Luxury Condominium ระดับ Masterpiece ที่ 28 Chidlom
KANT x REAL ESTSTE พามาชมความงดงามดุจอัญมณีชิ้นเลิศท่ีสร้างสรรค์ขึ้นบนทำเลที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกรุงเทพมหานคร เพื่อการเป็นเจ้าของ (Own a Magical Location)
คงจะไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงสำหรับคอนโดมิเนียม 28 Chidlom (ทเวนตี้เอท ชิดลม) ซึ่งเป็น Limited Luxury Collection by SC ASSET ที่สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และยังเป็นคอนโดมิเนียม Freehold หนึ่งเดียวบนถนนชิดลมอีกด้วยครับ
ด้วยคอนเซปต์การออกแบบภายใต้แนวความคิด “Jewel Box” โดยดีไซเนอร์ระดับโลก เปรียบอาคารเป็นกล่องเก็บอัญมณี นำรูปทรงสี่เหลี่ยมมาเรียงต่อแบบ Random ดีไซน์ให้ Facade แต่ละห้องเหมือนกล่องกระจกยื่นออกมา ส่งผลให้ตัวอาคารดูมีมิติ ได้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องมุมทุกห้อง มีด้วยกัน 2 อาคารคือ The Tower และ The Villa แต่ละอาคารมีสิ่งอำนวยความสะดวกแยกอิสระจากกัน
กานต์ไปชมพื้นที่ส่วนกลางและห้องตัวอย่างที่อาคาร The Villa ซึ่งอยู่ด้านหน้าครับ เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน Luxury Fully Furnished ห้องนี้ตกแต่งสวยเป็นพิเศษด้วย Chanintr แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่มีดีไซน์สวยและคุณภาพสูง ซึ่งเลือกโทน Warm มาใช้ เข้ากับเฟอร์นิเจอร์หรู เน้นวัสดุธรรมชาติอย่างไม้และผ้าเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ทำให้รู้สึกได้ถึงความอบอุ่น นุ่มนวล ชวนให้เก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ในทันที
นอกจากนี้ โครงการยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ภายใต้แนวคิด “An Urban Oasis” ใจกลางเมือง ที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวที่มีขนาดใหญ่ถึง 2 ใน 3 ของพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของโครงการ TROP ออกแบบสวนส่วนกลางได้สวยมาก มีความเชื่อมต่อกันทั้งภายในและภายนอกอาคาร กานต์ใช้เวลาในช่วงเย็น เดินเล่นและนั่งอ่านหนังสือที่ใต้ต้นไม้ บรรยากาศสบายๆ ดีมากเลยครับ
ไปชมภาพพร้อมกับอ่านเรื่องราวของ 28 Chidlom : Limited Luxury Collection ที่กานต์นำมาฝากกันต่อด้านในดีกว่าครับ
28 Chidlom : Limited Luxury Collection by SC ASSET
สนใจเข้าชมโครงการติดต่อ 1749
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ https://28chidlom-scasset.com
บรรยากาศสบายๆ เหมือนนั่งพักผ่อนในสวนสวยใจกลางปารีส
“Your life is your canvas, and you are the masterpiece. There are a million ways to be kind, amazing, fabulous, creative, bold, and interesting.”
-Kerli
กานต์พามาชมโครงการ 28 Chidlom ซึ่งทำเลนั้นต้องเรียกได้ว่าเป็นที่สุดจริงๆ ครับ บนถนนชิดลม ห่างจากรถไฟฟ้า BTS ชิดลมเพียง 280 เท่านั้น รายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและสถานที่สำคัญมากมาย
ย่านชิดลมได้ชื่อว่าเป็นทำเลที่ราคาที่ดินสูงที่สุดในประเทศไทย จนกลายเป็นโลเคชั่น Super Prime Area เหมาะสำหรับคนระดับไฮเอนด์ที่ต้องการดำเนินวิถีชีวิตกลางใจเมืองที่แท้จริง ท่ามกลางแหล่งช้อปปิ้งและโรงแรมระดับชั้นนำที่ตั้งอยู่ในทำเลนี้
เมื่อเข้ามาด้านในบริเวณจุด Drop-Off จะเป็นจุดกึ่งกลางระหว่าง 2 อาคารครับ The Villa เลี้ยวขวา ส่วน The Tower ต้องเดินไปทางซ้าย ส่วนตรงกลางจะเชื่อมทั้ง 2 อาคารด้วยสวนสีเขียวขนาดใหญ่
ตรงกลางบริเวณ Drop-Off จะเป็นต้นไม้ทำเป็นวงเวียน ดูอาร์ตมากครับ เราจะขับรถลงไปจอดชั้นใต้ดินของอาคาร The Villa ซึ่งเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้ากัน
โครงการได้ติดตั้งจอ LED สำหรับแจ้งสถานะของอาคารจอดรถและการใช้งาน เนื่องจากสามารถจอดรถได้ทั้ง 2 อาคาร
โดยจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยคือที่ อาคาร The Villa จะเป็นลานจอดรถใต้ดิน
ส่วนอาคาร The Tower จะเป็น Auto Parking มีลิฟต์ 3 ตัวคอยให้บริการครับ
จากบ้านเลขที่ 28 สู่ความเป็นเจ้าของร่วมในโครงการ 28 Chidlom ผมว่าไม่ธรรมดาเลยครับที่ SC Asset จะได้ที่ดินผืนนี้มาสร้างเป็น Luxury Condominium กับการถือครองห้องพักในทำเลไฮเอนด์ขนาดนี้ จนทำให้กลายเป็นคอนโดที่ Rare Item ในเวลานี้
คอนโดมิเนียม 28 Chidlom มีด้วยกัน 2 อาคาร บนเนื้อที่ 3 ไร่เศษ ด้านซ้ายของภาพจะเป็นอาคาร The Villa ขนาด 20 ชั้น จำนวน 184 ยูนิต ส่วนอาคารด้านขวาของภาพจะเป็น The Tower ขนาด 47 ชั้น จำนวน 243 ยูนิต รวมทั้งหมด 425 ยูนิต
Lobby ที่อาคาร The Villa ตกแต่งได้สวยมากครับ มีความ New Look ที่ดูสวยเรียบหรู ผมชอบการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นสีโทนเบจ รับกันดีกับสีของไฟโทนอบอุ่น และดีไซน์ที่สวยเก๋ของ Chandelier ที่เป็นสี่เหลี่ยม แปลกตาดีครับ
โดยรวมแล้ว Lobby จะให้ความรู้สึกสบายใจเวลามานั่งพักผ่อน มองออกไปจะเห็น Courtyard พื้นที่สีเขียวรายล้อมในเกือบทุกด้าน
ขึ้นไปชมห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่าครับ ซึ่งเป็นห้องดีไซน์ใหม่ที่เพิ่ง launch ออกมาใช้ชื่อว่า Courtyard Suites เป็นห้องหน้ากว้าง วางผังยาวขนานไปกับตัวอาคาร The Villa ซึ่งเกิดจากการ Combine ห้องหน้ากว้าง 2 ห้องเข้าไว้ด้วยกันแล้วปรับฟังก์ชั่นใหม่ อย่างห้องตัวอย่างที่กานต์มาชมนั้น เป็นห้องหน้ากว้างประมาณ 13 เมตร มีพื้นที่ใช้สอย 88 ตร.ม. ได้วิวสวนแบบ 180 องศา จนกลายเป็นห้อง Signature ของทางโครงการแบบใหม่ล่าสุด
ประตูติดตั้ง Digital Door lock ของ Alpha เป็นสีที่ทำขึ้นมาพิเศษเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น สัมผัสแรกที่เราเปิดประตูเข้ามา นอกจากห้องที่กว้างและแบ่งฟังก์ชั่นการใช้สอยอย่างเป็นสัดส่วนชัดเจนแล้ว ยังเป็นห้องที่เพดานสูงถึง 3 เมตร แน่นอนว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยความสูงของคอนโดทั่วไป มาพร้อมกับกระจกบานใหญ่ Full-Height ช่วยให้ห้องดูโปร่ง โล่งสบาย อีกทั้งยังช่วยเรื่องการเปิดรับแสงธรรมชาติที่จะส่องผ่านเข้ามาในตัวห้อง
ห้องเป็นแบบ Fully Furnished จัดวางเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Chanintr เอาไว้ให้แล้ว
มุม Living จัดวางชุดรับแขกสีเทาควันบุหรี่ ส่วนโต๊ะรับประทานอาหารเป็นโต๊ะไม้จริง เข้าชุดกับเก้าอี้สีเทาเช่นกัน ดูแล้วสอดรับกับสีน้ำตาลของพื้นไม้และโทนสีอบอุ่นของห้อง ช่วยให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้นครับ
มุมรับประทานอาหาร น่าจะเป็นมุมโปรดของใครหลายคนรวมทั้งกานต์ด้วยครับ อย่างที่บอกไปว่าห้องแบบใหม่ Courtyard Suites นอกจากจะได้ความเป็นสัดส่วนของการจัดวางฟังก์ชั่นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่ไล่เรียงกันไประหว่าง Living และ Dining ก่อนจะประกบด้วยห้องนอนทั้ง 2 ฝั่งแล้ว ยังได้วิวจากหน้าต่างในทุกมุมของทุกห้องด้วยครับ
เราสามารถจัดโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ให้ขนานไปตามแนวของห้องได้เลย เฟอร์นิเจอร์ภายในจะใช้แบรนด์ Chanintr ทุกชิ้น ห้องตัวอย่างเลือกใช้โต๊ะไม้ทรงเหลี่ยม ลดทอนความแข็งกระด้างด้วยเก้าอี้บุผ้าสีน้ำตาลอ่อนให้ความรู้สึกถึงสัมผัสที่มาจากธรรมชาติ และถ้าหากเปิดม่านแล้วมองออกไปเราจะเห็นวิวสวนขนาดใหญ่ที่บริเวณชั้นล่าง สร้างความสดชื่น สบายตาและสบายใจ ประตูกระจกสามารถเปิดออกไปได้ เป็นระเบียงเอาไว้ยืนรับลมชมวิวครับ
ชอบรูปนี้ครับ ดูคลาสสิคดี มีความเชื่อมโยงกันทั้งภายนอกอาคารและภายในห้อง
พื้นที่ Common Area เป็นฟังก์ชันต่อเนื่องกันเป็นแนวกว้าง ส่วนมุมนั่งเล่น ผมถือเป็นพระเอกของบ้านครับ เพราะหากเปิดประตูมาเราจะเห็นภาพนี้ก่อนเลย ห้องตัวอย่างตกแต่งแบบเรียบหรู ดูเป็นคาแรกเตอร์แบบ SC Asset ที่เราคุ้นเคย คือไม่เน้นความหวือหวา มาแนวเรื่อยๆ มาเรียงๆ การคุมเฉดสีจัึงเป็นโทนอ่อน เช่น เบจ น้ำตาลอ่อน เทาควันบุหรี่ จากนั้นจึงค่อยขับเน้นให้เข้มด้วยสีดำของโลหะ กระจกสีชาเข้ม และน้ำตาลจากไม้ เป็นการไล่เฉดสีที่ลงตัวมากครับ
Living ของห้องนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างใหญ่ อาจจะด้วยการวางเลย์เอ้าท์ของห้องที่ใช้เทคนิคการออกแบบที่เรียกว่า Compression & Expansion คือครัวด้านหน้าจะครอปฝ้าลงมาเล็กน้อย ตกแต่งเน้นสีโทนเข้ม เพื่อนำสายตาไปสู่ Living Area ที่กว้างกว่า เพดานสูงกว่า ตกแต่งเน้นสีโทนสว่าง
ด้านหน้าประตูทางเข้าจะเป็นครัว ซึ่งทางโครงการติดตั้งชุดเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้แล้วทั้ง Hob&Hood เตาไมโครเวฟ ทั้งหมดเป็นของ Kuppersbusch ซึ่งเป็นแบรนด์เก่าแก่ของเยอรมนีมีอายุกว่า 140 ปีแล้วครับ ส่วน Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินอ่อน Composite Marble ซึ่งข้อดีก็คือมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน ส่วนอ่างล้างจานเป็นของ Teka แบบ 1 หลุม
ด้ายขวามือของภาพจะเป็นตู้ Built in สีเทาเข้ม เปิดออกมาจะเป็นตู้เย็นแบรนด์ Electrolux ผมชอบมากเลยครับ ช่วยทำให้ห้องดูเรียบร้อยและพรางตาได้ดี พร้อมกันนี้ยังมีพื้นที่เป็นตู้เก็บของในครัวได้ด้วย
ด้านในสุดเป็นกระจกเข้ามุมแบบ Bay Window อย่างที่เคยเล่าไว้ว่าเป็นคอนเซปต์ในการออกแบบเหมือนกล่องอัญมณีที่ยื่นออกไป ทำให้ช่วยเพิ่มมุมมองด้านข้างให้กับห้องและได้วิวที่เปิดโล่งมากขึ้น ในตอนเช้าวันสบายๆ เราอาจจะเปิดม่านเปิดออกเพื่อรับแสงอ่อนๆ จาก Courtyard เข้ามาในห้องได้ครับ
ด้วยความที่กรอบประตูหน้าต่างอลูมิเนียม กระจก Insulate 2 ชั้น ทำให้ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาด้านในได้ดีมากเลยครับ
มาชมในส่วนของห้องนอนกันบ้างครับ ซึ่งห้องนอนออกแบบให้อยู่ 2 ฝั่งด้านในสุดของห้อง ผมชอบการวางเลย์เอ้าท์ห้องแบบนี้มาก นอกจากได้ห้องหน้ากว้างที่ขนานไปกับตัวอาคารแล้ว ห้องนอนที่อยู่กันคนละมุมห้อง ก็ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ
เริ่มจาก Master Bedroom กันก่อน ห้องนอนหลักมีขนาดพื้นที่ใหญ่มาก ประตูห้องจะอยู่ตรงกลาง ลดการปะทะกับเตียงนอนโดยตรง มองไปทางซ้ายจะเป็นส่วนพักผ่อนที่จัดวางเตียงนอนขนาดใหญ่ได้สบายเลยครับ พร้อมกับมีพื้นที่รอบเตียงเหลือให้เดินรอบได้สบายเลย ปลายเตียงสามารถวางตู่คาบิเนตเอาไว้ได้ ถ้าใครอยากติดทีวีในห้องนอนเพิ่มแนะนำว่าเลือกแบบจอบางๆ และเป็นแบบแขวนจะเก๋มากราวกับกรอบรูปงานศิลป์
ส่วนของหัวนอนจัดวางโต๊ะพร้อมกับโคมไฟพร้อมของประดับตกแต่ง ผมชอบการเลือกจับคู่กันระหว่างดีไซน์ของเตียงนอน ชุดหมอนผ้าปูและโคมไฟ ซึ่งสอดรับกันได้ดีลงตัวไปหมด มีความเรียบ หรู อยู่แล้วเหมือนได้พักผ่อนอยู่ใจกลางปารีส
ส่วนพักผ่อนภายในห้องนอนเชื่อมต่อกับ Walk-in Closet ด้านใน ที่มีขนาดใหญ่ราวกับเป็นอีกห้องหนึ่ง
โดยรวมผมชอบการวางเอ้าท์และการตกแต่งภายในของห้องนี้มาก ให้ความรู้สึกเรียบ หรู ดูมีความ elegant
ความดีงามของ Master Bedroom ที่ผมชอบมากอีกอย่างคือ ห้องน้ำที่กว้างมาก ต้องยกเครดิตให้ดีไซน์เนอร์ที่ออกแบบและวางผังห้องได้ค่อนข้างลงตัวและใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า มีความเชื่อมต่อกันระหว่างมุมแต่งตัว โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ที่มีขนาดใหญ่มากเป็นห้องอีก 1 ห้องจริงๆ จากนั้นจึงจะเป็นห้องน้ำ
ห้องน้ำเลือกกระเบื้องได้งดงามมาก ด้วยการใช้หินอ่อน Emperador Dark สีเข้ม ซึ่งรับกับแสงไฟได้ดี ติดตั้งอ่างล้างหน้าแบบ His & Her ขนานกันยาวไปตามแนวห้อง ก่อนที่ด้านในสุดจะเป็นสุขา แต่ว่าที่ชอบมากคือมีอ่างอาบน้ำด้วย พร้อมกับพื้นที่จัดวางได้ลงล็อคเป๊ะ ราวกับผ่านกระบวนการคิดและออกแบบมาอย่างดี ช่วยเติมเต็มวันที่เหนื่อยล้าด้วยการนอนแช่น้ำอุ่น จิบเครื่องดื่มเบาๆ เคล้ากับเสียงเพลงจากศิลปินคนโปรด เท่านี้ก็ช่วยบรรเทาให้ความรู้สึกของเราดีขึ้นได้ครับ
ส่วนห้องนอนอีกห้องก็มีขนาดใหญ่แทบไม่ต่างจาก Master Bedroom เลยครับ ยังคงคุมโทนการตกแต่งภายในได้ดี
มุมพักผ่อนจัดวางเตียงขนาดใหญ่ ทว่ายังมีพื้นที่รอบเตียงเหลือแบบเดินได้รอบเช่นกัน โต๊ะและโคมไฟที่หัวนอนดูเก๋ดี ห้องนี้จะดูเท่กว่าเล็กน้อย ดูเป็นห้องของชายหนุ่มที่มีสไตล์เฉพาะตัว
ถัดจากเตียงนอนจะเป็นมุมแต่งตัวแบบ Walk-in Closet เช่นกัน มีโต๊ะเครื่องแป้งติดตั้งไว้ ห้องแต่งตัวจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำที่อยู่ด้านในสุด ทำให้สะดวกต่อการใช้งาน
ผมว่าบางทีก็อยากจะเลือกห้องที่พร้อมแต่งแล้วแบบนี้แหละ เพราะดีไซน์เนอร์คิดมาให้หมดแล้วว่ามันสวย ใช้งานง่าย สะดวกและลงตัวดี
จากห้องตัวอย่าง ผมจะพาไปชมพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร The Villa กันดูบ้างครับ อย่างที่เคยได้บอกไปว่า Facilities ของทั้ง 2 อาคารจะแยกออกจากกัน ซึ่งจะให้ฟีลลิ่งที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งแรกที่ผมชอบมากคือสระว่ายน้ำครับ เป็นหนึ่งในสระว่ายน้ำที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพเนื่องจากมองเห็นตึกสูงน้อยใหญ่ โดยมากเป็นตึกสร้างใหม่ที่มีดีไซน์แปลกตาทำให้มุมมองดูแปลกใหม่ไปกว่าเดิม
สระว่ายน้ำมีความยาว 18 เมตร ขนานกันไปกับตัวอาคารฝั่งด้านหน้าติดถนนชิดลมครับ โดยแยกสระสำหรับเด็กเอาไว้ด้านซ้าย ส่วนมุมด้านขวาจะเป็นสวนเล็กๆ สีเขียวตัดกับสีฟ้าของน้ำ ผมว่าสวยดีครับ ส่วนด้านในจะปลูกต้นไม้ไว้ริมสระสลับกับเบาะที่นั่งซึ่งจัดไว้นั่งชมวิวมุมสูง
ส่วนฟิตเนสจะอยู่ชั้นเดียวกันแต่คนละฝั่ง จะได้เป็นแสงเย็นซึ่งเห็นพระอาทิตย์ตกดินแทนครับ
ภายในฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบทั้งฟรีเวทและแมชชีน เพื่อรองรับทุกการใช้งาน เราสามารถปั่นจักรยานหรือวิ่งไปด้วยแล้วชมวิวไปด้วยได้ครับ
ส่วนชั้นล่างจะเป็น Courtyard ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กินพื้นที่ 2 ใน 3 ของอาคารโดยรวมครับ นับว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภายนอกที่เชื่อมต่อการใช้ชีวิตร่วมกันของลูกบ้าน ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมจัดมุมส่วนตัวเพื่อการพักผ่อนเอาไว้ให้ด้วย
A Series of Courtyard เราจึงได้เห็นสวนที่มีเลเยอร์แตกต่างกันออกไป จัดวางต้นไม้ ไม้ดอกและไม้พุ่มแบบเล่นระดับ โดยไล่เรียงมาตั้งแต่พื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหน้าโครงการซึ่งเป็นต้นหูกวางอายุกว่า 50 ปี ต้นไม้เดิมของบ้านเลขที่ 28 ชิดลมอยู่แล้วและทางโครงการยังคงรักษาไว้ พร้อมกับทำเป็นที่นั่งพักผ่อนเอาไว้ให้ด้วย
ส่วนลานด้านในมีที่นั่งจัดไว้ให้พักผ่อนเช่นกัน ต้องยอมรับว่าที่ 28 Chidlom ดูแลสวนได้ดีมาก แทบไม่เห็นหญ้าตายหรือพื้นหญ้าที่ดูเว้าแหว่งเลยครับ มีแต่ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ใบหญ้านานาพันธุ์
ภายในโครงการจัดวางที่นั่งสำหรับให้ลูกบ้านได้นั่งพักผ่อนไว้หลายจุดครับ ไม่ว่าจะเป็น ที่นั่งกลางแจ้งบริเวณลานกว้างตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร กานต์ชอบมากเลย มีแดดอ่อนๆ รำไรตอนบ่ายแก่ๆ กางร่มสนามเก๋ๆ ได้บรรยากาศเหมือนั่งจิบกาแฟ อ่านแมกกาซีนอยู่ที่ปารีสเลยครับ
ส่วนด้านหน้าอาคาร The Tower จะมี Sunken Court ที่โครงการออกแบบและจัดสวนให้เพิ่มเติมเพื่อให้ลูกบ้านได้พักผ่อน หลบหนีจากความวุ่นวายใจกลางเมืองย่านชิดลม ให้เข้ามาพักผ่อนใต้ร่มไม้น้อยใหญ่ พร้อมมุมที่นั่งที่จัดไว้หลากหลาย ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่ มีน้ำตกหินอ่อน Green Spider และธารน้ำไหลให้เราได้ฟังเสียงแล้วรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายที่แท้จริง
ส่วนด้านข้างอาคาร The Villa จะมีไฮไลท์คือ Birdcage Leisure Area เป็นมุมนั่งเล่น ที่ออกแบบมาให้เหมือนอยู่ในกรงนกสีทองเก๋ๆ ถ่ายรูปสวยครับ เหมือนได้มาพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ตหรู
จากสวนจะมีทางเดินไปสู่ Reading Lounge ที่ออกแบบให้มีทางเข้า 2 ทางคือด้านหน้า Lobby และสวนด้านข้าง ทำให้เรามองเห็นสีเขียวของต้นไม้ในขณะที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด
บรรยากาศภายใน Reading Lounge คือเงียบมาก ออกแบบให้คล้ายกับห้องสมุดขนาดย่อม มีหนังสือน่าอ่านจัดวางไว้เต็มไปหมด
ถ้าได้เป็นเจ้าของที่ 28 Chidlom ผมคงมาขลุกอยู่ในห้องนี้ทั้งวันแน่ๆ เลยครับ พร้อมกับจิบกาแฟที่ทางโครงการจัดเอาไว้ให้ ภายในมี Kids Corner สำหรับเด็กด้วยครับ
#โดยสรุป โครงการ 28 Chidlom เป็นอีกโครงการที่น่าสนใจโดยแทบจะไร้ตัวเปรียบเทียบเลยครับ สำหรับคอนโดมิเนียมในย่านชิดลมที่มีความเป็น Freehold บนทำเลที่ได้ชื่อว่าที่ดินแพงที่สุดในประเทศไทย เนื่องด้วยเป็นใจกลางของกรุงเทพมหานคร การเดินทางที่สะดวกทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า อยู่ห่างจาก BTS ชิดลมประมาณ 280 ม. รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ โรงแรมระดับ 5 ดาว เรียกว่าเป็นย่าน Commercial ของกรุงเทพฯ เราไม่ค่อยได้เห็นโครงการที่เป็นที่อยู่อาศัย (Residential) มากนัก
ส่งผลให้ 28 Chidlom กลายเป็น Rare Item ของชิดลม สมกับที่ SC Asset ยกให้ที่นี่เป็น 1 ใน 3 ของ “Limited Luxury Collection” นั่นเองครับ
โดดเด่นด้วยงานออกแบบทั้งภายนอกและภายใน ที่งดงามเลอค่าดุจอัญมณีชิ้นเลิศที่ผ่านการเจียระไนมาเป็นอย่างดี ควรค่าแก่การที่จะมาเป็นเจ้าของ โดยเฉพาะห้อง Courtyard Suites ที่มีจุดเด่นคือเป็นห้องหน้ากว้าง มองเห็นสวนสีเขียวได้เต็มที่แบบ 180 องศา ตัวห้องโปร่งสบายด้วยกระจกแบบ Full-Height และเพดานสูง มาพร้อมกับการวางผังห้องที่คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยสูงสุดในทุกตารางนิ้วเลยก็ว่าได้
สนใจเข้าชมโครงการติดต่อ 1749
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษ https://28chidlom-scasset.com