สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในห้องผ่านแอพลิเคชั่น สั่งการเปิด-ปิดไฟฟ้าได้เพียงปลายนิ้วสัมผัสและยังสามารถเปิดเพลง เช็กสภาพอากาศ รวมถึงเรื่องอื่น ๆ ผ่านหน้าจอได้ทันทีอีกด้วย

Living Area ออกแบบให้เชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและครัว กลายเป็น Common Area ที่ใช้ทำกิจกรรมร่วมกันของคนในครอบครัวเพื่อสานสัมพันธ์ ครัวยุโรปมีเคาน์เตอร์ด้านหลังเป็นรูปตัว I พร้อมทั้ง Built-in ตู้และชั้นวางของมาให้ ทั้งยังโดดเด่นด้วย Island ตรงกลางสำหรับจัดเตรียมอาหาร

โดยห้องของจริงจะเป็นแบบ Fully Fitted เป็นห้องเปล่า ซึ่งทางโครงการก็ได้จัดเตรียมชุดครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเฟอร์นิเจอร์ Built-in เช่น ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องปรับอากาศ และติดตั้งสุขภัณฑ์ในห้องน้ำมาให้แล้วเรียบร้อย

จากนั้น ก็ขึ้นอยู่กับไอเดียของเราเลยครับ ว่าอยากจะรังสรรค์ให้ห้องมีความอาร์ต ความเก๋ ความสวยหรูขนาดไหน

Master Bedroom เป็นห้องที่ผมชอบมาก เพราะตำแหน่งห้องอยู่หัวมุมอาคารบริเวณด้านหน้าพอดี ทำให้เป็นทำเลที่ถือว่าดีในแง่ของการเทควิวด้านหน้าถนนแบบเปิดโล่ง มองเห็นต้นไม้น้อยใหญ่และอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร

ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง พร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินรอบได้สบายเลย ปลายเตียงเป็นกระจกใสสามารถนอนชมวิวได้ทั้งคืน ส่วนของหัวนอนจัดวางโต๊ะพร้อมกับโคมไฟพร้อมของประดับตกแต่ง

ผมชอบการเลือกจับคู่กันระหว่างดีไซน์ของเตียงนอน ชุดหมอนผ้าปูและโคมไฟ ซึ่งสอดรับกันได้ดีลงตัวไปหมด มีความเรียบ หรู อยู่แล้วเหมือนได้พักผ่อนอยู่ใจกลางนิวยอร์ก

ห้องน้ำใน Master Bedroom เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ผมชอบมาก และมองว่าเป็น Rare Item ในการหาห้องที่วางผังอ่างอาบน้ำแบบ Sexy Bath ห้องน้ำอยู่ติดผนังกระจกใสตามแนวความกว้างของอาคาร

ภายในยังติดกระจกใสเชื่อมต่อกับส่วนของห้องนอน ภายในได้ติดตั้งสุขภัณฑ์ ฝักบัว อ่างล้างมือพร้อมมีอ่างอาบน้ำในตัว สุขภัณฑ์ Auto Washlet และอ่างอาบน้ำใช้เป็นของ TOTO ฝักบัวเป็นของแบรนด์ Hansgrohe พื้นห้องน้ำเป็น Porcelain ลายหินอ่อนดูสวยหรู แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ

ส่วนตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบ Walk-in Closet บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งทำให้สะดวกในการใช้งานอย่างต่อเนื่องมากๆ เลยครับ

ส่วนห้องนอนรองจะอยู่อีกฝั่งถัดจากมุมรับประทานอาหาร เป็นห้องที่ออกแบบได้อย่างลงตัว จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ไว้เกือบชิดผนังด้านในเป็นการเปิดช่องแสงเข้าสู่ภายในห้อง

อีกด้านติดตั้งตู้เสื้อผ้า Built-in บริเวณหน้าห้องน้ำซึ่งสามารถเปิดเข้าออกได้พร้อมกันจากในห้องนอนรองและ Living Area ด้านนอก ทำให้สะดวกในการใช้งานตอนกลางคืนเสมือนเป็นห้องน้ำในตัวเช่นกัน

ไปชมห้องตัวอย่างอีกห้องครับ ซึ่งจะอยู่มุมด้านหลังของอาคาร ซึ่งเราจะต้องเดินผ่านโถงทางเดินขนาดใหญ่ที่ดีไซน์ให้ดูเปิดโล่งแบบนี้ครับ

โครงการออกแบบให้โถงทางเดินภายในชั้นเป็นแบบ Single Corridor คือจะมีห้องชุดอยู่ฝั่งเดียวอีกด้านจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง เพราะโดยส่วนมากเรามักพบเจอคอนโดมิเนียมที่มีการแบ่งห้องมาก ๆ ในแต่ละชั้น เมื่อเปิดประตูห้องออกมาก็เจอกับประตูห้องเพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน

แต่กับโครงการ HYDE Heritage Thonglor จะมีการจัดรูปแบบห้องพักอาศัยเป็นแบบ Single Corridor ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบมาให้ผู้อยู่อาศัยของโครงการอย่างแท้จริง

โดยที่แต่ละชั้นเปิดประตูห้องมาจะเจอกับพื้นที่เปิดโล่งเชื่อมต่อตั้งแต่ส่วนกลาง Grand Lounge ชั้น 7 ขึ้นไปจนถึงชั้น 28 ซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองโครงการไหนทำ เพราะจะทำให้เสียพื้นที่ขาย แต่ข้อดีคือทำให้ภายในอาคารมีความโปร่ง โล่ง สบาย ไม่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกอึดอัด

เรียกได้ว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง แม้จะเสียพื้นที่และโอกาสในการขายก็ตาม อีกทั้งยังทำให้จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นมีจำนวนสูงสุด เพียง 12 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น

ห้องตัวอย่างแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 52.80 ตร.ม. ภายในห้องค่อนข้างโปร่งด้วยเพดานสูงเพราะถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจเพราะมีความสูงมากถึง 3 เมตร ช่วยให้ห้องมีปริมาตรที่เพิ่มขึ้น ห้องดูโปร่งโล่งสบาย อยู่แล้วไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด

เนื่องจากรูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Fitted คือทางโครงการได้ติดตั้งชุดครัวมาให้แล้ว โดยส่วนของครัวถูกจัด Lay out ให้ไปอยู่ด้านหน้าประตูพร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหาร

ทางโครงการได้เคาน์เตอร์ครัวมาให้ท็อปครัวและ Backsplash เป็นหินควอตซ์ ซึ่งถือว่าทนทานต่อรอยขีดข่วน ติดตั้งมาพร้อมกับเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เตาอบจาก Kuppersbusch ติดตั้งอ่างล้างจานและเจาะช่องด้านล่าง ส่วนริมผนังด้านในเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ห้องตัวอย่างได้ Built-in ตู้เย็นเป็นแบรนด์ Kuppersbusch เอาไว้เรียบร้อยดูกลมกลืนกันดี

ออกแบบให้มีตู้สำหรับใส่เครื่องซักผ้าพร้อมที่เก็บผ้า ถือเป็นคอนโดมิเนียมที่มีฟังก์ชันค่อนข้างลงตัวตามมาตรฐานชีวิตคนเมือง

ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง ซึ่งผมมองว่ากำลังดี ลงตัวสำหรับชีวิตคนเมืองที่อาจจะมีเพื่อนแวะมาทานข้าวด้วยในบางวัน จากนั้นก็ชวนกันไปนั่งดูซีรีย์เรื่องโปรดกันต่อที่ Living Area

ติดกันเป็นพื้นที่นั่งเล่น สามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้สักตัวได้สบายๆ

ด้านข้างมีผนังกระจกใสเพื่อเปิดช่องแสงเข้าสู่ภายในห้องและสามารถเปิดออกไปสู่ระเบียงได้ แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถดึงม่านโปร่งเข้ามาปิดบังไว้ได้

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้คาบิเนทสำหรับวางทีวี หรือหากใครอยากให้มีพื้นที่ภายในเพิ่มผมแนะนำให้เลือกเป็นทีวีแบบแขวนผนังเพราะนอกจากจะช่วยประหยัดพื้นที่แล้วยังทำให้ห้องดูโมเดิร์นมากขึ้นอีกด้วยครับ

ห้องนอนจะอยู่ถัดเข้ามาด้านในทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวในวันพักผ่อนที่แท้จริง พื้นห้องปูด้วย Engineering Wood โทนสีอ่อน ได้ฟีลอบอุ่น เหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง

ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงนอนไว้เกือบชิดติดผนัง ไฮไลท์ของห้องนี้คือการที่เป็นห้องมุม ข้อดีก็คือเป็นผนังกระจกใสช่วยให้เปิดรับแสงธรรมชาติและวิวจากภายนอกได้อย่างเต็มที่ ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและสว่างโดยแทบไม่ต้องเปิดไฟเลยในช่วงเวลากลางวัน

ปลายเตียงเยื้องไปทางขวาเล็กน้อย จัดวางโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ เปิดช่องตรงกลางสำหรับเดินเข้าไปยังมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ติดตั้งตู้เสื้อผ้าไว้ทั้งสองฝั่งบริเวณทางเข้าห้องน้ำส่วนตัวภายในห้องนอน

ส่วนอีกฝั่งด้านหน้าประตู ห้องตัวอย่างได้ Built-in เป็นตู้เก็บของและชั้นโชว์ติดผนัง

ห้องน้ำจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในสุดเชื่อมต่อกับมุมแต่งตัว เป็นห้องน้ำที่ฟังก์ชันครบ

โดดเด่นด้วยกระจกเงาบานใหญ่เกือบเต็มผนัง พร้อมกับอ่างล้างมือจาก TOTO พร้อม Built-in ตู้เก็บของด้านล่างให้ ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วครับ

“𝐁𝐞𝐚𝐮𝐭𝐢𝐟𝐮𝐥 𝐭𝐡𝐢𝐧𝐠𝐬 𝐝𝐨𝐧’𝐭 𝐚𝐬𝐤 𝐟𝐨𝐫 𝐚𝐭𝐭𝐞𝐧𝐭𝐢𝐨𝐧”
ความงามที่แท้จริงไม่เรียกร้องความสนใจ

กานต์ว่าเป็นประโยคที่บอกเล่าตัวตนของ HYDE Heritage Thonglor Ultimate Luxury Condominium ได้ดีที่สุด เพราะถือว่ามีความโดดเด่นในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งที่เชื่อมต่อทุกการเดินทางได้สะดวกรวดเร็วและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ชิคๆ ย่านทองหล่อ-เอกมัยได้อย่่างง่ายดาย

อัตลักษณ์ของงานดีไซน์ ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบสไตล์อาร์ตเดคโคสุดคลาสสิก ทว่า ความงดงามและความหรูหราตามธรรมชาติของคอนโดมิเนียม อาจจะไม่ได้อยู่ที่การอาคารอย่างเว่อร์วังอลังการ แต่กลับอยู่ที่การใส่ใจในรายละเอียดของการออกแบบอย่างรอบคอบที่คำนึงถึงประโยชน์ของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญ

ตลอดจนความมุ่งมั่นในการรักษาสุนทรียภาพทางประวัติศาสตร์ ผสมผสานศิลปะ วัฒนธรรม ความหรูหราและเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ให้สมกับความเป็น Heritage นั่นเอง

𝐇𝐘𝐃𝐄 𝐇𝐞𝐫𝐢𝐭𝐚𝐠𝐞 𝐓𝐡𝐨𝐧𝐠𝐥𝐨𝐫
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ : https://www.hydeheritage.com/#register
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร 065 146 5959

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน