PIMALAI RESORT & SPA
เกาะลันตา เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเกาะที่น่าเที่ยวอันดับ 5 ของโลก ข้อมูลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา มีเนื้อที่ประมาณ 134 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเกาะต่างๆ อาทิ เกาะลันตาใหญ่ เกาะลันตาน้อย เกาะตะละเบ็ง และเกาะใกล้เคียง รวมไปถึงหมู่เกาะห้า เกาะรอกนอก เกาะรอกใน และเกาะไหง
.
ที่นี่มีรีสอร์ตระดับโลกตั้งอยู่ด้วย คือ “พิมาลัย รีสอร์ต & สปา” Pimalai Resort & Spa แห่งเดียวบนเกาะลันตา
.
“พิมาลัย” เป็นภาษาอินเดียโบราณที่แปลว่า “A little patch of Heaven” หรือสวรรค์น้อยๆ เปรียบเสมือน “สวรรค์ลับแห่งการพักผ่อน” จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก
.
ปีนี้พิมาลัยได้อันดับ 1 ของไทยจากการโหวตของนักท่องเที่ยวทั่วโลกผ่าน Tripadvisor นักท่องเที่ยวสายสแกนดิเนเวียนจะนิยมมาเที่ยวที่เกาะลันตามาก รวมถึงดาราฮอลลีวูด เซเลปชื่อดัง ต่างก็อยากเดินทางมาเมืองไทยเพื่อไปชมความงดงามและธรรมชาติของเกาะลันตา
.
เพราะนอกจากความสวยงามทางธรรมชาติของทะเลอันดามันแล้ว สิ่งอำนวยความสะดวก และเสน่ห์ในการให้บริการของคนไทย ก็ยังคงเป็นมนต์เสน่ห์ ที่ไม่เสื่อมคลาย ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเกาะลันตา มีอัตราการเจริญเติบโตสูงติดอันดับต้นๆ ของไทย
.
ทริปนี้ เราเลือกพักเป็น Hillside Ocean Pool Villas มองเห็นทะเลกว้างจากบนยอดเขา วิวสูงและสวยสุดลูกหูลูกตาแบบไม่มีอะไรกั้น เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนและต้องการความเป็นส่วนตัว ตอนเย็นๆ ช่วง Sunset ก็ค่อยลงมาสัมผัสกับบรรยากาศของหาดทรายยาว 900 เมตรของหาดบากันเตียง
.
ไปชมบรรยากาศของเกาะลันตาและพักผ่อนที่พิมาลัย รีสอร์ต & สปา ด้วยกันนะครับ
—
บากันเตียง เป็นหาดที่มีลักษณะเป็นรูปโค้งตั้งอยู่เกือบปลายสุดของทิศตะวันตกของเกาะลันตาใหญ่ อยู่ก่อนถึงหาดคลองจาก เป็นชายหาดที่มีความสวยงาม ทรายค่อนข้างละเอียด หน้าหาดของพิมาลัยถือว่ายาวมาก บางช่วงที่น้ำลดจะปรากฏให้เห็นหมู่กองหินเป็นอีกมุมที่ถ่ายภาพออกมาได้สวย
บากันเตียง เป็นหาดที่มีลักษณะเป็นรูปโค้งตั้งอยู่เกือบปลายสุดของทิศตะวันตกของเกาะลันตาใหญ่ อยู่ก่อนถึงหาดคลองจาก เป็นชายหาดที่มีความสวยงาม ทรายค่อนข้างละเอียด หน้าหาดของพิมาลัยถือว่ายาวมาก บางช่วงที่น้ำลดจะปรากฏให้เห็นหมู่กองหินเป็นอีกมุมที่ถ่ายภาพออกมาได้สวย
ลงจากเครื่องปั๊บ มีพี่พนักงานจากรีสอร์ตมารอรับ พร้อมกับนำสัมภาระและพาเราไปขึ้นรถครับ ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินกระบี่อีกประมาณ 45 นาที
ระหว่างนั่งรถ เราสามารถเชื่อมต่อ Wifi บนรถ และเช็คอินผ่านระบบออนไลน์ได้เลยครับ
ชมวิวเพลินๆ ก็มาถึง Pimalai Jetty เป็นท่าเรือส่วนตัวของรีสอร์ต ที่จะมีเรือพาเราไปยังบนเกาะ เข้าใจว่าน่าจะเป็นรีสอร์ตเดียวบนเกาะลันตาที่มีท่าเรือส่วนตัวนะครับ ทำให้ได้ความพิเศษแบบ VIP สุดๆ
นั่งเรือไปอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง ใช้เวลาแปบเดียวครับ เพราะเพลินๆ ไปกับวิวสองข้างฝั่ง เกาะแก่งต่างๆ เมืองไทยเราสวยจริงๆ
จากนั้นก็มีพนักงานมารอต้อนรับ ตามสไตล์ไทยๆ แล้วก็พานั่งบัคกี้ไปเช็คอินครับ
รถพาเรามาจอดที่ Lobby เพื่อเช็คอิน บรรยากาศเป็นแบบเปิดโล่ง ตกแต่งมีความเป็นไทยร่วมสมัย รายล้อมด้วยสีเขียวของแมกไม้ ซึ่งจะเรียกว่าป่าก็ได้ไม่ผิด
อากาศช่วงที่ไปไม่ค่อยร้อนเท่าไร อาจเพราะมีลมพัดจากทะเลเข้ามาตลอดเวลา มองออกไปจะเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา เป็น Lobby ที่บรรยากาศผ่อนคลายดีมาก พนักงานนำเวลคัมดริงก์มาเสิร์ฟเป็นน้ำตะไคร้มะนาว
จากนั้น รถบัคกี้จะพาเราขึ้นไปยังห้องพัก ระหว่างทางจะเห็นวิลล่าต่างๆ เรียงรายกันไปท่ามกลางต้นไม้สีเขียวชอุ่ม
ผมชอบรูปนี้นะ มีความรู้สึกถึงการผจญภัยในป่ากว้าง บรรยากาศของการเดินทางบนเกาะลันตาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เราพักฝั่ง Hillside Ocean View Pool Villa ซึ่งอยู่บนเขา เป็นฟีลบ้านพักตากอากาศที่เหมาะกับการพักผ่อนโดยแทบไม่ต้องออกไปไหนเลย สาย Leisure แบบเราชอบมาก
จะเห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางป่าเขา ให้สีเขียวช่วยฮีลใจเราได้นะ
Hillside Ocean View Pool Villa แบบ 1 ห้องนอน ตัววิลล่าแยกออกเป็นสองฝั่ง คั่นกลางด้วยสระว่ายน้ำแบบส่วนตัว
ด้านขวาจะเป็นห้องนอนขนาดใหญ่ตกแต่งภายในอย่างหรูหราสไตล์ไทยภาคใต้ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน
ด้านในสุดเป็นห้องแต่งตัวและห้องน้ำที่ใหญ่มาก แยกฟังก์ชั่นการใช้งานได้ครบ เราชอบมุมอ่างอาบน้ำที่มองเห็นวิวธรรมชาติด้านนอก หน้าต่างสามารถเปิดออกไปได้เพื่อให้เราสัมผัสกับสีเขียวเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่อาจจะต้องระวังลิงเข้ามาในห้อง
ดังนั้น อย่าลืมปิดประตูหน้าต่างไว้ทุกครั้ง อ่างล้างหน้าแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้าย-ขวา แบบ His & Her มีกระเป๋าสานปิคนิคเตรียมไว้ให้ในตู้เสื้อผ้า
ตรงกลางเป็นสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ สามารถนั่งแช่น้ำชมวิวทะเลเบื้องหน้าแลพาโนรามิค ว่ายน้ำเล่นได้พอให้เรียกเหงื่อ ถ้าเบื่อๆ ก็มานั่งชมวิวที่ศาลากลางวิลล่า
มุมนี้ก็ถือว่าดีมาก มองเห็นทะเลอยู่ตรงหน้า พร้อมกับฟ้าใสๆ ช่วงบ่าย คลายความเหนื่อยล้าและปัญหาที่แบกมาจากกรุงเทพได้มากพอสมควร ช่วงนี้ขอโยนทุกเรื่องวุ่นวายทิ้งมันลงทะเลไปก่อนนะ อยากพักผ่อนให้เต็มที่
ส่วนอีกฝั่งจะเป็น Living Room มาพร้อมกับชุดรับแขกมีห้องน้ำในตัวและมีห้องครัวสำหรับเตรียมอาหาร เราสามารถพักผ่อนแบบ Long Stay อยู่ยาวๆ เหมือนบ้านได้เลย
พาไปดูห้องพักฝั่งบีชด้านล่างบ้าง มีพูลวิลล่าที่ให้ความสะดวกสบายแบบส่วนตัวบริการด้วยเช่นกัน
บางหลังเป็นบีชวิลล่า เรียกได้ว่า เปิดประตูห้องด้านหน้าก็เดินลงทะเลได้เลยครับ
นอกจากนี้ ยังมีห้องพักที่อยู่ถัดเข้าไปด้านใน ท่ามกลางใบไม้สีเขียว ผมว่าเป็นฟีลที่สบายใจดีมาก
สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ฝั่งบนเขา เราจะเห็นบรรยากาศของแมกไม้สีเขียวเต็มพื้นที่จริงๆ
สระว่ายน้ำของรีสอร์ตที่อยู่ฝั่งบนเขา ทำให้เรามองเห็นวิวทะเลจากมุมสูงแบบเต็มๆ เรามานั่งพักผ่อนกันตั้งแต่เช้าได้เลยครับ
ผมว่าวิวจากสระว่ายน้ำฝั่ง Hill Side เป็นอะไรที่ปังสุดแล้ว มองเห็นทะเลแบบพาโนราม่า คั่นเลเยอร์ด้วยป่าสีเขียว สดชื่นสุดๆ
ด้านล่างใกล้ชายหาดก็มีสระว่ายน้ำให้บริการอีกหนึ่งสระ
สระว่ายน้ำด้านล่างก็จะใกล้ชิดทะเลกว่า เชื่อมความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันได้เลย
บรรยากาศตอนเย็นๆ สวยมาก มีพระอาทิตย์ตกอยู่เบื้องหน้าขณะนอนกินลมชมวิว
หรืออยากจะไปนั่งชิลล์ที่ชายหาดก็มี Sun Deck ไว้บริการเช่นกัน
บริเวณนี้เป็นฝั่งของห้องอาหาร RAK TALAY BEACH BAR AND RESTAURANT เป็นห้องอาหารบนชายหาดที่วิวสวยมาก
หากยังไม่หิวก็แนะนำให้ไปนั่งจิบเบาๆ ที่บาร์ คุยกับเพื่อนในบรรยากาศสบายๆ ริมชายหาด จิบกันไปเม้าท์มอยไปกัน
เห็นแขกบางท่านจองโรแมนติกดินเนอร์ ออน เดอะ บีช บรรยากาศดีมากครับ เหมาะสำหรับคู่รักหรือใครที่อยากมาสวีทในบรรยากาศแบบส่วนตัว
ด้านบนก็มีศาลาสำหรับนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกเช่นกัน จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ปล่อยจอยกันไป
ห้องอาหารฝั่งบนเขา ชื่อ SEVEN SEAS วิวสวยดีเกินจะบรรยาย มองเห็นทะเลอันดามันแบบสุดสายตา ข้างๆ เป็นหน้าผาสีเขียวที่ครึ้มไปด้วยไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ และมีสระว่ายน้ำของรีสอร์ตอยู่เบื้องหน้า
หากอยู่หลายคืนแบบเรา ก็สลับสับเปลี่ยนห้องอาหารไปเรื่อยๆ ครับ มีให้เลือกหลายบรรยากาศมาก
เชฟที่ SEVEN SEAS กำลังเตรียมดินเนอร์ให้เรา
เอาจริงๆ คือเลือกไม่ถูกเลยว่าชอบ SEVEN SEAS หรือที่ RAK TALAY มากกว่ากัน เอาเป็นว่าเลือกทานตามสไตล์อาหารละกันครับ ถ้าชอบเวสเทิร์นก็ทานฝั่งด้านบน ถ้าชอบสไตล์ซีฟู๊ด ไทยๆ ฟิวชั่น ก็ลงไปทานด้านล่างหน้าชายหาด บรรยากาศดีทั้งคู่
วิวจากห้องอาหาร SEVEN SEAS วิวสวยดีมองเห็นหาดบนกันเตียงแบบพาโนรามา พร้อมทั้งมองเห็นทะเลอันดามันแบบสุดสายตา มาพร้อมกับต้นไม้ใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์
มื้อเช้า ลองทาน Floating Breakfast กันบนวิลล่า ถ้าสนใจสามารถสอบถามจากพนักงานได้นะครับ
สายๆ เราไปล่องเรือชมความงามของป่าโกงกางที่ตะละเบ็งกัน บรรยากาศดีมาก
บนเรือจะมีน้ำดื่มของว่างพร้อมกับไกด์ท้องถิ่นคอยบรรยายให้ความรู้ เรื่องราวของป่าชายเลนและความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ์ที่เกาะลันตาด้วยครับ
ถ้าสนใจสามารถจองได้ที่รีเซฟชั่นของรีสอร์ตได้เลยครับ
กิจกรรมสายธรรมชาติของที่พิมาลัยมีเยอะมากๆ มีเดินป่าชมธรรมชาติ ผ่านลำธาร ไปยังน้ำตกด้านใน ได้ฟีลแบบแอดเวนเจอร์นิดๆ สนุกดีครับ
อีกหนึ่งไฮไลท์คือไปชมบรรยากาศของแหลมที่ยื่นออกไปในทะเล มีประภาคารอยู่ด้านบน สามารถเดินเข้าไปได้เลยครับ
หรือตอนเที่ยง จะไปทานอาหารท้องถิ่นจากร้านในตลาด แล้วเดินเล่นชุมชนเก่าในเมืองก็ได้เช่นกัน บรรยากาสให้กลิ่นอายของความเป็นภาคใต้ที่มีหลากหลายวัฒนธรรม
บ่ายแก่ๆ เราไปล่องเรือชมความงามของเกาะแก่งกันครับ บรรยากาศดีมาก เหมาะกับการไปเป็นคู่จะดูโรแมนติกมากๆ หรือหากใครมาเป็นครอบครัวก็ยิ่งสนุกใหญ่เลยครับ
บรรยากาศดี ถ่ายรูปกับวิวสวยๆ เช็คอินลงไอจีได้
เกาะตะละเบ็ง อยู่ด้านฝั่งตะวันออกของเกาะลันตา ลักษณะเป็นหินปูน มีชายหาดเล็ก ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้และมีโพรงถ้ำด้านหลังเกาะ
ล่องเรือไปสักพัก เราจะจอดเพื่อพายคายัคเข้าไปชมหินงอกหินย้อยภายในโพรงถ้ำและพายพายัคเที่ยวชมบริเวณรอบเกาะ สวยงามดี
ได้ฟีลผจญภัยสนุกสนานกันดีมากครับ
เรือจอดใกล้จุดดำน้ำเพื่อชมความงามของใต้ทะเลอันดามัน
เรือจอดใกล้จุดดำน้ำเพื่อชมความงามของใต้ทะเลอันดามัน
ตอนเย็นๆ แดดทอแสงสีทองจากเหลี่ยมเขา เราเห็นมีแขกหลายท่านมาวิ่งออกกำลังกายริมชายหาดเบาๆ
บางครอบครัวก็สนุกสนานกับกิจกรรมซึ่งออกแบบมาได้หลากหลายมากครับ ครบทุกวัย
เบบี๋ก็วิ่งเล่นว่าวบนชายหาด น่ารักดีครับ
สายลุยหน่อยก็มีกิจกรรมทางทะเล ยอมรับเลยว่าที่พิมาลัยมีกิจกรรมให้ทำเยอะมากไม่ว่าจะเป็นพายซัพบอร์ด คายัค เรือใบ ฯลฯ
สาวๆ ก็อาจจะใช้เวลาช่วงเย็นก่อนดินเนอร์ไปนวดก็ได้ครับ
สปาของพิมาลัยจะแยกตัวออกมาต่างหาก ราวกับเป็นอีกโลกหนึ่ง พิมาลัยสปา จะเน้นความเป็นธรรมชาติของสมุนไพร เราเลือกน้ำมันกลิ่นดอกไม้ไทย จากนั้นก็ให้เวลากับเทอราพิสได้ปรนนิบัติผิวเราได้อย่างเต็มที่ น้ำหนักมือที่ลงได้อย่างพอดี เคล้ากับกลิ่นอโรม่ามาช่วยให้เราผ่อนคลายหายเมื่อย นวดเสร็จก็จะไปแช่น้ำในบ่อจากุซชี่
จากนั้นก็มานั่งพักผ่อนหย่อนใจที่ Relaxing Area มองออกไปจะเห็นวิวของสปาโดยรอบ บรรยากาศดีมาก อย่างที่บอกเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งจริงๆ
เด็กๆ น่าจะชอบเพราะก็มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทั้งคิดส์คลับ ออกกำลังกาย ทำขนม เดินชมสวนสมุนไพร เลือกไม่ไหวจริงๆ
เป็นรีสอร์ตเพียงไม่กี่แห่งในเมืองไทยที่มีสนามเทนนิสส่วนตัว!! ไม่ธรรมดาจริงๆ
หรือหากใครอยากออกกำลังในร่มก็มีฟิตเนส ห้องโยคะ รวมถึงเวทีมวยไว้บริการ
เย็นนี้เรามีไทยไนท์ เป็นบุฟเฟต์อาหารไทย แนะนำให้จองล่วงหน้าเพราะว่าแขกต่างชาติเยอะมากจริงๆ
อาหารมีครบทุกภาค แต่ที่ผมอยากแนะนำคือซีฟู๊ด เพราะที่นี่สดจริง จากส่งตรงจากเรือหาปลาในทะเลตอนเช้า เข้าห้องอาหารแล้วเสิร์ฟครับ ไม่อยากให้พลาด ส่วนอีกเมนูก็นิยมก็พวกขนมไทย เห็นแขกต่างชาติชอบมาก หมดไวตลอด
มีการแสดงแบบไทยๆ 4 ภาคให้ชมกันเพลินๆ ระหว่างมื้ออาหาร
ส่วนที่ RAK TALAY BEACH BAR AND RESTAURANT ก็มีความพิเศษสำหรับบางค่ำคืนเช่นกัน นอกจากบรรยากาศจะดี อาหารอร่อยแล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์
ทานอาหารไปพร้อมกับฟังวงดนตรีเล่นสด ซึ่งเล่นเพลงแบบเจ๋งมาก สากลเป็นหลัก หาฟังยากมากในเกาะลันตา
ทริปนี้ 4 วัน 3 คืนผ่านไปไวมาก สำหรับการพักผ่อนที่พิมาลัยรีสอร์ตแอนด์สปา เรียกว่าน่าจะพออยากอยู่ต่ออีกสักสัปดาห์ ดังนั้นอย่าได้แปลกใจเลยว่าทำไมนักท่องเที่ยวต่างชาติถึงอยู่กันยาวแบบ Long Stay
ดูรายละเอียดห้องพักและสำรองได้ที่ http://www.pimalai.com