S’RIN ,Ratchaphruek – Sai 1

สถาปัตยกรรมและการออกแบบถือเป็นรูปแบบศิลปะที่ยั่งยืนที่สุด นับตั้งแต่วัดโบราณของกรีซและโรม ไปจนถึงตึกระฟ้าสมัยใหม่ของนิวยอร์กและโตเกียว ทุกอาคารบ้านเรือนล้วนมีพลังในการสร้างแรงบันดาลใจ ความน่าเกรงขาม และความสุขในความสัมพันธ์

.

มีแนวคิดหนึ่งของงานดีไซน์เรียกว่า “𝐂𝐫𝐚𝐟𝐭𝐞𝐝 𝐭𝐨 𝐋𝐚𝐬𝐭” ซึ่งไม่ใช่แค่การมุ่งสร้างอาร์ตที่ดีเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถทำหน้าที่เป็นมาตรฐานทางวัฒนธรรม เชื่อมโยงคนรุ่นต่างๆ ผ่านพื้นที่และประสบการณ์ร่วมกัน เป็นการนำเสนองานออกแบบที่คำนึงถึงอายุการใช้งานที่ยืนยาว ความยั่งยืนและความสวยงาม สร้างขึ้นโดยใช้วัสดุและวิธีการก่อสร้างคุณภาพสูง มีการออกแบบเหนือกาลเวลา (Timeless Design) สามารถก้าวข้ามเทรนด์ต่างๆ ไปได้

.

สิงห์ เอสเตท (Singha Estate) จึงได้นำแนวคิด Crafted to Last มาเป็นไอเดียหลักในการพัฒนาโครงการที่นำไปสู่ความเป็นบ้านเพื่อทุกการเติบโตไม่มีที่สิ้นสุด (Infinite Living For All) จนกลายเป็นโครงการบ้านแบรนด์ใหม่ 𝐒’𝐑𝐈𝐍 (สริน) ที่มาจากการรวมกันของ 2 คำคือคำว่า S ที่มาจากคำว่า SELF หมายถึงตัวตนและคำว่า “รินทนร์” หมายถึงความยิ่งใหญ่ บนทำเลแห่งแรกคือถนนราชพฤกษ์-พุทธมณฑลสาย 1 ซึ่งเป็นทำเลแห่งการพักอาศัยที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ เชื่อมต่อ CBD ของเมืองไปยังฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ทั้งยังรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ ซึ่งครั้งนี้กานต์จะได้พามาชมบ้านตัวอย่างและพื้นที่ส่วนกลางของโครงการกันครับ

.

บ้านในโครงการจะเป็นคอนเซ็ปต์ “Modern Tropical Refinement” เป็นบ้านที่มีความโมเดิร์นและได้ดึงเอาธรรมชาติมาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ เรียกได้ว่ามาถูกจังหวะเวลามาก เพราะตอนนี้เราต่างกำลังโหยหาการกลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นการใช้แนวคิดสร้างงานสถาปัตยกรรมแบบ Organic Architecture ด้วยการการยึดธรรมชาติเป็นศูนย์กลาง เบลนด์ให้เข้ากับวิถีชีวิตได้อย่างกลมกลืน วางแปลน ดีไซน์ฟังก์ชันและใช้วัสดุอย่าง Facade เป็นอลูมิเนียมลายไม้ กระเบื้องลายหินเพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ ช่วยให้บ้าน Homey ดูอบอุ่นน่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้นถ้าใครเคยศึกษางานออกแบบของ Frank Lloyd Wright จะรู้สึกอินกับบ้านที่ Singha Estate ออกแบบคอนเซ็ปต์นี้เหมือนผมครับ

.

กานต์ประทับใจในการออกแบบด้วยการเลือกใช้สีเอิร์ธโทน Facade หน้าบ้านที่โดดเด่นทว่าเรียบง่าย สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การลงรายละเอียดในแทบทุกจุดที่คำนึงถึงการพักอาศัยในชีวิตจริง คัดสรรวัสดุที่มีความสวยงามและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ เพื่อความคงทนและยั่งยืน คำนวนถึงสภาวะต่างๆ ทิศทางของแดด สภาพภูมิอากาศ ความชื้น ทั้งยังให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในทุกจุดรับสายตา บรรยากาศจึงเหมือนกับได้พักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รู้สึกถึงความสบาย ผ่อนคลาย ให้บ้านได้ทำหน้าที่โอบกอดสมาชิกทุกคนเข้าไว้ด้วยกัน

.

เราไปชมภาพในคอลเลคชั่น บ้าน S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 พร้อมกับอ่านเรื่องราวต่อในแคปชั่นด้านในพร้อมกันได้เลยครับ

.

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/49kYLUa

#SinghaEstate#DetachedHouse#Srin#Infiniteliving#SustainableDiversity#Newproject

.

Frank Lloyd Wright สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกันที่เป็นต้นตำรับของงานสถาปัตยกรรมอินทรีย์ กล่าวไว้ว่า “ถ้าบ้านจะเป็นสถาปัตยกรรมก็ต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ตามธรรมชาติและที่ดินเป็นสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายที่สุด”

เราจึงได้เห็นงานดีไซน์ที่หรูหราทว่าเรียบง่ายของบ้านในโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 ที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ ธรรมชาติและไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน จนกลายมาเป็น Infinite Living For All จาก Singha Estate บ้านที่มีฟังก์ชันตอบโจทย์สำหรับสมาชิกในทุกเจนเนอเรชั่น ด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างลงตัว ให้ทุกคนในบ้านสามารถใช้เวลาร่วมกัน 

.

S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 โครงการ ระดับ Premium Luxury ตั้งอยู่บนถนนพุทธมณฑลสาย 1 เขตตลิ่งชัน เนื้อที่โครงการ 45 ไร่ เอกสิทธิ์เพียง 89 ครอบครัวเท่านั้น ไฮไลท์คือเป็นบ้านที่ดินผืนใหญ่ สามารถรองรับการพักอาศัยของครอบครัวขนาดใหญ่ได้ ดีไซน์สวยออกแบบโดยคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานในทุกมิติ ที่สำคัญคือทำเลติดถนนใหญ่ที่เชื่อมต่อ CBD สู่ราชพฤกษ์ประตูของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกได้ในสะดวก

โครงการเชื่อมต่อเข้ากับถนนได้หลายสายทำให้สะดวกในการสัญจร รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้างสรรพสินค้าที่กำลังจะเปิดใหม่ปลายปีนี้อย่าง Central Westville, เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์, ซีคอน บางแค, ฟู๊ดวิลล่า ราชพฤกษ์, ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร บาร์​ คาเฟ่ เก๋ๆ มากมาย

สถานศึกษานานาชาติที่อยู่ใกล้โครงการได้แก่ โรงเรียนนานาชาติ สิงคโปร์ ธนบุรี SISB, โรงเรียนอนุบาลนานาชาติ ฮัมมิ่งเบิร์ด, โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเคนซิงตัน, โรงเรียนนานาชาติ ดับเบิ้ลทรี ราชพฤกษ์, โรงเรียนนานาซาติอินเตอร์เนชั่นแนลไพโอเนียร์ส และโรงเรียนเลิศหล้า

ส่วนโรงพยาบาลชั้นนำใกล้เคียง อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี 2, โรงพยาบาลพญาไท 3, โรงพยาบาลธนบุรี 1, โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลเจ้าพระยา เป็นต้น

กานต์เดินทางมาจากถนนราชพฤกษ์ขับตรงมาเรื่อยๆ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางแวกแล้วขับตรงไปจนถึงถนนพุทธมณฑลสาย 1 จากนั้นเลี้ยวขวาไปอีกเล็กน้อยก็ถึงโครงการเลยครับ หรือหากใครมาจากทางศิริราช แยกไฟฉายก็สามารถขับตรงต่อมายังถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 หรือถนนพระเทพตัดใหม่ ซึ่งเป็นทำเลที่เต็มไปด้วยโครงการบ้านหรู จากนั้นก็วนเข้ามา ถือว่าสะดวกและรวดเร็วมากครับ

อีกเส้นทางที่น่าสนใจก็คือ เราสามารถไปขึ้นทางด่วนศรีรัช–วงแหวนรอบนอก (จตุจักร-ฉิมพลี) เพื่อเข้าไปในโซนบางซื่อ จตุจักร ลาดพร้าวได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการเดินทางโดยรถไฟฟ้า สถานีที่ใกล้ที่สุดคือ MRT ภาษีเจริญ หรือจะใช้ BTS บางหว้าเพื่อเดินทางเข้าเมืองไปสีลม-สาทร สยาม ได้ต่อเดียวถึงครับ

เรียกได้ว่าโครงการตั้งอยู่บนทำเลที่เชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมได้หลากหลายเส้นทาง ในอนาคตจะมีถนนพระเทพตัดใหม่เฟส 2 และถนนสุขสวัสดิ์-เพชรเกษม-วงแหวนใต้ที่จะมาช่วยให้การเดินทางสะดวกมากยิ่งขึ้น

ด้านหน้าโครงการมีระยะ Set-Back จากถนนหลักเข้ามาเล็กน้อย ทำให้เปิดพื้นที่สีเขียวด้านหน้าได้อย่างโดดเด่นสำหรับผู้ที่ผ่านไปมาและยังเป็นบัฟเฟอร์ป้องกันเสียงเพื่อให้เกิดบรรยากาศของการพักอาศัยที่เงียบสงบได้เป็นอย่างดี

Main Gate โครงการมีขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยเส้นสายของไฟสี Copper มาตกแต่ง ประดับด้วยวัสดุลายหินสีเทาทำให้ดูสวยงาม หรูหราหลังคามีขนาดใหญ่ มาพร้อมกับป้ายชื่อด้านหน้าโครงการเห็นชัดเจนและมีน้ำพุเพิ่มความสดชื่น

แยกประตูทางเข้า-ออก 2 ฝั่งชัดเจน การเข้าออกของรถยนต์เป็นแบบไม้กระดกเข้า-ออกระบบ RFID ระยะไกล ส่วนด้านซ้ายมีประตูเล็กเป็นเหล็กสีดำสำหรับคนเดินเข้าออก มีป้อมยามอยู่ตรงกลางพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการรวม 41 จุด รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 1 เมตร 

เมื่อเข้ามาด้านในโครงการจะพบกับ Sculpture Art จัดวางเอาไว้เป็นวงเวียนด้านหน้า Clubhouse เป็นสัญลักษณ์ของ Infinity และเลข 8 ซึ่งสะท้อนความอุดมสมบูรณ์และความสุข สานความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัว ทั้งโครงการเป็นถนนลาดยาง ถนนหลักกว้าง 15 เมตร ไม่มีฝาท่อระบายน้ำบริเวณกลางถนนตลอดแนว ขับรถได้สบายใจเลยครับ

การวางผังบ้านในโครงการจะเน้นความเป็นส่วนตัว แต่ละซอยย่อยจะมีบ้านประมาณ 2-6 หลังเท่านั้น บ้านส่วนใหญ่จะต้องข้ามสะพานเข้าไปด้านใน ทำให้เกิดการแยกโซนพักอาศัยกับ Clubhouse ไปโดยปริยาย ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้พักอาศัย หากที่แขกมาพบก็สามารถนัดหมายที่ Clubhouse ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปภายในตัวบ้าน

บรรยากาศภายในโครงการเน้นเปิดรับพื้นที่สีเขียวในทุกจุด ทำให้ดูร่มรื่น ทั้งยังดำเนินการร้อยสายไฟลงใต้ดินทั้งโครงการ เพื่อให้เกิดทัศนียภาพที่สวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือ การออกแบบแสงสว่างทั่วโครงการไม่ให้มีจุดบอด ซึ่งทางโครงการจริงจังในเรื่องนี้มาก มีการใช้ Lighting Designer จากบริษัท APLD มาช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย สบายราวกับได้พักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรู และยังช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับลูกบ้านอีกทางหนึ่งด้วย

จุด Drop-off ด้านหน้าอาคาร Clubhouse เราสามารถวนรถไปจอดที่ลานฝั่งตรงข้ามด้านริมรั้วได้เลยครับ ตัวอาคารออกแบบให้รับกับ Main Gate ต่อเนื่องกันไปด้วยการเลือกใช้วัสดุลายหินสีเทาเข้มตัดกับวัสดุสี Copper ซึ่งสะท้อนแสงไฟสีเหลืองส้มดูโดดเด่น ปูพื้นด้วยกระเบื้อง Cobber Stone Clubhouse ออกแบบโดยคำนึงถึงอารยสถาปัตย์ (Universal Design) มีทั้งบันไดและทางลาด รองรับกรณีมีผู้ใช้รถเข็นผู้สูงอายุ หรือรถเข็นเด็ก จะได้เข้าใช้บริการได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

ภายใน Clubhouse ตกแต่งสวยมากครับ มีกลิ่นอายของ Oriental ที่ดูเรียบหรู โดดเด่นด้วย Chandelier ขนาดใหญ่ การตกแต่งเน้นวัสดุอย่างไม้ กระจก เหล็กเสริมด้วยต้นไม้กระถางเพื่อเพิ่มความสดชื่นภายใน

ด้านหน้าออกแบบให้เป็น Resident’s Lounge สำหรับต้อนรับแขกเพื่อพบปะพูดคุยธุระ จัดวางชุดโซฟาดีไซน์หลากหลายเพื่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ ระหว่างนั่งพัก และยังจัดให้มีมุมแบบส่วนตัวที่กระจายออกไปทั่วบริเวณ บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดาน

นอกจากนี้ ยังจัดให้มี Biz Lounge อยู่ถัดเข้าไปด้านใน เป็นห้องส่วนตัวสำหรับจัดเจรจาธุรกิจ หรือจัดประชุมแขกคนสำคัญได้ จัดวางชุดโซฟาพร้อมโต๊ะประชุมขนาด 6-8 ที่นั่ง ผนังติดตั้งจอทีวีขนาดใหญ่เอาไว้รองรับ ประชุมท่ามกลางบรรยากาศของสวนและสระว่ายน้ำ ให้ความเป็นส่วนตัวและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นครับ

Clubhouse ของโครงการมีกิจกรรมเยอะมาก เพื่อรองรับลูกบ้านไว้ได้อย่างหลากหลาย เราเดินตามทางลาดเข้ามาด้านในจะเป็นสระว่ายน้ำซึ่งรถเข็นวีลแชร์สามารถเข้ามาได้ลึกถึงบริเวณ Pool Terrace ริมสระว่ายน้ำเลยครับ ต้องยอมรับว่าไม่ค่อยได้เห็นงานออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานจริงของ Universal Design ได้มากเท่านี้ ข้อดีก็คือผู้สูงอายุก็สามารถนั่งพักผ่อน เอนจอย สนุกสนานไปกับหลานๆ ที่กำลังเล่นน้ำที่อยู่สระสำหรับเด็กไปพร้อมกันได้

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบเกลือ แบบ Half Oympic ขนาด 7.2 x 24 เมตร สามารถใช้ว่ายน้ำออกกำลังกายได้จริงจังเลยครับ นอกจากจะมีโซนสระเด็กแล้วยังมีจะมีโซนจากุชชี่ สำหรับแช่น้ำผ่อนคลายในวันสบายๆ ได้อีกด้วย บริเวณริมสระจัดวาง Sun Deck สำหรับนั่งอาบแดดพักผ่อนราวกับได้อยู่ในรีสอร์ตหรู ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของธรรมชาติ ต้นไม้สีเขียวน้อยใหญ่ ที่ปลูกไว้เพื่อให้ความร่มรื่นและยังช่วยบังสายตาเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวได้อีกทาง

เราสามารถว่ายน้ำในสระขนาดใหญ่สีฟ้าสดใสในบ่ายวันอาทิตย์ ชมความงามของธรรมชาติราวกับศิลปะชั้นเลิศ ด้วยสีฟ้าของน้ำที่ตัดกันกับวิวสีเขียวของต้นไม้ในสวนที่เริ่มทอดเงาร่มรื่นในช่วงเวลาพระอาทิตย์เริ่มยอแสงสีส้ม ได้ฟีลลิ่งของการพักผ่อนจริงๆ ครับ

ติดกันจะมีอาคารกระจกแยกสำหรับเป็นฟิตเนส ภายในจัดวางเครื่องออกกำลังกายไว้ครบครันเป็นของ Techno Gym ลู่วิ่ง จักรยานไฟฟ้าและ Elliptical Machine จัดวางไว้ริมกระจกใส หันหน้าออกไปด้านนอก จะได้เทควิวสระว่ายน้ำเพ่ิมความสดชื่นหายเหนื่อยได้ อุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งฟรีเวท หรือแมชชีน ถือว่ามีจำนวนเยอะมากครับ รองรับการใช้งานได้ของลูกบ้านได้อย่างเพียงพอแน่นอน ส่วนด้านในยังได้ติดตั้งกระจกเงาเอาไว้ให้ด้วยแล้วครับ เผื่อใครอยากจะเช็คท่วงท่าหรือว่าบอดี้ ก็มีออกแบบไว้เตรียมให้พร้อมเรียบร้อยครับ นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีล็อกเกอร์รูมและห้องน้ำแยกชายหญิงไว้คอยบริการด้วย

ภายในฟิตเนสมีการใช้ Lighting Designer เข้ามาร่วมออกแบบระบบแสงไฟด้วย เพื่อให้เรารู้สึกแอคทีฟไปกับไฟ LED สีสันสดใส กระตุ้นอะดรีนาลีนในการออกกำลังกายให้สนุกยิ่งขึ้น แต่หากเรารู้สึกเหนื่อยล้า ก็สามารถมองออกไปด้านนอกชมวิวสวนสีเขียว ดูแล้วสบายตา กานต์ว่ามันช่วยได้จริงๆ ครับ

Living in Nature เป็นอีกหนึ่ง Key Message ที่กานต์จะหยิบยกมาเล่าในรีวิวนี้ครับ เพราะเมื่อได้เข้าไปเยี่ยมชมโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 แล้ว เรารู้สึกได้เช่นนั้นจริงๆ

โครงการให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวในทุกจุดรับสายตา นั่นหมายความว่า เมื่อเรามองหรือกวาดสายตาไปทางไหน เราจะเห็นสีเขียวของต้นไม้เต็มไปหมด ที่สำคัญคือนอกจากจะให้ร่มเงาและความร่มรื่นแล้ว เรารู้กันดีว่าต้นไม้มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มอากาศบริสุทธิ์ ดักจับอนุภาคมลพิษ และช่วยให้อุณหภูมิรอบบ้านลดลงได้ 2-4 องศาเซลเซียสอย่างไม่น่าเชื่อ

เห็นจะจริงอย่างที่ว่า เพราะเรากลับรู้สึกได้ถึงความเย็นสบาย สายลมที่พัดไหวเบาๆ ปะทะดอกหญ้าให้พริ้วไหวราวกับไม่ได้อยู่ใจกลางกรุงเทพแต่อย่างใด

Vincent van Gogh ศิลปินชื่อก้องโลกเคยบอกว่า “In nature, there is no color that is not beautiful.” – ในธรรมชาติไม่มีสีใดที่ไม่สวยงาม

เมื่อได้มาชมโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 เราจึงสัมผัสได้ถึงสีสันจากธรรมชาติรอบตัวที่เราเกือบลืมมันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสีเขียวจากใบไม้ สีฟ้าจากน้ำ สีน้ำตาลจากกิ่งไม้ สีดำจากหิน และสีสันอื่นๆ อีกมากมาย ผมว่าเหล่านี้ช่วยระบายสีสันชีวิตและสร้างบรรยากาศแห่งการพักอาศัยให้กับลูกบ้านได้อย่างน่าสนใจ 

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการมีขนาดค่อนข้างใหญ่รวมเนื้อที่กว่า 2 ไร่ สวนของโครงการมีด้วยกัน 2 จุด เราจะเห็นได้ทันทีที่ขับรถเข้ามาภายในโครงการ ด้านขวาบริเวณเชิงสะพานใกล้กับบ้านตัวอย่างจะเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจในบรรยากาศของสีเขียวสบายๆ เต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ดอกไม่้ ดอกหญ้า ผืนสนามสีเขียวพร้อมที่นั่งพักผ่อนและลานไม้กลางแจ้งสำหรับทำกิจกรรมภายในครอบครัว

ส่วนด้านในจะเป็น Main Park มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ติดกับคลองที่พาดผ่านโครงการ ภายในสวนจัดสรรพื้นที่เอาไว้อย่างเป็นสัดส่วน เช่น พื้นที่นั่งเล่น Children’s Playground ลู่วิ่ง Jogging Path สำหรับออกกำลังกายเบาๆ มีเนินเอาไว้วิ่งเดินเล่น พร้อมกับ Pavilion ดีไซน์เป็นทรงกลมรับกับฟอร์มของสวน เอาไว้นั่งพักผ่อนครับ

จากพื้นที่ส่วนกลาง เรามาชมบ้านตัวอย่างกันบ้างครับ แบบบ้านในโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 มีด้วยกัน 3 แบบที่ดินเริ่มต้น 110 ตร.วา โดยกานต์พามาชมแบบบ้านขนาดใหญ่ที่สุด Residence I เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 158 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 626 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5+5 ที่จอดรถ และ 2 ห้องแม่บ้าน มีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งแปลงมุมทั้งหมด ติดกับเพื่อนบ้านฝั่งเดียว ข้อดีก็คือทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ติดตั้งหลังคาจาก SCG NeuStile เป็นเทคโนโลยีที่สะท้อนความร้อนออกไปทำให้บ้านเย็นสบาย ดีไซน์เป็นแบบปั้นหยาที่สโลปไม่สูงมาก ทำให้บ้านโมเดิร์นขึ้นเมื่อเรามองเข้าไป ส่วนหลังคาติดตั้ง Solar Cell System ขนาด 5 Kw. 3 Phase เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ บ้านมาตรฐานติดตั้งชุดมอเตอร์รั้วประตูแบรนด์ NICE นำเข้าจากอิตาลีมาให้แล้วครับ

จากพื้นที่ส่วนกลาง เรามาชมบ้านตัวอย่างกันบ้างครับ แบบบ้านในโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 มีด้วยกัน 3 แบบที่ดินเริ่มต้น 110 ตร.วา โดยกานต์พามาชมแบบบ้านขนาดใหญ่ที่สุด Residence I เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ขนาดที่ดิน 158 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 626 ตร.ม. ฟังก์ชัน 5 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5+5 ที่จอดรถ และ 2 ห้องแม่บ้าน มีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งแปลงมุมทั้งหมด ติดกับเพื่อนบ้านฝั่งเดียว ข้อดีก็คือทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ติดตั้งหลังคาจาก SCG NeuStile เป็นเทคโนโลยีที่สะท้อนความร้อนออกไปทำให้บ้านเย็นสบาย ดีไซน์เป็นแบบปั้นหยาที่สโลปไม่สูงมาก ทำให้บ้านโมเดิร์นขึ้นเมื่อเรามองเข้าไป ส่วนหลังคาติดตั้ง Solar Cell System ขนาด 5 Kw. 3 Phase เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ บ้านมาตรฐานติดตั้งชุดมอเตอร์รั้วประตูแบรนด์ NICE นำเข้าจากอิตาลีมาให้แล้วครับ

ดีไซน์ภายนอกเป็นบ้านหน้ากว้าง โดดเด่นด้วยรูปทรงที่เน้นความเรียบหรูและเส้นสายที่คมชัด จัดเรียงองค์ประกอบของเส้นตั้งเป็นเอกลักษณ์ งาน Exterior เลือกใช้สีเอิร์ธโทนที่มีเฉดแตกต่างกันออกไป Facade ด้านหน้าเป็นซี่ระแนงไม้ดูเรียบง่ายให้ความเป็นส่วนตัว เมื่อยามต้องแสงแดดเกินเงาของเส้นสาย ทำให้บ้านดูมีมิติที่หลากหลายน่าสนใจ

บ้าน Type นี้มาพร้อมกับไฮไลท์ที่แตกต่างจากบ้านในโครงการอื่น คือฝ้าเพดานของที่จอดรถยกสูงขึ้นไปถึง 3.8 เมตร ทำให้เราสามารถติดตั้ง Stack Parking เพื่อเพิ่มที่จอดรถไปเป็น Double จาก 5 คันกลายเป็น 10 คัน ที่จอดรถลงเสาเข็มเท่าตัวบ้าน

ด้วยความที่ลานจอดรถมีระยะถอยร่นค่อนข้างเยอะ สามารถทำเป็นโรงรถแบบปิดแล้วติดแอร์ได้เลยครับ โดยมีจุดที่รองรับการติดตั้ง EV Charger และ Tesla Power Wall เอาไว้แล้ว ส่วนบริเวณลานจอดรถมีทางเข้ารอง เรียกได้ว่าค่อนข้างสะดวกครับ เราไม่ต้องอ้อมไปเดินผ่านประตูด้านหน้าบ้าน

โครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 หยิบยกเอาไอเดีย Adaptability of Design มาใช้เป็นแนวคิดในการออกแบบ คือทำให้กลายเป็นบ้านที่พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย (Provision for Future Expansion) ด้วยโครงสร้างแบบ Conventional เราสามารถทุบผนังต่อเติม ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันในอนาคตสะดวกรองรับทุกความต้องการในการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในทุกช่วงวัย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ทั้งยังให้ความสำคัญกับสุนทรียภาพของการใช้ชีวิตภายในบ้านและพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อดุลยภาพการอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ คํานึงถึงการใช้งานจริงในแต่ละวัน ใส่ใจในทุกรายละเอียดเล็กๆ เพื่อให้การใช้งานจริงเป็นไปได้อย่าง สะดวกสบาย มีความเป็นสวนตัว และปลอดภัยที่สุดของสมาชิก ทุกคนในครอบครัว

ตัวบ้านออกแบบในสไตล์ Modern Tropical ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ทางโครงการให้คำนิยามว่า Timeless ถือเป็น Design DNA ของ Singha Estate ที่ส่งต่อมาจากโครงการสันติบุรี และศิรนินทร์ เป็นบ้านหน้ากว้างเปิดรับช่องแสงและลมได้เยอะ ทำให้บ้านค่อนข้างโปร่งโล่งอยู่สบายไม่อึดอัด พื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขวาง ยืดหยุ่นและรองรับทุกกิจกรรมการใช้งานของผู้อยู่อาศัย โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่หลาย Generations ที่อยู่ร่วมกัน 8-12 คนได้สบายเลยครับ ด้วยความที่ที่ดินผืนใหญ่ทำให้มีพื้นที่บริเวณข้างบ้านที่จัดเป็นสวน หรือสระว่ายน้ำเพิ่มเติมเหมือนบ้านตัวอย่างได้

ส่วนด้านหน้าออกแบบให้มีโถงทางเดินแบบ Semi-Outdoor เชื่อมต่อจากลานจอดเข้าสู่ประตูหลักของบ้าน โดยสถาปนิกลงรายละเอียดให้เป็นทางลาดกว้าง 160 ซม. ทำให้สะดวกสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กต้องใช้รถเข็นหรือบ้านที่มีผู้สูงอายุที่จำเป็นต้องใช้วีลแชร์

ด้านหน้าทางเข้าเป็นออกแบบให้เป็นโถงสูงดูอลังการ ส่วนประตูหลักด้านหน้าบ้านเป็นลักษณะบานเปิดแบบ Over Size ให้เป็นของแบรนด์ Hafele วัสดุเป็นอะลูมิเนียมลายไม้กรุช่องกระจกเงาเอาไว้เปิดรับแสงและมองความเคลื่อนไหวที่ผ่านไปมาได้ ประตูหน้าบ้านยังได้ตีผนังไม้เทียมขึ้นไปเพื่อช่วยทำให้ประตูบ้านขนาดค่อนข้างใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ทั้งนี้มือจับได้ติดตั้ง Integrated Push / Pull Lock Set มาให้ด้วยแล้วครับ

เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านมาจะพบกับ Foyer ที่ให้ความโอ่อ่าและความเป็นส่วนตัว โถงทางเดินออกแบบเป็นแนวยาวเชื่อมต่อกับฟังก์ชันการใช้งานชั้นล่างเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Reception Lounge แบบ Double Volume ถัดเข้าไปด้านในมี Family Living Area และ Dining Area เชื่อมต่อกันกับครัว ปูพื้นชั้นล่างด้วยกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อนดูเรียบหรู

บริเวณด้านหน้าบ้านฝั่งหน้าประตูทางเข้ารอง เข้ามาจะพบกับ Shoe Storage ขนาดใหญ่ที่แยกไว้อย่างเป็นสัดส่วน มาพร้อมกับตู้เก็บรองเท้าทรงสูงที่สามารถใช้เป็นห้องเก็บของได้ด้วย ภายในจัดวางเก้าอี้สำหรับนั่งสวมใส่รองเท้าสบายๆ

Reception Lounge ออกแบบให้พื้นที่รับแขกอยู่ด้านหน้าบ้านบริเวณโถงทางเข้า ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยเพดานทรงสูงแบบ Double Volume ซึ่งมีไฮไลท์คือเราสามารถขยายพื้นที่บริเวณชั้นบนปิดโถง Reception Lounge เพื่อทำเป็นห้องเพิ่มได้ เป็นไปตามแนวคิด Provision For Future Expansion เพื่อเพิ่มฟังก์ชันและพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน

กอปรกับหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับวิวสวนสีเขียวรอบบ้านดูสดชื่นดีมาก ผมชอบเวลาที่มีแสงแดดยามเช้าส่องเข้ามาภายใน กระทบกับเฟอร์นิเจอร์และ Chandelier ที่แวววาว ดูงดงามราวกับเป็นภาพจิตรกรรมที่มีชีวิต ติดตั้งผ้าม่าน 2 ชั้นสูงจากพื้นจรดเพดาน ส่งผลทำให้มุมนี้ดูกว้างขวางและโปร่งสบาย 

ภายในจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่แบบเข้ามุมทำให้บ้านดูแกรนด์มากยิ่งขึ้น เสริมไอเดียด้วยเตาผิงไฟฟ้า ประดับด้วยงานประติมากรรม ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้านพักตากอากาศสไตล์ยุโรป

อีกจุดที่น่าสนใจของโครงการคือการนำ Lighnting Desiner เข้ามาออกแบบการรับแสงภายในบ้าน เพื่อคุณภาพของการพักอาศัย โป๊ะไฟเป็นทรงกลม MR16 ปรับองศาและการกระจายของแสงได้ โดยจะใช้แสงที่อุณหภูมิแสง 3,000 K หรือที่เรียกว่า “Warmwhite” โทนแสงจะเป็นสีเหลืองนวล มองแล้วสบายตาและรู้สึกอบอุ่น

ทางโครงการออกแบบให้ห้องรับแขกเชื่อมต่อกับเฉลียงด้านข้้างที่เป็นสระว่ายน้ำส่วนตัว คั่นกลางด้วยประตูกระจกเพื่อให้สามารถเปิดออกไปสู่เฉลียงกว้าง ไม่ว่าเราจะนั่งหรือเดินชมสวนภายนอกบ้านก็รู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

อยากแนะนำให้หาชุดเก้าอี้สนามมาวางมุมนี้ เพื่อใช้เป็นพื้นที่นั่งจิบกาแฟยามเช้าท่ามกลางสวนสีเขียวหรือเอาไว้นั่งทำกิจกรรมร่วมกันกับสมาชิกในบ้าน

มุมนี้ยังเชื่อมต่อไปยังห้องนอนผู้สูงอายุชั้นล่างได้ด้วยครับ สามารถเปิดประตูออกมาบริเวณสระว่าน้ำและสวนได้เช่นกัน

ชั้นล่างเชื่อมต่อกับ Common Area ออกแบบให้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ สำหรับครอบครัวที่อยู่ด้วยกัน Multi-Generations เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับรองรับการดำเนินชีวิตของผู้สูงอายุให้สะดวกสบาย

สถาปนิกออกแบบโดยคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานจริงในทุกจุด เช่น ประตูห้องนอนและห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่เป็นแบบบานเลื่อน รองรับการใช้รถเข็นวีลแชร์

พื้นของห้องนี้จะมีความพิเศษคือใช้เป็นไวนิลลายไม้ปูแบบก้างปลาดูสวยงาม เป็นแบบ Absorbtion Floor จากแบรนด์ TARKETT นำเข้าจากฝรั่งเศส รองรับการกระแทกได้ดี ยอมรับเลยว่าเดินแล้วนุ่มสบายเท้าจริงๆ ครับ นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีพื้นราบเสมอกันโดยไม่มีธรณีประตูเพื่อป้องกันการสะดุด

อีกด้านของเตียงจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้สำหรับนั่งชมวิวสวนและสระว่ายน้ำได้อย่างสบายใจ ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปได้ เพื่อที่ว่าผู้สูงอายุจะสามารถเดินออกกำลังกายขยับเบาๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าได้

ภายในห้องจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่รอบเตียงค่อนข้างกว้าง สามารถเดินเหินหรือเข็นวีลแชร์ได้อย่างสะดวกสบาย มีตู้หัวเตียงสำหรับวางโคมไฟและข้าวของเครื่องใช้สำคัญ ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้ ส่วนด้านข้างเตียงเปิดช่องแสงเอาไว้ 2 จุดเพิ่มความสว่างภายในห้อง เมื่อเปิดประตูและหน้าต่างพร้อมกันจะช่วยในเรื่องการไหลเวียนของอากาศภายในห้องให้เย็นสบาย หรือที่เรียกว่า Cross Ventilation

โซนด้านหน้าห้องออกแบบเป็นห้องแต่งตัว มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่และมุมจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งให้เรียบร้อย เชื่อมต่อกับห้องน้ำทำให้สะดวกมากในการใช้งาน

ห้องน้ำค่อนข้างกว้าง ครบครันด้วยอุปกรณ์เครื่องใช้ ไม่ว่าจะเป็นสุขภัณฑ์จาก TOTO อ่างล้างหน้าและฝักบัวให้เป็นของ KOHLER โครงการยังได้ออกแบบให้มีพื้นที่นั่งอาบน้ำเพื่ออำนวยความสะดวก ห้องนี้จึงเหมาะสำหรับปรับเป็นห้องนอนผู้สูงอายุเนื่องจากออกแบบมารองรับการใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว

ติดกันเป็นห้องอเนกประสงค์ สำหรับใช้เป็นห้องทำงาน อ่านหนังสือหรือจิบน้ำชา มานั่งพบปะพูดคุยธุรกิจสำคัญแบบส่วนตัวได้ ด้วยความที่โครงการออกแบบมาเพื่อรองรับการปรับฟังก์ชันแต่ละห้องได้อย่างสะดวกง่ายดาย เราอาจจะยุบห้องนี้ไปรวมกับมุมนั่งเล่นหรือขยายเป็นพื้นที่ของห้องนอนชั้นล่างเพิ่มก็ได้ครับ

ส่วน Family Living Area ที่ขยับเข้าไปอยู่ด้านในเป็นอีกหนึ่งมุมที่ให้ความเป็นส่วนตัว ภายในตกแต่งได้อย่างสวยงาม ดูหรูหรามีระดับในบรรยากาศที่อบอุ่นเหมาะสำหรับเป็นพื้นที่ส่วนตัวของสมาชิกในครอบครัวโอบล้อมด้วยธรรมชาติผ่านกระจกใสที่รายรอบบ้าน แม้ว่าจะขยับมาอยู่ด้านในก็ยังสัมผัสได้ถึงความสดชื่น โล่งโปร่งจากหน้าต่างบานใหญ่และสวนหลังบ้าน โดยจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่หลายที่นั่งกระจายกันไปพร้อมงานเก้าอี้ดีไซน์สวย ทั้งนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ เพราะโครงการให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว

กานต์ประทับใจในรายละเอียดของการออกแบบที่คำนึงถึงความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ส่วนรวมของบ้านในหลายจุด เช่นปิดผนังกั้น ให้บังสายตาจากห้องนอนชั้นล่างและห้องอเนกประสงค์ เพื่อที่ว่าแขกไปใครมาจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก และทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างแขกกับสมาชิกภายในบ้าน

นอกจากนี้ยังใช้เป็นพื้นที่สำหรับรับรองแขก สำหรับนั่งจิบเบาๆ พูดคุยกันในบรรยากาศสบายๆ เป็นพรีดินเนอร์ก่อนเริ่มมื้ออาหารจริงเนื่องจากอยู่ติดกับ Dining Area

ถัดเข้าไปด้านในเป็น Dining Area ที่บ้านตัวอย่างจะเป็นโถงยาวเชื่อมต่อกับ Island ของครัวยุโรปและครัวไทยด้านใน

มุมโต๊ะรับประทานอาหารซึ่งจัดไว้ 8 ที่นั่ง แต่ผมว่าเรามีขนาดพื้นที่มากเพียงพอที่จะติดตั้งโต๊ะขนาดใหญ่ได้ถึง 12-14 ที่นั่งกันเลยทีเดียวครับ ด้านข้างมีเคาน์เตอร์มินิบาร์สำหรับจัดเตรียมเครื่องดื่มเอาไว้

บ้านตัวอย่างติดตั้ง Island เอาไว้ให้ดูเป็นไอเดียเผื่อใครอยากติดตีั้งเพิ่มก็สามารถทำได้สบายเลยครับ ส่วนบ้านมาตรฐานจะมีเพียงเคาน์เตอร์และอ่างล้างจานด้านในให้เท่านั้น มุมนี้เราสามารถเชิญ Celebrity Chef มาเปิด Chef Table ทำอาหารให้กินแบบส่วนตัวได้ในบรรยากาศสบายๆ ของเพื่อนฝูงหรือคนในครอบครัว

ส่วนตัวกานต์ชอบมุมนี้มาก ดูสวยงามคลาสสิค ได้นั่งรับประทานอาหารในบรรยากาศที่โปร่ง โล่ง มีแสงแดดอ่อนๆ ลอดเข้ามา มองออกไปเห็นวิวสวน ต้นไม้สีเขียวด้านนอก ดูสดชื่นสบายตา แต่จะไม่สามารถมองเข้ามาจากข้างนอกได้

ถ้าใครสังเกตให้ดีโครงการนี้เน้นผนังกระจกใสเยอะมาก ดูแตกต่างจากโครงการทั่วไป ทำให้เราได้สัมผัสกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อมได้อย่างเต็มที่ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของบ้าน เนื่องจากออกแบบให้มีระยะถอยร่นเพื่อเปิดพื้นที่สวนสีเขียวรอบบ้าน ทำให้บรรยากาศดูสดชื่นสบายตา สบายใจ ช่วยเติมอรรถรสให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี 

โครงการติดตั้งเคาน์เตอร์ครัวไทยเป็นรูปตัวยู (U-Shape) มาให้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างกว้าง สามารถแยกฟังก์ชันการทำงานของแม่บ้านในเวลาเดียวกัน เช่น ทำกับข้าวไว้บนเตาและใช้งานบริเวณอ่างล้างจานได้โดยที่ไม่กระทบซึ่งกันและกัน ออกแบบให้มีตู้เก็บของบน-ล่างเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนี้ ยังนำระบบ Water Purifier เป็นระบบกรองน้ำทั้งกลิ่น สี คลอรีนและลดตะกรัน เป็นการปรับคุณภาพน้ำประปาก่อนส่งเข้าตัวบ้าน ตลอดจนการติดต้ังระบบปั้มนํ้าแรงดันคงที่ (Constant Pressure Water Pump) เพื่อให้น้ำไหลอย่างสม่ำเสมอ

บริเวณนี้จะมีห้องน้ำแบบ Powder Room สำหรับแขกและสมาชิกในบ้านใช้งานร่วมกัน เป็นห้องน้ำแบบไม่มีพื้นที่สำหรับอาบน้ำแต่ได้ติดตั้งทั้งสุขภัณฑ์อัตโนมัติเอาไว้ให้แล้ว โดยคำนึงถึงรายละเอียดชนิดที่ว่า โถสุขภัณฑ์จะไม่หันหน้าออกไปทางฝั่งหน้าบ้าน

ส่วนโซนปีกขวาของบ้านจะเชื่อมต่อกับส่วนการทำงานของแม่บ้านทั้งในส่วนของครัวไทยและ Laundry ที่ Maid Plaza ด้านหลัง

โซนนี้มีประตูรองที่เชื่อมต่อกับลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบ Home panel จาก Inim เพื่อควบคุมระบบ Smart Home ต่างๆ ภายในบ้าน ได้

ทั้งยังออกแบบให้มีประตูฝั่งครัวเพื่อกั้นเป็นโซน Back of House คือให้เป็นทางเข้าออกของแม่บ้าน โดยห้องนอนและห้องน้ำของแม่บ้านจะอยู่ฝั่งด้านขวาของบ้าน ซึ่งแม่บ้านจะไม่สามารถเปิดเข้าหน้าบ้านได้โดยตรงต้องเดินอ้อมไปเข้าทางประตูเล็กฝั่งห้องครัวครับ การออกแบบลักษณะนี้ทำให้เราสามารถแยกฟังก์ชันได้ชัดเจนดีและเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัวระหว่างเจ้าของบ้านกับแม่บ้าน

ขึ้นบันไดไปชมชั้น 2 กันดีกว่าครับ ออกแบบให้บันไดวนตามเข็มนาฬิกา บันไดของที่นี่จะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กทำให้ได้เรื่องความแข็งแรงทนทาน ลูกนอนเป็นพื้นไม้ยางพาราประสาน ความกว้างของบันไดอยู่ที่ 1.3 เมตร หน้ากว้าง 28 ซม. ถือว่ามากกว่าบ้านทั่วไป ทำให้เดินได้สบายขึ้นสามารถเดินสวนกันตอนขึ้น-ลงได้สะดวกปลอดภัย ขั้นบันไดสูง 17.5 ซม. ถือว่าไม่สูงมาก ออกแบบมาเพื่อรองรับการเดินขึ้นลงของเด็กๆ และสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน ราวกันตกสูง 110 ซม. เป็นกระจกนิรภัยมือจับราวกันตกเป็นไม้

แต่ที่ผมชอบคือดีเทลของการออกแบบโดยเว้นที่ว่างเป็นช่องตรงกลางโถงบันไดเพื่อรองรับการติดตั้งลิฟต์ภายในบ้านได้ในอนาคตตามแนวคิด Provision for future Expansion หรือหากยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ก็สามารถติดตั้ง Chandelier เพิ่มความหรูหราสวยงามให้กับบ้านได้ครับ

ชั้นบนมีความสูงของฝ้า 3 เมตร รู้สึกได้ทันทีถึงความโปร่งสบาย พื้นปูด้วย Engineered Timber สีน้ำตาลอ่อนเข้ากับบ้านสไตล์เอิร์ธโทน ทำให้ดูอบอุ่นสบายตา Family Area ออกแบบมาโดยคำนึงถึงการปรับใช้งานมุมนี้ให้ได้หลากหลายตามไลฟ์สไตล์และความต้องการของสมาชิกในครอบครัว จัดวางชุดโซฟาเอาไว้สามารถทำเป็นมุมนั่งเล่นดูทีวีก็ได้ แนะนำให้เลือกสมาร์ททีวีจอใหญ่ๆ ทำเป็นโฮมเธียเตอร์เอาไว้ดูหนังพร้อมกันทั้งครอบครัวได้เลยครับ นับเป็นบ้านที่ออกแบบมาให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดีมาก

ที่สำคัญนอกจากฟังก์ชันการใช้สอยภายในบ้านแล้ว เรื่องงานดีไซน์ก็ยังต้องให้น้ำหนัก คือบ้านมีความสวยดูดี ดูหรูหรา สมฐานะ โดยต้องไม่ลืมคำนึงถึงหลักการออกแบบที่เติมเต็มสุนทรียะในการพักผ่อนเข้ามาประกอบราวกับได้ใช้ชีวิตอยู่ในรีสอร์ตหรู ดังนั้น สถาปนิกจึงออกแบบให้มีระเบียงขนาดใหญ่เพื่อการพักผ่อนรับลมชมสวนสีเขียวฝั่งด้านหน้าบ้าน มองออกไปเห็นสโมสรส่วนกลาง ทั้งยังช่วยในการเปิดรับแสงจากภายนอกทำให้บ้านดูสว่าง ไม่ต้องเปิดไฟ สามารถประหยัดพลังงานในช่วงเวลากลางวันได้

ภาพรวมของโครงการจะวางแปลนบ้านให้อยู่ในแนวทิศเหนือทิศใต้ ทำให้ได้ประโยชน์ในเรื่องทิศทางลมและแสงแดดไหลเวียนดีตลอดทั้งวัน ทำให้บ้านไม่ร้อนอยู่แล้วสบายมากยิ่งขึ้น นับเป็นงานออกแบบที่ผ่านกระบวนการคิดและยังมีระบบพิเศษเพิ่มเติมที่เรียกว่า S-Air System คือเน้นระบบหมุนเวียนอากาศในตัวบ้าน ให้ได้ทั้งอากาศบริสุทธิ์และช่วยลดความร้อนไปพร้อมกันมาอย่างดี

Exterior Design เป็นสไตล์ Modern Tropical Classic ถ้าใครสังเกตให้ดีโครงการนี้เน้นผนังกระจกใสเยอะมาก ดูแตกต่างจากโครงการทั่วไป ทำให้ได้เราสัมผัสกับบริบทของธรรมชาติแวดล้อมได้อย่างเต็มที่

มี Common Area ที่เชื่อมต่อกับทุกห้องรองรับการทำกิจกรรมร่วมกันสำหรับทุกเจนเนอเรชั่นในครอบครัว แต่การออกแบบจะลงดีเทลให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น ด้วยการจัดให้มีพื้นที่ส่วนตัวสำหรับทำกิจกรรมของตัวเอง ตรงนี้ถือเป็นหลักการออกแบบที่ดีมาก

กานต์มองว่าหัวใจหลักของโครงการคือเป็นบ้านออกแบบสวย เน้น Space + Function และการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของแต่ละครอบครัว เห็นได้จากการออกแบบที่ “เผื่อ” อนาคตเอาไว้ของบ้านในโครงการ S’RIN อย่างเช่นมุมอเนกประสงค์​ชั้นบนที่เชื่อมต่อกับโถง Reception Lounge ชั้นล่างนอกจากจะทำเป็นมุมนั่งจิบเครื่องดื่มฟังเพลงเบาๆ หากเราอยากจะต่อเติมเพื่อทำเป็นห้องเพิ่มได้ในอนาคตก็สามารถทำได้ เนื่องจากทางโครงการออกแบบคานเพื่อรองรับน้ำหนักเพิ่มเอาไว้ให้แล้วครับ

“𝐓𝐡𝐞 𝐡𝐚𝐩𝐩𝐢𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐨𝐟 𝐚 𝐦𝐚𝐧’𝐬 𝐡𝐨𝐦𝐞 𝐡𝐚𝐬 𝐚 𝐠𝐫𝐞𝐚𝐭 𝐞𝐟𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐮𝐩𝐨𝐧 𝐡𝐢𝐬 𝐡𝐚𝐩𝐩𝐢𝐧𝐞𝐬𝐬 𝐚𝐧𝐲𝐰𝐡𝐞𝐫𝐞 𝐞𝐥𝐬𝐞.”

อีกหนึ่งตัวอย่างในการปรับฟังก์ชันของห้องต่างๆ ภายบ้านของโครงการ S’RIN ที่เห็นได้ชัดคือการแบ่งห้องอเนกประสงค์ในบ้านตัวอย่างออกเป็น 2 ห้อง โดยตัดพื้นที่จากห้องนอนรอง 3 ออกมาทำเป็น Entertainment Room สำหรับนั่งดูหนังฟังเพลง กินดื่มเบาๆ ในบรรยากาศสบายๆ มาพร้อมกับห้องน้ำในตัวเนื่องจากบ้านมาตรฐานจะเป็นห้องนอนรองครับ

ส่วนอีกห้องที่อยู่ติดกันเป็นห้องอเนกประสงค์อยู่แล้ว แต่ปรับขนาดพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้นกว่าบ้านมาตรฐานทำเป็นฟิตเนสภายในบ้าน มีพื้นที่สำหรับจัดวางอุปกรณ์ออกกำลังกายเอาไว้พร้อมสรรพและผนังด้านหนึ่งติดตั้งกระจกเงาให้เราได้เช็คท่วงท่าขณะออกกำลังกายได้

ห้องนอนรอง 4 จะอยู่โซนด้านหลังบ้านทำให้ได้เปรียบเรื่องความเงียบสงบ เหมาะสำหรับทำเป็นห้องนอนวัยรุ่นชายที่ต้องการได้ความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันไว้ลงตัว โดยมีเตียงนอนขนาดใหญ่จัดวางเอาไว้ด้านในสุด ซึ่งจะไม่ตรงกับตำแหน่งประตู ข้อดีก็คือทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวมากขึ้น และยังเปิดรับช่องแสงจากผนังกระจกด้านข้างและด้านหลังแบบเข้ามุม ส่วนปลายเตียงจัดวางโต๊ะทำงานและคอมพิวเตอร์ชุดใหญ่สำหรับสตรีมเกม โดยปรับให้มุมแต่งตัวและห้องน้ำมาอยู่ฝั่งด้านหน้าประตูทางเข้าแทนครับ

ห้องนอนที่ 2 จะอยู่ฝั่งด้านหน้าบ้าน ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนรองทั่วไป โครงการเรียกห้องนี้ว่าเป็น Junior Suite

เข้ามาด้านในสุดจะเป็นมุมพักผ่อน ออกแบบให้ส่วนแรกเป็นมุมทำงาน นั่งอ่านหนังสือหรือวาดรูปสบายๆ ในห้องนอนตัวเอง และยังได้วิวสวยเพราะเชื่อมต่อกับสวนภายนอกด้วย

เราสามารถจัดวางเตียงขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับพร้อมกับโต๊ะหัวเตียง และยังมีพื้นที่เหลือให้เดินรอบได้สบายๆ เพราะห้องมีขนาดใหญ่มาก ปลายเตียงสามารถจัดวางเดย์เบดขนาดใหญ่และตู้วางทีวีขนาด 55 นิ้ว สามารถนอนดูซีรีส์จากบนเตียงได้เลย สะดวกสบายดีมาก ส่วนตัวแล้วผมชอบวิวจากห้องนี้มาก จะเห็นว่าได้ความเปิดโล่งรับพื้นที่สีเขียวจากสวนส่วนกลางและสวนด้านหน้าบ้าน ดูแล้วรู้สึกสดชื่นมากครับ เป็นห้องนอนที่น่าอยู่มาก

ส่วนโถงทางเดินเข้ามาภายในห้องนอนจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่แยกส่วนเปียกแห้งเอาไว้ให้แล้ว โครงการติดตั้งสุขภัณฑ์ของ TOTO พร้อมกับ Shower Box และฝักบัวจาก Kohler ส่วนที่ถัดไปจากห้องน้ำจะเป็นโซนแต่งตัวโดยออกแบบให้มีตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet และมุมโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ให้แล้วครับ

บ้านตัวอย่างจัดวางเตียงนอนเอาไว้ด้านในโดยมีผนังกั้นไว้เพื่อความเป็นส่วนตัวระหว่างที่เปิดปิดประตู โดยจะต้องเดินหลบมุมเข้ามาด้านในเล็กน้อยถึงจะพบกับโซนพักผ่อนภายในห้องนอน

ส่วนพื้นที่ครึ่งหนึ่งของบ้านในปีกด้านซ้าย จะเป็น Master Suite ที่มีขนาดใหญ่มาก ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้สอยภายในเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว เมื่อเดินเข้าประตูไปจะพบกับโถงทางเดินยาวขนานไปกับตัวบ้าน แยกฟังก์ชันการใช้งานออกเป็น 2 ฝั่งคือห้องแต่งตัวและห้องน้ำ จะไม่สามารถมองเห็นพื้นที่พักผ่อนได้ในทันที โดยที่เตียงนอนถูกจัดไว้บริเวณประตูทางเข้าโดยหลบเข้าไปด้านในทำให้ได้ความเป็นส่วนเมื่อเปิด-ปิดประตู สามารถจัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้เลยครับเพราะมีพื้นที่กว้างเดินได้รอบเลย

Master Suite ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นให้ความรู้สึกเรียบหรูด้วยการเลือกใช้ดีไซน์ของเตียง โต๊ะหัวเตียง โคมไฟและการจับคู่สีที่ทำออกมาได้น่าสนใจ เตียงนอนจัดวางไว้โดยหันปลายเท้าเข้าด้านในบ้านไม่หันออกหน้าบ้าน มีระยะห่างมากพอที่จะติดตั้งทีวีจอใหญ่บริเวณปลายเตียง สามารถติดตั้ง Cabinet สำหรับวางทีวีขนาดใหญ่ แต่ถ้าจะแนะนำให้แขวนทีวีติดผนังจะดูเรียบกว่าช่วยให้ห้องดูโมเดิร์นขึ้น ให้เรานอนชมซีรีย์เรื่องโปรดจาก Netflix บนเตียงเลยได้สบายๆ เลยครับ ปลายเตียงยังจัดให้มีชึุดโซฟาเอาไว้สำหรับนั่งพักผ่อน ห้องนอนค่อนข้างโปร่งเพราะได้ช่องแสงเปิดเข้ามาจากทั้ง 2 ด้าน มาพร้อมกับระเบียงที่เชื่อมต่อกับวิวสวนสีเขียวฝั่งด้านหน้าและข้างบ้าน

ติดกับห้องนอนหลักจะเป็น Master Bathroom ซึ่งข้อดีก็คือเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วสามารถแต่งตัวและแต่งหน้าจบในโซนได้เลยครับ นับว่าสะดวกมาก ภายในห้องน้ำติดตั้งเคาน์เตอร์เป็นแนวยาวพร้อมกระจกเงาเต็มบาน อ่างล้างหน้าเป็นแบบ His & Her สามารถใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้ ฝั่งตรงข้ามเป็น Shower Box ที่มีขนาดใหญ่ติดตั้ง Hand Shower และ Rain shower เป็นของ Kohker ส่วนอีกห้องติดกันจะเป็นสุขา โครงการติดตั้งสุขภัณฑ์อัตโนมัติของ TOTO มาให้

ตรงกลางเป็นอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวของ KASCH ดีไซน์กลมมนเพื่อให้ดูผ่อนคลาย จัดวางเอาไว้ริมหน้าต่างสามารถเปิดออกเพื่อระบายอากาศและไล่ความชื้นภายในห้องน้ำได้ ส่วนตัวผมเองก็จะชอบมุมนี้ในห้องนอนเป็นพิเศษ อยากจะทำอะไรก็ได้ตามใจ อยากแช่อ่างอาบน้ำให้สบายใจ เติมความผ่อนคลายหลังจากที่เหนื่อยล้าในระหว่างการทำงานมาทั้งวัน จากนั้น ก็ค่อยลงไปทานข้าวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในบ้านครับ

ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวแบบ ในส่วนของ Master Walk-in Closet ทางโครงการจัดให้เป็น Build-in Wardrobe ติดตั้งตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ทืั้ง 3 ฝั่ง เว้นที่วางตรงริมผนังด้านในสำหรับจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อให้รับแสงจากธรรมชาติขณะแต่งหน้า และสามารถเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศได้

ส่วนตรงกลางเป็น Island สำหรับจัดเก็บนาฬิกา เครื่องประดับสำหรับคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง

#โดยสรุป กานต์คิดว่าโครงการ S’RIN ราชพฤกษ์-สาย 1 เหมาะสำหรับคนที่มองหาบ้านหน้ากว้าง ขนาดใหญ่รองรับสมาชิกได้หลาย Generation เน้นการออกแบบที่คำนึงถึงประโยชน์ในการใช้งานได้จริง ปรับฟังก์ชันได้ตามไลฟ์สไตล์ และ รองรับการปรับเปลี่ยน/เพิ่มฟังก์ชันในอนาคตและเป็นงานดีไซน์ที่ไร้กาลเวลา สามารถถ่ายทอดแนวคิด Crafted to Last ที่คำนึงถึงอายุการใช้งานที่ยืนยาวด้วยคุณภาพของการก่อสร้างที่ดีเยี่ยม เน้นเรื่องความยั่งยืน พื้นที่สีเขียว ที่สำคัญคือบ้านออกแบบสวยมากจริงๆ ครับ สำหรับคนที่มองหาบ้านในโลเคชั่นของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตกที่เชื่อมต่อกับ CBD จากถนนราชพฤกษ์สู่สาทรได้อย่างรวดเร็ว รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นทำเลที่เหมาะกับการพักอาศัยเพื่อให้ได้คุณภาพชีวิตที่ดีกว่า

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/49kYLUa

KΔNT
KΔNT

อดีตผู้ประกาศข่าวสายเศรษฐกิจ เจ้าของเพจ KANT.CO.TH ชื่นชอบในไลฟ์สไตล์ การท่องเที่ยวพักผ่อน ในโรงแรมหรู สนใจเรื่องราวงานดีไซน์ อสังหา การตลาด การลงทุน